Wanna be yours
บทนำ
กลางดึก
เข้าปีที่สองแล้วที่ นับดาว ได้มีโอกาสออกมาใช้ชีวิตอย่างจริงจังจากละแวกบ้านซึ่งอยู่แถบชานเมือง นับว่าเป็นโชคดีที่อย่างน้อยก็ได้เป็นรูมเมตร่วมห้องกับพี่ชายแท้ ๆ อย่าง นับคลื่น แต่หากพี่สาวต่างบิดาอย่าง นับทราย ไม่ซิ่วไปเรียนที่ต่างจังหวัดเสียก่อนเธอก็คงเลือกอยู่กับพี่ทรายมากกว่า เพราะนิสัยส่วนตัวพี่คลื่นใช่ว่าจะดีเหมือนหน้าตา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่คลื่น”
ร่างผอมเพรียวในสภาพมวยผมหลุดลุ่ยเพราะเพิ่งผละจากเตียงยืนกอดอกรอฟังการตอบกลับจากอีกฝั่งของบานประตูห้องนอนใหญ่ แม้จะอยู่ในสภาพงัวเงียแต่นัยน์ตาใสก็ตื่นตัวชำเลืองมองไปยังโซฟาหนังสีดำซึ่งตั้งโดดอยู่กลางห้องขนาด 1 เบดรูมพลัส
แสงสลัวจากโคมไฟตั้งพื้นเผยให้เห็นร่างโปร่งกำยำคุ้นตากำลังหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ฮาร์เปอร์ หรือที่เธอเรียกเขาว่า พี่เปอร์ เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของพี่ชาย
ใบหน้าหล่อคมเฉียบตามสไตล์ลูกเสี้ยวตะวันตกพักก้านคอเข้ากับพนักพิงพลางก็ปลดกระดุมเชิ้ตสีดำด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ดวงตาสีอ่อนทว่าคมกริบจะชำเลืองมองมาแค่ในจังหวะที่เธอรัวเคาะประตูซ้ำไปซ้ำมาเพื่อทำการปลุกอีกบุคคลเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่คลื่น”
กริบ…
ก็เห็นได้ชัด… เห็นได้ชัดว่าหากจะหาใครนอนหลับเหมือนระบบประสาทล้มเหลวเฉียบพลันคงไม่พ้นพี่คลื่นของเธอนี่เอง
หลังจากย้ายมาอาศัยที่คอนโดเดียวกันได้ร่วมปี นับดาวก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของพี่ที่ราวกับจะรวบรวมหนุ่มฮอตของมหา’ลัยเอาไว้สามารถเข้านอกออกในที่นี่ได้ตามสบาย
กฎข้อเดียว คือพี่คลื่นจะต้องอยู่ที่ห้อง หากน้องสาวอย่างเธออยู่เพียงลำพังจะใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาตามอำเภอใจ และถึงตอนนี้ก็ไม่แปลกใจที่ได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของผู้มาเยือนยามวิกาล
“ดาวว่าพี่คลื่นคงไม่ตื่น” ร่างเพรียวบางยกมือยอมแพ้ในที่สุด ขาเรียวสวยก้าวเข้าหาคนที่ยังคงนั่งรอเพื่อให้ข้อสรุป “พี่เปอร์จะนอนนี่ก็ได้ มีธุระอะไรไว้คุยพรุ่งนี้แล้วกัน นี่ก็ดึกแล้วด้วย”
“อืม”
“แต่ถ้าพี่จะกลับก่อน ฝากดาวบอกพี่คลื่นก็ได้”
“…”
“หรืออยากกินอะไรไหม? ดาวทำมาม่าให้ได้นะ…” ท้ายเสียงเจ้าของข้อเสนอขาดหายเมื่อสายตาสังเกตเห็นคราบเลือดที่หางคิ้วของอีกฝ่าย ประกอบกันบนเค้าหน้าหล่อก็ปรากฏรอยฟกช้ำจาง ๆ “พี่ไปโดนอะไรมา?”
“ตกใจอะไร?” เจ้าของบาดแผลเลิกคิ้วจ้องตอบอย่างไม่ยี่หระพลางก็ยกนิ้วขึ้นคลึงนวดขมับขยายความเสียงขัน “ไม่รู้ว่าจะคุยกับคนมีเจ้าของ เลยโดนผัวเขาซัดหน้ามา”
“…”
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนผิด คงวางมวยกับแม่งสักตั้ง” ฮาร์เปอร์ขยับกรามซ้ายขวาหน้านิ่วคิ้วขมวดสบถด่ากับตัวเองด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
ขณะเดียวกันร่างบางก็ทำทีไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ได้ฟัง แม้ความจริงจะใส่ใจมากก็ตามที
“ดีที่หน้าไม่แหก” ปากก็ว่าอย่างนั้น แต่นับดาวก็เดินไปหากล่องอุปกรณ์ทำแผล ก่อนนาทีถัดมาจะหย่อนกายนั่งลงที่ข้างกันกับคนตัวโต
“ลายนี้?” ฮาร์เปอร์หรี่ตามองพลาสเตอร์ยาลายลูกหมีสีฟ้าก่อนจะสั่นหัวค้าน “ไม่แปะ”
“หันหน้ามาสิ ดาวแปะให้” นับดาวไม่ใส่ใจเสียงจิ๊จ๊ะของคนห่วงหล่อแต่บรรจงแปะพลาสเตอร์ยาอย่างตั้งอกตั้งใจโดยมีเสียงบ่นกระปอดกระแปดร่ายยาวอยู่ที่ข้างตัว
“ตอนถามเขาก็บอกว่าไม่มีแฟน ก็ใช่อะดิ ไม่มีแฟนแต่มีผัวตัวเป็น ๆ สงสัยช่วงนี้เรดาห์พัง จีบกี่คนก็มีผัวหมด…”
“…” นับดาวยังคงทำได้เพียงผงกศีรษะรับฟัง
ก็เหมือนทุกทีที่อีกฝ่ายมักจะมาบ่นเรื่องราวประเภทนี้ให้ฟัง ไม่ว่าจะปรึกษาเรื่องสาว ๆ หรือระบายความอัดอั้น หรืออะไร ๆ ใด ๆ ก็ตาม เขาไม่พ้นมาบ่นให้น้องสาวเพื่อนแบบเธอฟัง ผ่านมานานหลายปีเธอก็เริ่มชินชากับสถานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ที่ได้รับมาโดยไม่เต็มใจ
“ดีที่ยังไม่ได้กิน ไม่งั้นฉิบหายแน่”
“อือ” ก็หากกินกับเมียชาวบ้านจริง พี่เปอร์ของเธอคงไม่โดนแค่รอยฟกช้ำแบบนี้ เผลอ ๆ อาจได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล “เสร็จแล้ว”
แม้จะเช็ดคราบเลือดที่หลงเหลือบนผิวหน้าของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็ยังคงจับสายตาค้างที่ตำแหน่งเดิมด้วยความเป็นห่วง และยิ่งได้มองในระยะประชิดเธอก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเพื่อนของพี่ชายหล่อเหลาขึ้นทุกวันนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ในกลุ่มเพื่อนของนับคลื่นมีคนตรงหน้าเพียงคนเดียวที่นับดาวมีโอกาสได้รู้จักตั้งแต่สมัยศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย นานวันผ่านไปถึงได้รู้ว่าหากเธอไม่ใช่น้องของพี่คลื่นก็คงเป็นเรื่องยากที่จะได้เฉียดเข้าใกล้หนุ่มฮอตอย่างเขา และคงเพราะได้เจอหน้ากันนานเกินพอดีเลยทำให้ตัวเธอ แอบคิดเกินเลยไปไกล ไกลเกินกว่าสถานะที่ได้รับมา
ความเงียบเข้าแทรกบทสนทนาตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงหากได้อยู่ใกล้อีกฝ่ายเมื่อไรนับดาวก็มักมีอาการใจลอยแบบนี้เสมอ กระทั่งดวงตาคมหันมองมา เธอถึงได้สติตั้งท่าผละออกห่างในที่สุด
“เดี๋ยวดาวไปเอาผ้าห่มให้พี่ดีกว่า”
“ไม่ต้อง” มือกระด้างของฮาร์เปอร์คว้าจับเข้าที่แขนเรียว ก่อนแขนข้างหนึ่งของเขาจะพาดวางเข้าที่ลาดไหล่บอบบางดึงเข้าหาตัวอย่างคนที่สนิทสนมกันดี “นอนได้ ไม่ต้องเอาผ้าห่มมา”
“อือ” ก็คงเป็นอีกครั้งที่เสียงขานรับผ่านลำคอของนับดาวแผ่วเบาฟังแทบไม่ได้ยิน
กระนั้นเจ้าของสัมผัสชวนคิดไปไกลก็ราวกับจะไม่รู้ตัว กดจูบเข้าที่เรือนผมของเธออย่างมันเขี้ยว ใบหน้าหล่อยังคงเอ็นดูเธอเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่มุมปากช้ำเลือดผุดรอยยิ้มชวนใจสั่น สายตาไม่คิดอะไรก็ยังคงทำให้ใจเต้นแรงได้ไม่ต่างจากที่เคย
“ไปนอนได้แล้ว โทษทีที่มากวนตอนดึก”
“ไม่เป็นไร” ใบหน้าสวยหลบเลี่ยงที่จะสบตา
หากหลอดไฟให้ความสว่างได้มากกว่านี้ความรู้สึกของนับดาวคงถูกเปิดเปลือย แต่แน่นอนว่าสุดท้ายความรู้สึกลับ ๆ ก็ยังคงสามารถสะกดเก็บเอาไว้ได้ผ่านสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ
“ขออาบน้ำสักสิบนาที”
ร่างสูงของฮาร์เปอร์ผละขึ้นยืนพลางก็เริ่มผิวปากเดินห่างออกไปอย่างคนไม่คิดอะไร เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ทำให้คนใจบางพอได้คิดไปไกลแบบที่ไม่เหมาะไม่ควร
ตลอดระยะขวบปีให้หลังที่ผ่านมา ผ่าวร้อนช่วงลำคอของนับดาวผากแห้งนับครั้งไม่ถ้วนกับภาพแผ่นหลังกว้างรวมถึงความกำยำตำแหน่งถัดลงไปจากกล้ามเนื้อหน้าท้องของอีกฝ่าย
กายภาพทางเพศที่มีโอกาสได้เห็นบ่อยครั้งเกินความจำเป็นทำเอาเธอต้องละสายตากลับมา ความรุ่มร้อนที่แล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างในขณะนี้ราวกับจะประกาศให้รู้… รู้ว่าเธอถึงวัยแรกแย้มแล้วจริง ๆ
การมาอยู่กับพี่ชายทำให้นับดาวจำเป็นต้องปรับตัวหลายอย่างเพราะไลฟ์สไตล์หญิงชายย่อมต่างกัน แต่เธอไม่ปฏิเสธว่าเรื่องดีเรื่องเดียวที่เธอได้มาอยู่กับพี่ คงไม่พ้นการได้เจอหน้าคนบางคน ในทุกวัน
แม้ ใครคนที่ว่า จะไม่เคยใช้ความรู้สึกแม้เพียงเล็กน้อยหันมองมาที่เธอซึ่งอยู่ ใกล้ ชนิดห่างแค่เพียงองศาเดียวก็ตามที ถึงในปัจจุบันนี้เธอก็ยังเป็นได้แค่น้องสาวที่อยู่ห่างจากระยะสายตาของเขาไม่ต่างจากที่เคย
コメント