เมื่อก่อนเสิ่นอวี้ไม่มีทางเชื่อ นางคิดว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกที่คลอดออกมาจากท้องของหลิ่วอี๋เหนียง หลิ่วอี๋เหนียงตั้งท้องมาสิบเดือน กล่าวว่าตอนคลอดนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด สตรีเช่นนี้จะทำร้ายลูกของตัวเองได้อย่างไร?แต่เมื่อความจริงมาอยู่ตรงหน้า นางจะไม่เชื่อก็ไม่ได้เสิ่นอวี้สะกดความเจ็บปวดในใจ เม้มปากมองสตรีที่วิ่งเข้ามาร้องไห้คนนี้ชุดที่นางสวมหรูหรายิ่งกว่าฮูหยินใหญ่ เพียงแต่ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนฮูหยินใหญ่แม้แต่น้อย พอเข้ามาก็ร้องห่มร้องไห้ ไม่กล้ามองใคร ถึงแม้บอกว่าเป็นห่วงนาง แต่กลับไม่กล้าสบตานางตรง ๆ สายตาเลิ่กลั่ก หันหน้าหนีนางอย่างรวดเร็วเรื่องที่เสิ่นอวี้เองก็ไม่ได้ทำ จึงรู้ว่าคำพูดของหลิ่วอี๋เหนียงโกหก“แม่เล็ก ท่านลองพูดซ้ำอีกครั้ง” นางก้มหน้ามองสตรีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น น้ำเสียงของเสิ่นอวี้สงบนิ่งมาก แต่น้ำเสียงสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ถึงแม้นางจะสงสัยหลิ่วอี๋เหนียง แต่ความรักหลายปีมานี้ล้วนเป็นความจริง วันนี้หลิ่วอี๋เหนียงเข้าข้างซ่งหว่านฉิงแทงข้างหลังนาง นางจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไร?เมื่อหันไปมองซ่งหว่านฉิงที่อยู่ด้านข้าง ในดวงตาที่ปูดบวมจนเป็นเส้น นอกจากจ
ในห้องบรรยากาศหนักอึ้ง มีเสียงซุบซิบนินทาดังไปทั่ว“ถึงแม้คุณหนูเสิ่นสามจะไม่เอาไหน ทำอะไรไม่เป็น แต่แม่แท้ ๆ ก็ไม่ปกป้อง ทำตัวได้แย่ถึงขั้นนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ”เสิ่นอวี้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกปวดใจจนตัวสั่นนางหลิ่วคือมารดาแท้ ๆ ของนาง กลับเป็นพยานว่านางฉีกหนังสือสมรส นางไม่รู้ว่าการฉีกทำลายราชโองการของจักรพรรดิต้องถูกประหารหรือ? หรือว่านางไม่ได้สนใจอยู่แล้ว สนใจแค่ซ่งหว่านฉิงผู้เดียว?ถึงแม้ตอนนี้ซ่งหว่านฉิงจะถูกตบจนราวกับหัวสุกร แต่ในสมองของเสิ่นอวี้กลับปรากฏใบหน้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่ารังเกียจ ทั้งรูปทรงคิ้วกับตารวมถึงรอยยิ้ม ถึงกับคล้ายคลึงกับนางหลิ่วถ้าบอกว่าเป็นแม่ลูกกันคงไม่มีผู้ใดสงสัยเสิ่นอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “แม่เล็ก ข้าอยากได้คำตอบที่ชัดเจน” “ลูกอวี้!”ฮูหยินใหญ่รู้สึกสงสาร จึงดึงแขนเรียกชื่อนางเบา ๆเสิ่นอวี้จับจ้องนางหลิ่วอย่างไม่วางตาชาติก่อนนางโง่จนมักคิดว่านางหลิ่วรักซ่งหว่านฉิงเป็นเพราะสงสารและเห็นใจ คนที่นางรักจริง ๆ ต้องเป็นลูกสาวอย่างนางแน่ ตอนนี้ถึงได้รับรู้ ในใจของนางหลิ่ว ไม่เคยมีนางเลยตอนนี้นางแค่อยากจะได้คำตอบที่ชั
ขณะที่เงยหน้าอีกครั้ง ความเจ็บปวดในดวงตาหายไปจนหมดสิ้นในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นอย่าโทษว่านางใจดำ!หลิ่วอี๋เหนียงถูกคำพูดของนางทำให้จิตใจกระสับกระส่าย พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “มีอะไรให้เสียใจด้วย เรื่องเดียวที่เสียใจก็คือไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้ดี...” ถึงกับยังแสดงละครต่อเสิ่นอวี้ใช้หางตามองนาง ความปวดใจท้ายที่สุดแปรเปลี่ยนเป็นคำถากถาง หันหน้าไปทางองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่เพคะ ในเมื่อแม่เล็กของหม่อมฉันเป็นพยาน เช่นนั้นหม่อมฉันอยากถามว่า ฉีกหนังสือสมรสมีโทษอย่างไร?” เมื่อกล่าวคำนี้ออกไป ทุกคนในห้องถึงได้สติกลับมา“นางต้องการอะไร? ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ถึงแม้หนังสือสมรสจะเป็นสิ่งที่ตระกูลเสิ่นจ้านสองตระกูลตกลงกัน แต่ยังประทับตราฮ่องเต้องค์ก่อนเอาไว้ นับว่าเป็นราชโองการ ทำลายราชโองการมีโทษประหารอยู่แล้ว!”“น่าแปลกมาก สายตาที่นางมององค์หญิงใหญ่ เหมือนคำถามนี้ไม่ได้ถามให้ตัวเอง” ทุกคนอดหันไปมองจ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้ถึงอย่างไรจ้านอวิ๋นเซียวถึงจะเป็นเจ้าของหนังสือสมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะจัดการอย่างไรต้องดูว่าเขาจะว่าอย่างไรจ้านอวิ๋นเซียวเปลี่ยนท่าทาง นั่งบนเก้
เสียงเยือกเย็นของเสิ่นอวี้ดังมาจากด้านบน เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่เพียงพอทำให้ทุกคนเงียบเพื่อฟังนางพูดนางกล่าวว่า “ข้ากำลังบอกเจ้าให้รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร ไปที่ไหนล้วนมีแต่ก่อเรื่อง!” “แม่ของเจ้าเป็นนางคณิกาที่หมู่บ้านตระกูลหลิ่ว นางตายด้วยโรคติดต่อผ่านการร่วมประเวณี เจ้าโตในหอนางโลม ตอนพ่อของเจ้าตายไปเจ้าก็ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง หลิ่วอี๋เหนียงสงสารที่เจ้าอายุน้อยก็ต้องไปขายตัว ถึงได้ขอร้องข้า ให้ข้าขอร้องท่านแม่รับเจ้าเอาไว้ ถึงได้มีที่อยู่ในจวนโหว” “......” เมื่อซ่งหว่านฉิงได้ยินคำนี้ราวกับถูกฟ้าผ่า นางรู้สึกสมองอื้ออึง อยากจะเอาหัวพุ่งชนเสาให้ตายบุตรีของผู้ชายเสเพลกับนางคณิกา อยู่ในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่หรูหรา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สารเลวเสิ่นอวี้จะทำลายชื่อเสียงนางให้ได้!คนอื่นก็ไม่ได้โง่เขลา “คุณหนูเสิ่นสามคนนี้มีฝีมืออยู่บ้าง ความตายมาเยือนอยู่แล้วยังลากซ่งหว่านฉิงไปด้วยอย่างใจเย็น...ครั้งนี้ซ่งหว่านฉิงจบสิ้นแล้ว ทุกคนรู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว ใครจะกล้ายุ่งเกี่ยวกับนางอีก? เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ายังได้ยินว่าจวนโหวตัดสินใจหาคู่ครองให้นาง แต่ใครจะ
“......”ซ่งหว่านฉิงรู้สึกสมองอื้ออึง แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ทำได้เพียงส่ายหัว “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนั้น...” แต่ต่อให้หาข้ออ้างอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์แล้วเพราะแม้แต่คนโง่ก็ยังดูออก ไฟริษยาในดวงตาของซ่งหว่านฉิงกับความคิดที่จะให้เสิ่นอวี้โดนลงโทษทั้งในที่ลับแล้วก็ที่แจ้ง “ตระกูลเสิ่นเลี้ยงหมาป่าตาขาว1 เข้าแล้ว ไม่เพียงถูกลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก่อเรื่องให้ ยังลากบุตรีของตัวเองไปเกี่ยวด้วย” “ข้าได้ยินมาว่าตอนที่ซ่งหว่านฉิงเข้าจวนโหว แม่นางเสิ่นสามอายุเจ็ดแปดปีกระมัง ตอนนั้นนางเหมือนจะไม่เคยมีชื่อเสียงเสื่อมเสียอะไร แต่หลังจากนั้น...” “ข้าคิดว่าคงเป็นเพราะนางซ่งคนนี้แน่” “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนั้น!”ซ่งหว่านฉิงตะโกนโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ “นางพูดจาเหลวไหล นางเป็นคนฉีกหนังสือสมรส ยังคิดจะผลักความผิดมาให้ข้า! ข้ามีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ข้าเลือกได้หรือ? ต่อให้ข้ามีชาติกำเนิดต่ำต้อยก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าเกลียดหมิงหยางอ๋อง ฉีกหนังสือสมรส หลงรักองค์ชายสาม อยากจะแต่งเป็นชายาขององค์ชายสาม!”ขณะที่กล่าวก็เงยหน้าไปมององค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ สิบห้านาทีผ่านไปแล้วเพคะ!”เสิ่นอวี้คำสั่งเสี
เมื่อเอากระดาษมาต่อเรียงกันก็ปรากฏเนื้อหาของหนังสือสมรสทุกคนล้วนยื่นหน้าเข้าไปดูเจ้ากรมซุนแกล้งทำเป็นถามออกไป “ใต้เท้าซ่ง ไม่ทราบว่าหนังสือสมรสนี้เป็นของจริงหรือไม่?” ซ่งฮวายจื้อลูบเคราขาว ศึกษาดูครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เนื้อหาในหนังสือสมรสเล่มนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ลายมือไม่มีอะไรพิเศษ กระดาษเป็นของที่ราชวังใช้ น่าจะไม่อาจสร้างของปลอมได้...” “ฝ่าบาท หนังสือสมรสเล่มนี้เป็นของจริงแน่นอน!” เมื่อซ่งหว่านฉิงได้ยินก็ร้องไห้กล่าวออกมา “หม่อมฉันกล้าใช้ชีวิตเป็นประกัน หนังสือสมรสเล่มนี้ก็คือเล่มที่น้องหญิงเป็นคนฉีก ข้าเห็นนางเอาออกมาจากกล่องเครื่องแป้ง หนังสือสมรสของนางเก็บไว้ตรงนั้นมาตลอด ไม่เพียงแค่หลิ่วอี๋เหนียง สาวใช้สี่คนของนางก็รู้เรื่องนี้!” “ถ้าเป็นเช่นนี้ หนังสือสมรสเป็นของจริงหรือ?” เจ้ากรมซุนมองเสิ่นอวี้ด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเสิ่นสาม เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” เมื่อเสิ่นอวี้ได้ยินก็มองไปทางซ่งฮวายจื้อ “ใต้เท้าซ่งมั่นใจว่าหนังสือสมรสนี้เป็นของจริงหรือ?” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซ่งฮวายจื้อรู้สึกว่าสายตาของนาง เหมือนกำลังบอกอะไรอยู่ และเหมือนกับเตือนด้วยเช่นกันแต่เมื่อไตร่ตรองดู
“นี่---“ ทุกคนตกตะลึงซ่งฮวายจื้อโมโหจนควันออกหู สีหน้าของฮ่องเต้เขียวคล้ำ “คุณหนูเสิ่นสาม คำพูดบางคำจะพูดมั่วซั่วไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร?” แม้แต่องค์ชายใหญ่หยวนเฟิงที่เดิมทีเข้าข้างนางล้วนขมวดคิ้ว กล่าวเตือนนางเสิ่นอวี้กลับไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย สายตาของนางเฉยเมย กล่าวว่า “ทูลองค์ชายใหญ่ หม่อมฉันรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร” “ข้อแรก หนังสือสมรสที่ใต้เท้าซ่งเรียงต่อกันขึ้นมา ด้านบนขาดไปมุมหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นตรงตราประทับที่สำคัญที่สุดอีกด้วย ถ้าเรื่องแค่นี้ล้วนมองไม่เห็น เช่นนั้นใต้เท้าซ่งจะตรวจสอบหนังสือเหล่านั้นได้อย่างไร? หรือท่านดูแค่ตัวหนังสือไม่ได้ดูตราประทับหรือ?” ซ่งฮวายจื้อตัวแข็งทื่อ ก้มหน้ามองหนังสือสมรสเนื้อหาในหนังสือสมรสสมบูรณ์แบบแต่ขาดไปแค่มุมเดียว!ตรงมุมนั้นเขาไม่ได้สังเกตจริงๆ เพราะได้รับของมาจากมือของเจ้ากรมซุน ทุกคนรวมถึงเขาล้วนคิดว่าชิ้นส่วนทั้งหมดอยู่ในมือของเจ้ากรมซุนถึงแม้จะขาดหายไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นข้อความหมั้นหมายที่สมบูรณ์แบบ เขาจึงมองข้ามมันไปแต่ใครจะรู้ว่าเสิ่นอวี้กลับกัดไม่ปล่อย!อีกทั้งตรงจุดที่นางอยู่ จะมองเห็นหนังส
“......” เจ้ากรมซุนกับองค์ชายสามตกตะลึง หันมาสบตากัน พวกเขาล้วนเห็นความไม่เข้าใจในดวงตาของอีกฝ่าย เจ้ากรมซุนก็อึดอัดมากก่อนหน้านี้ตอนที่ชิ้นส่วนอยู่ในมือของเขา เขาก็ไม่ได้เอามาเรียงต่อหน้าทุกคน เขาจึงทำได้เพียงถือเอาไว้ และไม่ได้สังเกตด้วยว่าตราประทับหยกยังอยู่หรือไม่ เขาสนเพียงทำให้เสิ่นอวี้ยอมรับว่าฉีกหนังสือสมรส...ถ้าอย่างนั้นตราประทับหยกหายไปไหน?เจ้ากรมซุนมองไปทางซ่งหว่านฉิง กล่าวว่า “ทำไมหนังสือสมรสถึงหายไปชิ้นหนึ่งล่ะ?” ซ่งหว่านฉิงมึนงง คิดไม่ถึงว่าในตอนสุดท้ายเรื่องนี้กลับตกมาถึงนาง จึงกล่าวด้วยความลนลาน “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ ตอนที่ข้าเอามา มันยังอยู่ครบ...เป็นไปได้ว่าคืนนั้นหลังจากนางฉีกหนังสือสมรสแล้วข้ากับหลิ่วอี๋เหนียงเก็บมาไม่ครบกระมัง” เมื่อไม่แน่ใจว่าทำตกระหว่างทางหรือไม่ นางจึงใช้สายตาหันไปทางเสิ่นอวี้“เจ้ามั่นใจนะว่าข้าทำชิ้นส่วนนั้นหายไป?” เสิ่นอวี้มองนาง ในดวงตาแฝงด้วยความหยอกล้อ“ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร!”ซ่งหว่านฉิงยืนยัน “ข้าไม่กล้าทำตราประทับหยกหายแน่ ทั่วผืนปฐพีนี้มีเพียงเจ้าที่กล้าฉีกหนังสือสมรส เจ้าไม่ต้องเล่นลิ้นแล้ว! ต้องเป็นเพราะคืนน