“ดังนั้นล่ะ?”เสิ่นอวี้วางของกินลง มองไปทางนางหลิ่วอี๋เหนียงเห็นว่านางสนใจ หยุดร้องไห้ทันที พลันรีบก้าวออกไปกล่าว “อวี้เอ๋อร์ ฉิ่งเอ๋อร์รู้ว่าตัวเองผิดแล้ว ท่านแม่ของเจ้าก็พูดแล้ว จะรีบหาคนให้นางแต่งออกไป ต่อไปนางก็จะไม่ขวางหูขวางตาเจ้าอีก…แต่นางก็ต้องหาใครสักคนก่อนกระมัง?”ชาติที่แล้วและชาตินี้ เสิ่นอวี้อยู่กับนางนานเช่นนี้ นางแค่ยกหาง เสิ่นอวี้ก็รู้แล้วว่านางจะผายลมอะไรได้ยินนางกล่าวอย่างที่คิด “ท่านแม่ของเจ้าใจร้อนเกินไป โอกาสที่ชายหหญิงเจอกันนั้นมีจำกัด งานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาเฒ่าเป็นโอกาสที่เหมาะสม เจ้าแค่พานางไปด้วย ให้นางดูพวกคุณชายที่มาร่วมอวยพร…”“แค่นี้เองหรือ?”เสิ่นอวี้ตัดบทนางคนที่ซ่งหว่านฉิ่งอยากแต่งงานด้วยคือจ้านอวิ๋นเซียว ไม่มีจ้านอวิ๋นเซียว นางยังสามารถเลือกองค์ชายสามหยวนเฉินเหมือนชาติที่แล้ว ชนชั้นราชวงศ์อยู่ตรงหน้า นางจำเป็นต้องไปดูตัวผู้อื่นที่งานเลี้ยงวันเกิดพระชายาเฒ่าอีกหรือ?แต่เสิ่นอวี้ผ่านประสบการณ์สองชาติ ดวงตาของนางลึกล้ำ ความคิดของนางไม่ใช่สิ่งที่หลิ่วอี๋เหนียงสามารถมองออกพลันดวงตาหลิ่วอี๋เหนียงกะพริบ นางพยักหน้า “แค่นี้แหละ”“ถือว่าแม่ขอร้
“อ๋องหมิงหยางมาแล้ว!”ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะเบ็งเสียงเบา ในห้องราวกับถูกจุดชนวนทันที “สมกับเป็นอ๋องหมิงหยาง บาดเจ็บจนต้องนั่งรถเข็นเช่นนั้น ก็ไม่สามารถบดบังกลิ่นอายความน่าเกรงขามที่ได้มาจากการเข่นฆ่าบนสนามรบ!”“ขุนนางอย่างพวกเราเทียบอะไรท่านอ๋องไม่ได้เลย!”ภายในห้องเต็มไปด้วยคำชื่นชมเขาหัวใจเสิ่นอวี้ก็เต้นรัวเช่นกันเขาพิการขาสองข้าง กลับดูน่าหลงใหลกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน…ไม่รู้ว่าเกิดจากจิตใจที่เปลี่ยนไปของนาง หรือเพราะกำลังภายในทั้งหมดของเขามาควบรวมอยู่ตรงร่างกายส่วนบนเวลาราวกับถูกยืดยาวขึ้น เสิ่นอวี้รู้สึกว่าลมหายใจของตนเองแทบหยุดชะงักสายตาของจ้านอวิ๋นเซียวกวาดผ่านทุกคน มาหยุดอยู่ตรงใบหน้านางชั่วขณะไร้คลื่นเหนือน้ำ แต่กลับมีคลื่นใต้น้ำสายตาประสานกัน หัวใจเสิ่นอวี้สั่นสะท้านเมื่อหวนคืนสติ เขาได้โยกรถเข็นเข้าไปในห้องแล้ว พลันกล่าวเสียงดังกึกก้องไปยังเก้าอี้หลัก “กระหม่อมคำนับฝ่าบาท! ขอให้ท่านย่าสุขภาพแข็งแรงอายุยืนหมื่นปี!”ฮ่องเต้กลับมองไปทางเขาด้วยความเป็นห่วง “อ๋องหมิงหยาง อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? จะให้ข้าประทานหมอดังทั่วหล้าหรือไม่…”“ไม่เป็นไรแล้วพ่ะย
จากนั้นเสียง ‘ชิ้ง’ ดังขึ้น ถั่วลิสงเม็ดหนึ่งกระแทกใส่คมกระบี่ พลันปลายกระบี่เบี่ยง เฉียดหัวไหล่ของนางไป รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นอันตรายเหมือนกับชาติที่แล้ว จ้านอวิ๋นเซียวลงมือหยุดท่านอ๋องจ้านเฒ่าไว้เสิ่นอวี้ค่อยๆ หายใจตั้งสติ หลบสายตาผู้อื่น ก้มหน้ามองเศษกระดาษที่ตนแย่งมาภายใต้สถานการณ์คับขันเมื่อครู่จากนั้นก็ตั้งสติได้!หนังสือแต่งงานที่ซ่งหว่านฉิ่งฉีกเป็นของปลอม!นางเก็บเศษกระดาษ หันไปมององค์ชายสาม และซ่งหว่านฉิ่งกับเจ้ากรมซุนแวบหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยเจตนาที่เยือกเย็นในเมื่อพวกเขาวางกับดักทั่วสิบทิศคิดจะฆ่านาง เช่นนั้นก็อย่าโทษว่านางโหดเหี้ยม ใช้แผนซ้อนแผนดึงพวกเขาเข้ามาเอี่ยวทีละคน แบกรับไม่ไหวก็ต้องรับให้ได้!นางค่อยๆ ยื่นตัวตรง กลืนคำพูดที่มาถึงปลายลิ้นกลับเข้าไปเมื่อเงยหน้าอีกครั้ง บนใบหน้าเผยให้เห็นความตื่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง พลันขอความช่วยเหลือจากป๋ายชีอย่างประหม่า “ป๋าย…ป๋ายชี ช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่…”ป๋ายชีกำลังโมโหเรื่องที่นางฉีกหนังสือแต่งงาน ตอนนี้ไม่อยากสนใจนางด้วยซ้ำ จึงเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเสิ่นอวี้มองไปทางจ้านอวิ๋นเซียว“...”จ้านอวิ๋นเซียว
เมื่อนึกถึงวันนี้ในชาติที่แล้ว ฮ่องเต้ยอมให้องค์ชายสามและเจ้ากรมซุนทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ รอหลังจากเสิ่นจ้านสองตระกูลแตกหัก เขาทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียวอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้อ๋องหมิงหยางได้รับความขุ่นเคือง ข้ารู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก วันหลังจะหาการแต่งงานดีๆ ให้เจ้า!”เมื่อหันศีรษะก็มีราชโองการฉบับหนึ่งลงมา แต่งตั้งลูกพี่ลูกน้องขององค์ชายสามเป็นองค์หญิง ประทานการแต่งงานให้จ้านอวิ๋นเซียว ช่วยองค์ชายสามฝังเบี้ยหนึ่งเม็ดไว้ในจวนอ๋องหมิงหยางหากบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ใครจะเชื่อ?เกรงว่าเขาคงกลัวจ้านอวิ๋นเซียวเป็นภัยคุกคามบัลลังก์ของเขานานแล้ว จึงอยากกำจัดเขา!อย่างไรก็ตาม จ้านอวิ๋นเซียวได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องและขุนพลตอนอายุสิบสี่ปี อายุยังน้อยก็อยู่ใต้คนคนเดียวและอยู่เหนือคนนับหมื่น ส่วนฮ่องเต้อายุเกินครึ่งร้อย เริ่มเห็นหงอกบนผมแล้ว ควบคู่กับแม้ลูกชายทั้งหลายของเขาก็ไม่นับว่าด้อย ทว่ากลับไม่มีใครใช่คู่ต่อสู้ของจ้านอวิ๋นเซียวเมื่อรอเขาอายุร้อยปี เกรงว่าพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ จะเปลี่ยนเป็นเเซ่จ้านแล้ว! เขาย่อมอยากให้จ้านอวิ๋นเซียวสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด!เมื่อไรที่จ้านอวิ๋น
ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือใช่ไม่ เขามองเห็นการเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่งในแววตานางองค์ชายสามอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแน่นหน้าอก!นางรู้แล้วว่าเขากำลังปั่นหัวหลอกใช้นางอย่างนั้นหรือ?แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของตนเองนั้นเหลวไหลสิ้นดีเสิ่นอวี้คลั่งรักเขานานหลายปี และยังมีซ่งหว่านฉิ่งกับหลิ่วอี๋เหนียงค่อยเป่าหูอยู่ข้างๆ ควบคู่กับหลายปีมานี้เขาก็ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาเยี่ยนหนาน เขาพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้นางอาสานัดจ้านอวิ๋นเซียวออกมาอย่างกระตือรือร้นสุดท้าย ยิ่งกลิ้งลงหน้าผาโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง บีบจ้านอวิ๋นเซียวไปช่วยนาง จึงทำให้แผนการของเขาสำเร็จ…ผู้หญิงที่แทบรอไม่ไหวอยากมอบชีวิตให้เขาเช่นนี้ จะแสดงสีหน้าเช่นนี้ให้เขาได้อย่างไร?เขาสูดลมเข้าลึกๆ โดยไม่รู้ตัว พลันยิ้มเล็กน้อยให้นางอย่างผ่อนคลาย “คุณหนูเสิ่นสามเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจ้าไม่กลัวการเผชิญหน้าความอันตราย”เขาไม่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ลับของเขากับนาง ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน แต่ชื่นชมนางและบอกความสงสัยของตนเองออกมาแทน ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนการหยั่งเชิงและการเตือนที่ชาญฉล
เสิ่นอวี้กำสองมือแน่น จ้องลูกพี่ลูกน้องที่ตนเองเคยปฏิบัติต่อด้วยความจริงใจคนนี้ จนกระทั่งตอนนี้จึงจะรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่านางเกลียดนางมากเพียงใด และอยากให้นางตายมากเพียงใด!เพียงแต่ตอนนี้ สิ่งที่นางรอก็คือเวลาที่ซ่งหว่านฉิ่งพูดแทนองค์ชายสาม! เสิ่นอวี้หัวเราะอย่างเย็นชาในใจ พลันจ้องซ่งหว่านฉิ่งค่อยๆ เอ่ยปาก “ตกลงเป็นเจ้าที่อับอายหรือเป็นเขาที่อับอาย? หรือเจ้าเข้าใจความอับอายในใจเขามาก? หรือว่าเจ้าเป็นพยาธิตัวกลมในท้องข้า ข้าชอบใครเจ้าต้องเป็นคนตัดสินใจเอง? หรือเจ้าเป็นพยาธิตัวกลมในท้ององค์ชายสาม หรือเขาใบ้อะไรให้เจ้า?”“เจ้า…”ซ่งหว่านฉิ่งได้ยินแล้วตัวแข็งทื่อ ถูกต่อว่าจนพูดไม่ออกนางมองดูเสิ่นอวี้อย่างตะลึงงัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและเหลือเชื่อเปลี่ยนเป็นนางคนก่อน ควรจะรีบแสดงออกว่าตนเองรักองค์ชายสามมากเพียงใด และรังเกียจจ้านอวิ๋นเซียวเพียงใด รีบขีดเส้นกั้นกับเขาไม่ใช่หรือ?เหตุใดจึงแว้งมากัดนางไม่ปล่อยแทน?ซ่งหว่านฉิ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้ว อดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางองค์ชายสามองค์ชายสามขมวดคิ้วแน่น จ้องเสิ่นอวี้คำพูดเหล่านี้ของนาง กำลังบอกว่าซ่งหว่านฉิ่งกับเขาเป็นพวกเ
“...”พลันซ่งหว่านฉิ่งตะลึงงัน มองนางอย่างไม่กล้าเชื่อสายตานางคาดคิดไม่ถึงจริงๆ เสิ่นอวี้จะพูดคำพูดนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้!ตามนิสัยและสิ่งที่เคยสอนนางครั้งนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ นางควรจะบอกว่าต่อให้ตนเองตายก็ไม่มีทางชอบจ้านอวิ๋นเซียวไม่ใช่หรือ และแอบสารภาพรักองค์ชายสามว่า ‘องค์ชายสามเป็นมังกรและหงส์ในหมู่มนุษย์ เป็นแบบอย่างของนักปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ หญิงในทั่วหล้ามีผู้ใดไม่ชอบบ้าง?’ อะไรทำนองนี้แต่ตอนนี้นางกลับถามว่าองค์ชายสามกล้าแต่งงานกับนางหรือไม่!องค์ชายสามย่อมไม่กล้าแต่งกับนาง!บรรพชนสถาปนาแคว้น สองขุนพลใหญ่ที่ร่วมสนับสนุนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ขุนพลฝ่ายบุ๋นคือเสิ่นจงต๋า ขุนพลฝ่ายบู๊คือจ้านฉางอัน หลังจากประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง จ้านฉางอันและเสิ่นจงต๋าถูกแต่งตั้งเป็นอ๋อง จ้านอวิ๋นเซียวเป็นหลานของจ้านฉางอัน พูดในบางแง่มุม สถานะของจ้านอวิ๋นเซียวกับองค์ชายสามนั้นทัดเทียมแต่สิ่งที่แตกต่างคือ องค์ชายสามเป็นเพียงสุภาพชนที่เผยแพร่ชื่อเสียงให้ตนเองเป็นนักปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ จ้านอวิ๋นเซียวกลับเคยนำทัพสามแสนนายกวาดล้างอาชาเหล็กซีฉิน นำผลงานกลับมาเข้าพิธีแต่งตั้งอ๋องและขุนพล
“...”เจ้ากรมซุนถูกเรียกชื่ออย่างน่าประหลาดกะทันหัน ร่างกายแข็งทื่อเหตุใดจู่ๆ ก็โยงมาถึงตัวเขาจนได้? เขาอดไม่ได้ที่จะมองเศษหนังสือแต่งงานในมือแวบหนึ่ง สงสัยในใจว่าตนเองเผยช่องโหว่อะไรหรือไม่ จึงทำให้เสิ่นอวี้สงสัย แต่เมื่อลองคิดดู แม่นางสามตระกูลเสิ่นไม่ใช่คนโง่ที่ใครๆ ก็ปั่นหัวหรือ นางมีไหวพริบเช่นนี้หรือ?แต่รอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจบนใบหน้านาง…เจ้ากรมซุนกำมือแน่น ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเศษหนังสือแต่งงานในมือร้อนเล็กน้อยเขาค่อยๆ สูดลมเข้าหนึ่งที แล้วพ่นลมออกไปอย่างหนักๆ คิ้วขมวดแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรซ่งหว่านฉิ่งงงเป็นไก่ตาแตก มองเสิ่นอวี้ราวกับเป็นคนแปลกหน้าเสิ่นอวี้ในวันนี้ทำให้นางคาดเดาไม่ถูกจริงๆตกลงนางคิดจะทำอะไร?แม้แต่เจียงจิ่วก็ดูจนงงงวยเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูจ้านอวิ๋นเซียว “ท่านอ๋อง เหตุใดคุณหนูเสิ่นสามในวันนี้ ข้าน้อยรู้สึกว่าเดาความคิดนางไม่ถูก?”จ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่นางเด็กสาวยืนอยู่ตรงหน้า แตกต่างจากการแต่งตัวที่ฉูดฉาดในอดีต นางเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงสีเขียวขี้ม้า ลวดลายเรียบง่ายแต่ประณีต ขับใบหน้าที่บอบบางขอ