10.30 น.
ธรรม์บดีเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้อง เขาวางปากกาลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ นรภัทรยิ้มให้เพื่อน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม
“ฉันนัดนายเที่ยง มาทำห่าไรตอนนี้วะ” เจ้าของห้องถาม
“มาส่งคุณแม่ที่โรงพยาบาลน่ะ เลยแวะมาเลย”
“แล้วไม่รอท่านกลับบ้านเหรอ”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวพี่เมฆมารับ” นรภัทรตอบ เขามองถุง แซนวิชบนโต๊ะทำงาน ไม่ถามเจ้าของห้อง คว้าถุงมาวางตรงหน้า หยิบของว่างออกมาหนึ่งชิ้นแล้วลงมือรับประทานทันที “อืม แซนวิชนี่อร่อยดีนะ”
สายตาแปลกใจของธรรม์บดีมองหน้าผู้พูดที่เคี้ยวของกินในปาก
“แค่แซนวิชธรรมดา อร่อยตรงไหนวะ”
“ตรงน้ำสลัดไง ไส้แซนวิชเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ต่างกันก็ตรงน้ำสลัดที่สูตรใครสูตรมัน” นรภัทรตอบเพิ่มเติม “ว่าแต่นายซื้อที่ไหนมา อร่อยดี”
“ไม่ได้ซื้อ ลูกมะ...ลูกหมีทำให้ฉันกิน” ธรรม์บดีเกือบหลุดปากเรียกผิดชื่อ ดีที่รู้ตัวทัน “ฉันยังไม่ทันกิน นายดันกินซะก่อน”
“ช่วยไม่ได้ นายไม่กินเอง” พูดจบก็กัดกินที่เหลือเข้าปาก
“ฉันไม่อยากกินต่างหากล่ะ เพราะถ้าอยากกิน มันคงไม่เหลือถึงนาย” ธรรม์บดีย้อน
“ฝีมือการทำอาหารของลูกหมีดีนะ ดีมากๆ ด้วย ครั้งก่อนไปบ้านนาย ได้กินแกงเลียงใส่กุ้งสด ฉันติดใจเลย คราวหน้าต้องบอกให้ลูกหมีทำให้กินซะแล้ว”
“ไม่เห็นอร่อยเลย กินไปคำนึงแทบจะคายทิ้ง”
“คายทิ้ง” นรภัทรทวนเสียงสูง “คายทิ้งออกจากปากหรือกลืนลงคอวะ วันนั้นนายกินข้าวสองจานเชียวนะ นี่ขนาดไม่อร่อยนะเนี่ย ถ้าอร่อย ข้าวคงหมดหม้อ”
“กวนตีนนะมึง” ธรรม์บดีถึงกับหน้าตึง เมื่อเพื่อนเอาความจริงมาย้อน
“แล้วเมื่อไหร่ลูกหมีจะท้องวะ นี่ก็เดือนนึงแล้วนะ ไม่มีวี่แววเลย มีน้ำยาหรือเปล่าวะไอ้อิฐ”
“ฉันไม่เคยมีอะไรกับเธอ แล้วลูกหมีจะท้องได้ไง ถ้าท้องคงไม่ได้ท้องกับฉันแน่ๆ”
ธรรม์บดีตอบตามจริง ซึ่งเรื่องนี้นรภัทรรู้ดี ที่เอ่ยออกไปก็แค่แซวเพื่อนเล่นๆ
“อย่าบอกนะว่าพึ่งหมอ”
“ก็คงอย่างนั้น เห็นหน้าแล้วกินไม่ลง หมดอารมณ์ดื้อๆ” ความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ธรรม์บดีเลยเปิดอกพูดกับเพื่อนได้ตามตรง
“จริงๆ แล้วฉันไม่อยากยุ่งเรื่องนี้หรอกนะ แต่ก็อดคิดไม่ได้”
“คิดอะไร”
“คิดว่าคุณย่านายขาดทุนยับน่ะสิ นายคิดดูนะ คุณย่าเสียเงินให้ทางนั้นไปสามสิบล้าน ถึงจะมีที่ดินมาค้ำประกันก็เถอะ แต่ก็เสียความรู้สึกที่ถูกเล่นแง่ เปลี่ยนตัวคนมาเป็นเมียนายซะงั้น ถ้านายไม่ทำอะไรเลย ปล่อยไปอย่างนี้ ไม่เรียกขาดทุน ไม่พูดว่าเสียเปรียบก็คงไม่ได้ เพราะทางนั้นมีแต่ได้กับได้” ธรรม์บดีฉุกใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันใด “แล้วที่ดินผืนนั้น ตอนขายจะได้ราคาสามสิบล้านหรือเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะขายได้ แล้วที่นายบอกว่า พึ่งหมอ นายจะเสียเงินซ้ำซ้อนทำไม ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ใช่น้อยๆ นะ ครั้งแรกไม่ติดก็ต้องมีครั้งที่สอง สามตามมา คนที่ฉันรู้จักหมดไปสองล้านยังไม่ติดเลย ทางนายนี่มีแต่เสียกับเสียนะ”
ธรรม์บดีคิดตามคำพูดนรภัทร ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดว่า ทางบ้านตนขาดทุน ไม่ได้อะไรเลยกับการช่วยเหลือลัดดา แล้วยังอาจถูกหัวเราะเยาะที่โง่ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม หากทางนั้นรู้ว่า ต้องพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อมีลูก เสียเงินเพิ่มไปอีก คงถูกนินทาสนุกปาก เจ็บใจไปอีก
“ไหนๆ ลูกหมีก็เป็นเมียนายแล้ว ดื่มเหล้าย้อมใจ จัดการลูกหมีซะ เอาทุนคืนไงล่ะ ถ้าไม่ท้องจริงๆ ค่อยพึ่งหมอ” นรภัทรแนะนำ “แล้วแต่นายนะ มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันแค่แนะนำ ไม่อยากให้นายขาดทุน เพราะอย่างน้อยก็ได้ลูกหมีเป็นเมีย ถอนทุนคืนมาหน่อยก็ยังดี”
“มันก็จริงของนายนะ แบบนี้ฉันเสียเปรียบ ทางนั้นมีแต่ได้กับได้”
“ก็คิดดูเอาเองล่ะกัน” นรภัทรไม่พูดต่อ “ฉันว่าเราไปกันเลยดีกว่า ไปหาไรกินก่อน ค่อยไปที่งาน ฉันยังไม่หายหิวเลย”
ธรรม์บดีตกปากรับคำ เพราะเขาเองก็หิวไม่แพ้กัน ด้วยความที่มีอคติกับกุลธิรัตน์เป็นอย่างมาก เขาจึงไม่ได้กินมื้อเช้าและแซนวิชที่หล่อนทำ ตอนนี้ท้องเลยร้องประท้วง ขณะที่เขาลุกขึ้นออกไปจากห้องไปพร้อมกับนรภัทรด้วยความหิว ทว่าสมองยังนึกถึงคำแนะนำของเพื่อน เห็นทีเขาต้องตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้
บ่ายสองโมง
กุลธิรัตน์เดินเข้ามาในร้านกาแฟแบรนด์ดัง ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา หล่อนโบกมือให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านใน ก่อนเดินไปหา
“มานานหรือยัง ขอโทษนะที่มาช้า” กุลธิรัตน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แกนี่ขยันขอโทษนะ มาทีหลังเพื่อนทีไร ขอโทษทุกที ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดเลย” พัชรินทร์อดว่าเพื่อนไม่ได้ “ฉันเพิ่งมาไม่ถึงนาทีเลย”
“ก็แกมาก่อนไง ฉันเลยขอโทษ”
“ย่ะ แม่คนดี ขอโทษอยู่นั่น เซ็งกับแกจริงๆ” กุลธิรัตน์กลับยิ้มให้พัชรินทร์ เพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่หนึ่ง สนิทกันจนถึงทุกวันนี้ “รอปูจาก่อน เดี๋ยวมันมา”
ปูจาหรือมิ่งเมือง ชาวเขาเผ่ามูซอบนดอยสูง เพื่อนสนิทอีกคนในรั้วสถานสงเคราะห์ อยู่ด้วยกันจนจบมัธยมศึกษาปีที่หก
“ว่าแต่ทำไมแกนัดที่นี่ล่ะ ของกินที่นี่แพงนะ เสียดายเงิน ไปกินร้านข้างทางดีกว่า”
“วันนี้ฉันเงินเดือนออก ฉันก็อยากกินอาหารในห้างบ้างน่ะสิ” พัชรินทร์ตอบเพื่อน “ฉันได้เงินพิเศษจากเจ้านายมา เพราะฉันดิวงานกับลูกค้าได้ ได้มาตั้งหมื่นนึงแน่ะ ฉันเลยโทรนัดแกกับปูจามาหาไรกินกันที่นี่ไง”
“ฉันอยากมีงาน มีเงินเดือนเหมือนแกจัง หาตั้งหลายที่แล้ว ไม่ได้สักที”
ก่อนหน้ามาเป็นเมียธรรม์บดี หล่อนทำงานในบริษัทเอกชน ทำได้ร่วมสองปี หล่อนจำต้องออกจากงาน เนื่องจากบริษัทตกอยู่สภาวะขาดทุนติดต่อกันเป็นปี จำเป็นต้องคัดพนักงานออก กุลธิรัตน์เป็นหนึ่งในสามสิบคน หล่อนจึงตกอยู่ในสถานะว่างงาน หางานมาเป็นเดือนก็ยังไม่ได้ เงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เป็นเงินที่เก็บสะสมไว้ แม้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
บทที่ 86 “น้าคงจำผมได้ใช่ไหมครับ เจ้าของเงินห้าแสนที่ให้น้าแก้กรรมให้เมียผมเมื่อสิบวันก่อน” ธรรม์บดีถามหลังจากทรุดตัวนั่งบนโซฟา “ค่ะ จำได้ค่ะ” เสียงตอบค่อนข้างสั่น หัวใจเต้นแรง “ไหนล่ะครับ หลักฐานว่าน้าแก้กรรมให้แล้ว ตั้งแต่จ่ายเงินไป ผมไม่ได้รับการติดต่อจากน้าเลย” ธรรม์บดีทวง สมใจแม้ว่าใจหวาดหวั่น แต่นางตั้งสติได้ เปิดคลิปที่บันทึกไว้ให้ธรรม์บดีดู “นี่ไงคะ น้าว่าจะส่งให้ดูก็ลืมทุกที” สมใจทำสีหน้าปกติ “คลิปนี้หรือครับ ที่น้าทำพิธีให้เมียผม” ธรรม์บดีถามย้ำ “แน่ใจนะครับว่าเป็นพิธีแก้กรรมให้เมียผม” “ใช่ค่ะ คลิปนี้แหละค่ะ” สมใจตอบไม่ติดขัด ครั้งนี้สมใจใจไม่สู้ดีนัก นางต้มตุ๋นคนมาเยอะ ไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง แม้บางหนจะคล้ายถูกจับผิดได้ แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้ ทว่าเวลานี้ นางใจเต้นระส่ำมาก กลัว กังวลอย่างบอกไม่ถูก “เอ...ผมว่าคลิปนี้ผมเคยเห็นนะครับ” ธรรม์บดีพูด ขณะหยิบมือถือตนขึ้นมาเปิดคลิป ก่อนหันหน้าจอมมือถือให้สมใจดู “นี่ไงครับ พิธีกรรมเหมือนกันเลย เป็นแบบนี้แล้ว คลิปที่น้าให้ผมดู จะใช้พิธีกรรมที่น้าทำให้เมียผมจริงหรื
บทที่ 85 “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” เขาเร่งเร้าอารมณ์กุลธิรัตน์เก่งมาก จุดเชื่อมต่อขยับเข้าออกเนิบช้า บางจังหวะมีเผลอกระแทกแรงๆ แต่เพียงไม่กี่ครั้ง มือใหญ่ทำงานอยู่สองจุดคือ หนึ่งนวดเฟ้นทรวงอกสล้างทั้งสองข้าง หมนุยอดถันบ้างบางเวลา จุดที่สองคือ เนินสวาทเต็มมือ เขาวางนิ้วลงบนเม็ดกระสัน สะกิดบ้าง บดบี้บ้าง ทำงานควบคู่กับเอวใหญ่กระชั้นกายแกร่งเข้าสู่คูหาสวรรค์ “พี่อิฐ พี่อิฐ”“ลูกหมี...ที่รัก...อา” ความสุขสมของกุลธิรัตน์ โอบรัดลำทวนใหญ่จนเขาเสียวไปทั่วตัว เร่งจังหวะมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้ตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “ที่รัก...ที่รักของพี่”ธรรม์บดีหยุดแช่นิ่งตัวตนในจังหวะสุดท้าย กอดร่างอวบอิ่มไว้แน่น จูบหัวไหล่หล่อนเบาๆ หลังจากดึงกายชายออกจากตัว เขาอุ้มร่างคนท้องเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำให้หล่อนสดชื่น เวลานอนจะได้หลับสบาย แล้วเสร็จก็พาภรรยามานอนที่เตียง“พี่รักลูกหมีนะครับ” เช่นทุกคืนก่อนนอน ที่เขาเอ่ยคำนี้ ก้มหน้าจูบหน้าผากกุลธิรัตน์“ลูกหมีรักพี่อิฐค่ะ” ผลัดกันบอกรัก เติมความหวานให้กันและกัน ธรรม์บดียิ้ม เอนตัวนอนข้างหล่อน โอบกอดภรรยาที่รักสุดหัวใจ และไม่มีวันให้ใครทำร้ายหล่อนได้แม้แต่ปลายก้อย หาก
บทที่ 84 “วันนี้ลูกหมีคงตกใจน่าดู พี่จูบปลอบขวัญละกันนะครับ”ธรรม์บดีรั้งร่างอวบเข้ามากอด เขาบรรจงแนบปากลงบนกลีบปากนุ่มละมุน ตรึงใจเขาเรื่อยมาแม้ว่าผ่านมาหลายปี กุลธิรัตน์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ธรรม์บดีปรารถนา และวางหัวใจให้ จุมพิตครั้งนี้ไม่ต่างกับครั้งก่อน ยังคงอ่อนหวาน อ่อนโยนและเรียกร้องไปในที เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของบทเพลงรัก ที่เขากำลังป้อนให้ภรรยา อายุครรภ์หกเดือนไม่ใช่ปัญหา ธรรม์บดีรู้ดีว่า ตนต้องทำอย่างไร ให้เขาและภรรยามีความสุข ในขณะเดียวกันก็ทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ หลังจากจุมพิตปากหวานสะท้านใจจนพอใจ เขาละห่างเพื่อจัดการชุดนอนของกุลธิรัตน์ให้พ้นตัว เมื่อหล่อนอยู่ในสภาพไร้ซึ่งอาภรณ์ เขาวางมือลงบนท้องนูน ลูบแผ่วเบา คล้ายทักทายคนสำคัญในนั้น ร่างอวบอิ่มถูกดันให้นอนราบบนที่นอน ธรรม์บดีเอนตัวเกยก่าย มือใหญ่วางลงบนดอกบัวสล้าง ที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย บีบเบาๆ เคล้นหนักมือพอประมาณ “พี่รักลูกหมีที่สุดในโลก” ธรรม์บดีเอ่ยคำหวาน จุมพิตปากสาวอีกรอบ ไม่นานนักเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแก้มนวล แวะเวียนหอมหลายฟอด ปลุกความซ่านสยิวให้สาวเจ้าตรง
บทที่ 83 “น้าดูดวงให้ใครมาเยอะค่ะ แล้วทุกคนก็เชื่อตามที่น้าแนะนำ แต่ก็มีบ้างค่ะที่ไม่เชื่อ คนเชื่อและทำตามก็ดีไป แก้กรรมได้ทัน บางคนไม่เชื่อ ไม่ทำตามที่น้าบอก เลยเกิดเรื่องไม่ดี อย่างคนนึงค่ะ น้าบอกว่าหลานที่เกิดมาถ้าเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าเป็นหญิงไม่ดี เธอกลับไม่เชื่อน้าค่ะ สุดท้ายก็ได้หลานผู้หญิง ครอบครัวเลยวิบัติ ถ้าเชื่อน่าแล้วทำตามล่ะก็ คงไม่เป็นแบบนี้” สมใจพูดโอ้อวดกุลธิรัตน์หน้าเสียขึ้นมาทันใด มีความตกใจเข้าแทรก เพราะเรื่องราวคล้ายกับลัดดา ที่เชื่อหมอดูมากเหลือเกิน หล่อนจับมือสามีไว้แน่น ซึ่งธรรม์บดีรับรู้ได้ว่า ภรรยารู้สึกเช่นไร เดือนดาว มณี กรกนกทำหน้าเหมือนมีอะไรติดในใจ กับเรื่องราวคุ้นๆ “แล้วโหงวเฮ้งเมียผมเป็นยังไงครับ มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ” ธรรม์บดีถามราวกับว่าสนใจ เขาอยากรู้ว่า สมใจจะมาไม้ไหน “แล้วพอจะบอกผมได้ไหมครับว่า ชื่อของคนที่คุณบอกว่า ไม่เชื่อคำพูดคุณ แล้วครอบครัววิบัติ คือใคร” “ได้สิคะ ยกตัวอย่างคนนี้ค่ะ ชื่อลัดดา น้าบอกเธอว่า ถ้าหลานเกิดมาเป็นผู้หญิงจะไม่ดี แต่เธอไม่เชื่อค่ะ ให้หลานสาวเกิดมาจนได้ ก็เลยเกิดเรื่องไม่ดี” สมใจได้รับเ
บทที่ 82 วันหยุดยาวหลายวัน สองครอบครัวมีทริปเที่ยวทะเล ตามที่ธวัฒน์ชลอยากมา สถานที่ที่ทั้งหมดเลือกคือ ทะเลแถวจังหวัดตรัง บ้านพักริมทะเลของญาติกรกนกคือบ้านพักของพวกเขา ครั้งนี้มากันครบองค์ประชุม นอกจากเหตุผลตามใจธวัฒน์ชล อีกเหตุผลหนึ่งคือ ธรรม์บดีมาติดต่อซื้อบ้านพักที่อยู่ห่างไปสี่ร้อยเมตร เจ้าของประสบปัญหาทางการเงิน จึงขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เมื่อฐากูรรู้เรื่องจึงนำมาบอกธรรม์บดี เขาสนใจเพราะคิดว่า ต่อยอดได้ ผ่านมาสี่ปีความพยายามฐากูรในการผลิตทายาทไม่เป็นผล ทั้งวิธีธรรมชาติและพึ่งวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทั้งสองจึงไม่รีบเร่ง คิดในแง่บวกคือ หากมีบุญวาสนาต่อกัน ทายาททั้งคู่คงมาเอง การไม่รีบร้อน ปล่อยไปตามบุญพาวาสนา ทั้งคู่ตกลงกันว่า สุดท้ายไม่มีลูกจริง ก็จะเลี้ยงหลานที่เกิดจากกุลธิรัตน์กับเก็จมณี เพราะถือว่า เป็นคนในครอบครัวทั้งสองเช่นกัน เอ่ยถึงเก็จมณี ความรักครั้งแรกของหล่อนพังทลาย เมื่อเขาคนนั้นคือน้องชายตนเอง เก็จมณีจึงกลบความรักของตนไว้ก้นบึงหัวใจ ไม่เปิดใจรับใครทั้งสิ้น แม้คนที่มาจีบ บางคนโปรไฟล์เลิศ หล่อ รวย ดูดีมีชาติตระกูล หล่อนขอรับชายเ
บทที่ 81บ้านหิรัญภักดีหลังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือ สมาชิกในบ้าน และความสุขที่มากขึ้นทุกวัน คนที่สร้างความสุขใจให้ทุกคน เป็นใครไม่ได้นอกจากเด็กชายธวัฒน์ชลหรือน้องชอปเปอร์ วัยสี่ขวบ จุดศูนย์รวมแห่งความรัก สร้างความบันเทิงให้ทุกคนไม่น้อย ไม่เพียงแค่ครอบครัวหิรัญภักดีที่ได้รับความสุข ครอบครัวอนันตเสรีได้รับความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะกรกนก นางมีความสุขนอกจากมีหลานชายไว้อุ้มชู เก็จมณีลูกสาวนอกสายเลือดที่นางรักไม่ต่างกับลูก เป็นคนดีขึ้นมากแบบหนึ่งล้านเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ไม่คิดทำอะไร เวลานี้เป็นเจ้าของร้านสเต็กที่ได้รับความนิยมในเวลาเพียงแค่หกเดือน ชื่อร้านของเก็จมณี ไม่ได้เลิศหรู เป็นภาษาต่างประเทศที่หลายร้านมักใช้ หล่อนใช้ชื่อ ร้านสเต็กกรกนก เพราะคิดว่า มารดาคือสิ่งมงคลที่สุดสำหรับชีวิต เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และเป็นแม่ที่ให้โอกาสลูกเสมอ โดยเฉพาะกับหล่อน ลูกที่นางไม่ควรได้รับโอกาสจากใคร นิสัยเก็จมณีเปลี่ยนไปเช่นกัน จากใช้ของฟุ่มเฟือย เก่งแต่ซื้อ แต่ไม่ค่อยใช้ เข้ากับคำพูดที่ว่า ของมันต้องมี โดยไม่สนใจเรื่องราคา เวลานี้เก็จมณีไม่ใช่นักช็อป หล่อนใช้ของที่มีอยู่สลับกันไป