“...”พลันซ่งหว่านฉิ่งตะลึงงัน มองนางอย่างไม่กล้าเชื่อสายตานางคาดคิดไม่ถึงจริงๆ เสิ่นอวี้จะพูดคำพูดนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้!ตามนิสัยและสิ่งที่เคยสอนนางครั้งนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ นางควรจะบอกว่าต่อให้ตนเองตายก็ไม่มีทางชอบจ้านอวิ๋นเซียวไม่ใช่หรือ และแอบสารภาพรักองค์ชายสามว่า ‘องค์ชายสามเป็นมังกรและหงส์ในหมู่มนุษย์ เป็นแบบอย่างของนักปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ หญิงในทั่วหล้ามีผู้ใดไม่ชอบบ้าง?’ อะไรทำนองนี้แต่ตอนนี้นางกลับถามว่าองค์ชายสามกล้าแต่งงานกับนางหรือไม่!องค์ชายสามย่อมไม่กล้าแต่งกับนาง!บรรพชนสถาปนาแคว้น สองขุนพลใหญ่ที่ร่วมสนับสนุนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ขุนพลฝ่ายบุ๋นคือเสิ่นจงต๋า ขุนพลฝ่ายบู๊คือจ้านฉางอัน หลังจากประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง จ้านฉางอันและเสิ่นจงต๋าถูกแต่งตั้งเป็นอ๋อง จ้านอวิ๋นเซียวเป็นหลานของจ้านฉางอัน พูดในบางแง่มุม สถานะของจ้านอวิ๋นเซียวกับองค์ชายสามนั้นทัดเทียมแต่สิ่งที่แตกต่างคือ องค์ชายสามเป็นเพียงสุภาพชนที่เผยแพร่ชื่อเสียงให้ตนเองเป็นนักปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ จ้านอวิ๋นเซียวกลับเคยนำทัพสามแสนนายกวาดล้างอาชาเหล็กซีฉิน นำผลงานกลับมาเข้าพิธีแต่งตั้งอ๋องและขุนพล
“...”เจ้ากรมซุนถูกเรียกชื่ออย่างน่าประหลาดกะทันหัน ร่างกายแข็งทื่อเหตุใดจู่ๆ ก็โยงมาถึงตัวเขาจนได้? เขาอดไม่ได้ที่จะมองเศษหนังสือแต่งงานในมือแวบหนึ่ง สงสัยในใจว่าตนเองเผยช่องโหว่อะไรหรือไม่ จึงทำให้เสิ่นอวี้สงสัย แต่เมื่อลองคิดดู แม่นางสามตระกูลเสิ่นไม่ใช่คนโง่ที่ใครๆ ก็ปั่นหัวหรือ นางมีไหวพริบเช่นนี้หรือ?แต่รอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจบนใบหน้านาง…เจ้ากรมซุนกำมือแน่น ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเศษหนังสือแต่งงานในมือร้อนเล็กน้อยเขาค่อยๆ สูดลมเข้าหนึ่งที แล้วพ่นลมออกไปอย่างหนักๆ คิ้วขมวดแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรซ่งหว่านฉิ่งงงเป็นไก่ตาแตก มองเสิ่นอวี้ราวกับเป็นคนแปลกหน้าเสิ่นอวี้ในวันนี้ทำให้นางคาดเดาไม่ถูกจริงๆตกลงนางคิดจะทำอะไร?แม้แต่เจียงจิ่วก็ดูจนงงงวยเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูจ้านอวิ๋นเซียว “ท่านอ๋อง เหตุใดคุณหนูเสิ่นสามในวันนี้ ข้าน้อยรู้สึกว่าเดาความคิดนางไม่ถูก?”จ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่นางเด็กสาวยืนอยู่ตรงหน้า แตกต่างจากการแต่งตัวที่ฉูดฉาดในอดีต นางเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงสีเขียวขี้ม้า ลวดลายเรียบง่ายแต่ประณีต ขับใบหน้าที่บอบบางขอ
แต่ด้วยเรื่องโง่เขลาที่นางเคยทำก่อนหน้านั้น ก็เหมือนจะไม่สามารถทำเรื่องอะไรที่มีสมอง…เจ้ากรมซุนแกว่งซ้ายแกว่งขวา ไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรจึงจะเหมาะสม คิ้วขมวดแน่น ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่พูดคนอื่นในห้องหันไปมองเสิ่นอวี้ แล้วหันไปมองท่าทางของเจ้ากรมซุน ก็อดไม่ได้ที่จะงงงวยเล็กน้อยเช่นกัน “ความตายมารออยู่ตรงหน้านางแล้ว เหตุใดจึงเริ่มโยงมั่วไปทั่วอีก? มาจ้องเล่นงานเจ้ากรมซุนตอนนี้ หมายความว่าอย่างไร?”“แต่เมื่อครู่เจ้ากรมซุนก็…”วิ่งเร็วจริงๆชั่วขณะ สายตาของคนมากมายที่มองเขา เริ่มแปลกประหลาดเล็กน้อยเจ้ากรมซุนเป็นว่าที่พ่อตาขององค์ชายสามเขากระตือรือร้นกับเรื่องนี้มากเช่นนี้ ยากที่จะให้ผู้คนไม่สงสัยว่าเขาทำงานให้องค์ชายสามแล้วตกลงองค์ชายสามชอบเสิ่นอวี้หรือไม่ หรือเมื่อครู่ความจริงถูกเปิดโปง อับอายจนโกรธจึงหันไประบายใส่ซ่งหว่านฉิ่งแทน? ที่จริงแล้วเขาก็ชอบเสิ่นอวี้ เพียงแต่ไม่กล้าพูดอย่างโจ่งแจ้ง?หรือว่าเขาอยากอาศัยสัญญาณหมั้นของตระกูลเสิ่นกับตระกูลจ้าน ทำลายพันธมิตรเสิ่นจ้านสองตระกูล บั่นทอนอำนาจของรัชทายาทหยวนเฟิง เจ้ากรมซุนกำลังให้ความร่วมมือกับเรื่องนี้ ส่วนเสิ่นอวี้เป็นเพียงเ
ดูถูก?อย่างไรเจ้ากรมซุนก็เป็นถึงขุนนางขั้นสามชั้นพิเศษในราชสำนัก ต่อให้เป็นเสิ่นจิ้นพบเจอ ก็ไม่สามารถใช้สายตาเช่นนี้มองเขา นับประสาอะไรกับเสิ่นอวี้ที่เป็นเด็กน้อยเรือนส่วนหลัง…แปลก!แปลกเกินไปแล้ว!จ้านอวิ๋นเซียวครุ่นคิด ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นในใจเจียงจิ่วไม่ได้รับคำตอบ เมื่อก้มหน้าก็พบว่าท่านอ๋องของตนเองกำลังมองคุณหนูเสิ่นสามอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาเจียงจิ่วหมดคำพูด อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสิ่นอวี้ไม่รู้ว่านางมีอะไรดี ถึงทำให้ท่านอ๋องของตนเองเฝ้าคำหนึ่งไม่ลืมเลือน…แต่เมื่อแวบมองไป ก็กลับรู้สึกว่าดูเหมือนนางก็ไม่เลวเช่นกันอย่างน่าประหลาด แม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังคงมั่นอกมั่นใจ แลดูสงบยิ่งกว่าเจ้ากรมซุนเล็กน้อยเสียอีกเจอผีหลอกจริงๆแม้แต่คนอื่นก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน อดไม่ได้ที่จะเริ่มวิจารณ์เสียงเบา“ข้าฟังไม่ผิดกระมัง? นางสงสัยว่าหนังสือแต่งงานนั่นไม่ใช่ของตัวเองหรือ? จะบอกว่าเจ้ากรมซุนดูผิดก็คงไม่ได้กระมัง?”“ไม่น่าแปลกใจที่นางเผชิญเรื่องตัดหัวก็นิ่งมาก ปล่อยให้ซ่งหว่านฉิ่งก่อกวนตลอดโดยไม่อธิบาย ที่แท้มีเรื่องเช่นนี้รออยู่นี่เอง!”“
เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!นางส่ายศีรษะไม่หยุด พยายามปลอบใจตนเองตั้งแต่นางเข้าจวนโหว เสิ่นอวี้ไม่เคยปิดบังอะไรนาง หนังสือแต่งงานฉบับนั้นถูกวางอยู่ใต้กล่องเครื่องประดับของนางมาโดยตลอด เสิ่นอวี้รังเกียจหนังสือแต่งงานฉบับนั้นมาก ด้วยเหตุนี้กล่องเครื่องประดับจึงถูกทิ้งให้ว่างเปล่า นางไม่เคยใช้กล่องเครื่องประดับใบนั้นอีกนางหยิบหนังสือแต่งงานออกมาจากตรงนั้น จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน?ซ่งหว่านฉิ่งราวกับเหม่อลอย ครุ่นคิดวนเวียนเรื่องนี้อยู่พักใหญ่จึงจะสงบลง พลันเงยหน้ากล่าวอย่างชัยชนะอยู่ในมือ “น้องหญิง เจ้าเลิกแก้ตัวเสียเถอะ สารภาพผ่อนหนักเป็นเบา ปฏิเสธลงโทษสถานหนัก ขอแค่เจ้ายอมรับความผิดอย่างสัตย์จริง ฮ่องเต้และท่านอ๋อง พวกเขาต้องให้อภัยเจ้าแน่นอน!”ตอนนี้นางมั่นใจมาก หนังสือแต่งงานฉบับนี้เป็นของจริงแน่นอน เสิ่นอวี้แค่กำลังแก้ตัว นางกลัวถูกฆ่า ดังนั้นจึงปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เวลาเดียวกัน นางก็อดสงสัยไม่ได้เหตุใดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางเตือนเสิ่นอวี้ไปแล้วว่าหนังสือแต่งงานฉบับนี้ถูกนำออกมาจากใต้กล่องเครื่องประดับของนาง นางกลับไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด?กลับกันเป็
ยิ่งกว่านั้นเวลานี้เอง มีคนเดินเข้ามาจากนอกประตู พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ใช่แล้วเจ้ากรมซุน ท่านถือหนังสือแต่งงานไว้ แต่กลับบอกอะไรไม่ได้ ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อ หรือกำลังรอท่านอ๋องเฒ่าโกรธ เมื่อฆ่าน้องหญิงสามของข้าจนยากจะกู้คืนสถานการณ์ ท่านจึงจะยอมมอบหนังสือแต่งงานออกมา?”“เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้หนังสือแต่งงานเป็นของปลอม จุดประสงค์ของคนบางคนก็บรรลุแล้ว ข้าพูดถูกหรือไม่?”คนคนนี้พูดจาเฉียบขาดและเย็นชากว่าเสิ่นจิ้นมากทำให้เจ้ากรมซุนมีเหงือเย็นตกที่มุมหน้าผากโดยตรงเสิ่นอวี้หันไปมอง ก็เห็นขุนพลหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างทะมัดทะแมง ใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมคนหนึ่งเดินเข้ามาเมื่อเทียบกับขุนพลบู๊ทั่วไป เขาแลดูองอาจกว่าเยอะมาก บนตัวยังมีกลิ่นอายของหนอนหนังสือเสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับหนอนหนังสือในสำนักราชบัณฑิต บนร่างกายของเขากลับถูกปกคลุมด้วยเจตจำนงที่เยือกเย็นประเภทหนึ่ง ราวกับลมหนาวข้ามพรมแดน สมกับที่ได้รับฉายาว่า ‘ขุนพลขงจื๊อ’เขาก็คือพี่ใหญ่ของนาง องครักษ์เดินเหิน[footnoteRef:1]เสิ่นฉือ [1: องครักษ์เดินเหิน ในสังคมศักดินา ไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ทุกคนจะสามรถถือดาบเพื่ออารักขา
นางมองจ้านอวิ๋นเซียวแวบหนึ่ง แววตาเผยเจตนายิ้มจ้านอวิ๋นเซียวตะลึงงัน เมื่อหวนคืนสติ นางมองไปทางองค์หญิงใหญ่แล้ว ในดวงตาไม่เพียงไม่รู้สึกผิด แต่ยังมีแววของการรอดูงิ้วเล็กน้อย“...” หางตาของจ้านอวิ๋นเซียวกระตุก สีหน้าซับซ้อนนี่นางกำลังถือว่าตนเองเป็นคนโปรดจึงหยิ่งยโส มั่นใจว่าเขาจะปกป้องนางแน่นอนหรือ?รู้สึกอัดอั้นในใจเล็กน้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดมีความหวานชื่นเสี้ยวหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา ทำให้อยากหัวเราะ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้ เผยให้เห็นสีหน้าอันน่าเกรงขามองค์หญิงใหญ่ที่เดิมทีก็มีไฟโทสะอั้นอยู่เต็มอก เห็นปฏิกิริยานี้ของเสิ่นอวี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่านางถือว่าลูกชายของตนเองชอบนาง จึงสามหาวทำอะไรตามใจชอบจึงอดกลั้นไม่ไหว กล่าวอย่างโมโหทันที “ผู้ใหญ่ใจกว้างอะไร ข้าจะบดกระดูกคนที่รังแกและดูหมิ่นข้าแล้วนำไปโปรยทิ้ง! ในเมื่อหนังสือแต่งงานเป็นของจริง เช่นนั้นก็ลากเสิ่นอวี้ออกไป โบยแปดสิบไม้ใหญ่”แปดสิบไม้ใหญ่ ต่อให้เป็นขุนพลที่แข็งแรงในกองทัพก็รับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยเรือนส่วนหลังอย่างเสิ่นอวี้ โบยเสร็จกลายเป็นเศษเนื้อแน่นอนซ่งหว่านฉิ่งได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะปลื้มใจ กำลังคิดจะ
ความน่าเกรงขามที่ได้มาจากการเข่นฆ่าในสนามรบ ใช่สิ่งที่สาวใช้เรือนส่วนหลังสามารถแบกรับไหวหรือ? มือของสาวใช้สองคนที่จับตัวเสิ่นอวี้สั่นสะท้าน รีบปล่อยนางทันที และก้มหน้าถอยไปยืนด้านข้างเสิ่นอวี้ยืนอย่างมั่นคง จัดแจงเสื้อผ้าที่ไม่ได้ยุ่งเหยิงบนร่างกายอย่างไม่ใส่ใจ พลางหันไปเล่นลูกไม้เดิมกับจ้านอวิ๋นเซียวอีกครั้ง “ขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตของท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่คำเดียว“...”จ้านอวิ๋นเซียวตะลึงงันจนสำลัก มุมปากกระตุกอย่างไม่สามารถสังเกตเห็นหนึ่งทีแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด มีความรู้สึกขบขันอันเย็นชาที่แปลกประหลาดพุ่งพรวดเข้ามาในใจ สุดท้าย…มองบนใส่นางแวบหนึ่งพลันเสิ่นอวี้ยิ้ม รู้สึกว่าการมองบนของเขามันหมุนวนเวียนซ้ำๆ ทำให้หัวใจนางเต้นเร็วเล็กน้อยเวลาสั้นๆ ที่ทั้งสองสบตากัน ตกไปอยู่ในสายตาของซ่งหว่านฉิ่ง ทำให้นางอิจฉาจนแทบคลั่ง สายตาที่จ้องเสิ่นอวี้แทบลุกเป็นไฟนางไม่เข้าใจ เสิ่นอวี้ทำเรื่องเช่นนี้ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจวนอ๋องเช่นนี้ เพราะอะไรอ๋องหมิงหยางถึงยังต้องปกป้องนางอีก?ไฟริษยาลุกโชน นางทนไม่ไหวเริ่มดิ้นรน หันไปตะโกนใส่สาวใช้สองคนที่จั