จื่อซูเข้าเรือน เมื่อเห็นเสิ่นอวี้ฟิ้นแล้ว ใบหน้าที่เปียกปอนเผยให้เห็นรอยยิ้มทันที “คุณหนูฟื้นแล้ว? นี่มันเยี่ยมไปเลย!”ถานเซียงอดไม่ได้ที่จะกล่าว “นางมาทำอะไรเวลานี้? หากไม่ใช่เพราะนางกับหลิ่วอี๋เหนียงยุแยงตะแคงรั่ว คุณหนูของเราก็ไม่เดินมาถึงขั้นนี้…”เสิ่นอวี้ได้ยินแล้วยิ้มอย่างขมขื่นสาวใช้ทั้งหลายต่างก็มองเข้าใจมากว่านาง รู้ว่าซ่งหว่านฉิ่งกับหลิ่วอี้เหนียงไม่มีเจตนาดี มีแต่นางที่มักจะรู้สึกว่าหลิ่วอี๋เหนียงคือแม่แท้ๆ ของนาง ซ่งหว่านฉิ่งคือลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของนางโดยเฉพาะหลังจากเข้าตระกูลเสิ่น ซ่งหว่านฉิ่งยิ่งช่วยนางทุกอย่าง ทำให้นางเชื่อใจนางมากขึ้นเพียงแต่นางมองข้ามไปหนึ่งอย่างความช่วยเหลือของนาง ไม่ได้ช่วยไปในทางที่ดี แต่เป็นการผลักนางลงนรกตอนนั้น นางกับหลิ่วอี๋เหนียงสองคน เมื่อว่างก็จะพูดข้อเสียของจ้านอวิ๋นเซียวให้นางฟัง เปรียบเทียบกันว่าองค์ชายสามดีอย่างไรเมื่อนานวันเข้า นางหลงใหลองค์ชายสามขึ้นเรื่อยๆ และรังเกียจจ้านอวิ๋นเซียวหากไม่มีอะไรผิดพลาด นางฝ่าท่ามกลางสายฝนมาครั้งนี้ น่าจะมาเพื่อหนุนคลื่นลมให้สูง อยากให้นางกับจวนอ๋องหมิงหยางแตกคอกันอย่างสมบูรณ์ บีบคั้นตระ
พลันเสิ่นอวี้ชะงัก น้ำฝนที่หนาวเย็นเทลงมาจากศีรษะถานเซียงรีบกางร่ม พลางกล่าวเกลี้ยกล่อม “คุณหนู หรือท่านไม่ต้องไปแล้วเจ้าค่ะ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ บ่าวรู้ว่าท่านอยากชดใช้ แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว”ซงลู่กล่าว “ใช่เจ้าค่ะ ด้วยอิทธิพลของจวนอ๋องหมิงหยาง ต้องเรียกหมอทุกคนไปแล้วแน่นอน ท่านจะไปหาใครได้อีกล่ะ? ปล่อยให้พวกท่านโหวเฒ่ากับคุณชายใหญ่จัดการเถอะเจ้าค่ะ”“ยังมีคนคนหนึ่ง”เสิ่นอวี้ส่ายศีรษะ ผลักสาวใช้ทั้งสองออก “เพียงแต่คนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด หากข้าอยากเชิญเขาออกจากเขา ต้องไม่เปิดเผยตัวตนของเขา และห้ามพาคนไปด้วย…พวกเจ้ารอท่านแม่กลับมา ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”กล่าวจบก็วิ่งไปที่คอกม้าโดยตรงหลังจูงม้าตัวหนึ่งออกจากคอกม้า ก็พุ่งออกจากเรือนโดยไม่สนใจสุขภาพของตนเองโดยตรงฟ้าร้องครึกโครม สายฝนตกกระหน่ำอากาศหนาวเหน็บมาก เสิ่นอวี้ที่อยู่บนหลังม้าหนาวจนตัวสั่น รู้สึกเพียงปวดหัวแทบระเบิดหวังว่าจะสามารถฝืนทนจนเสวียโส่วตอบตกลงนะม้าพยศใต้ร่างวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เสิ่นอวี้โคลงเคลงอยู่ข้างบน หนึ่งคนหนึ่งม้าพุ่งตรงไปยังตรอกชิงหลิ่ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวในอดีตนางกับเสวียโส่วรู้จักกั
ก่อนเสวียโส่วเอ่ยปาก เสิ่นอวี้ไม่คิดว่าตกลงเงื่อนไขที่เขาเสนอนั้นจะน่ากลัวเพียงใดเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ลึกซึ้งมองดูนางผ่านไปครู่ใหญ่ จึงจะดึงสายตากลับ พลางหยิบยาสีดำออกมายื่นให้เสี่ยวสือโถวหนึ่งเม็ด “ให้นางกินเถอะ”พูดพลางมองไปทางเสิ่นอวี้ “ก่อนที่จะพูดเรื่องเงื่อนไข เจ้าต้องกินของสิ่งนี้ก่อน ทันทีที่เจ้าเปลี่ยนใจ และทำเรื่องที่เป็นภัยต่อข้าหลังจากรู้แล้ว ข้าก็จะตัดยาแก้พิษของเจ้า มาเอายาแก้พิษสามเดือนครั้ง ไม่สามารถรักษาหายขาด เจ้าคิดดีๆ”เสี่ยวสือโถวยกน้ำเข้ามา พลางมองทางเสิ่นอวี้ “หรือไม่…ช่างเถอะ? อย่างไรเจ้าก็ไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว”เสิ่นอวี้จ้องยาเม็ดสีดำสนิทในมือเขา ชั่วพริบตามีเรื่องราวมากมายแล่นผ่านหัวเมื่อก่อนเหมือนว่านาง…จะไม่ชอบจริงๆหรืออาจเพราะหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิ่งทำให้นางคิดว่าตนเองไม่ชอบแต่ตอนนี้…เสิ่นอวี้ยกมือขึ้นหยิบยาเม็ดนั้นกลืนลงไปเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสวียโส่ว “ท่านอาจารย์ ตอนนี้ท่านพูดได้แล้วเจ้าค่ะ” เวลาไม่คอยคน นางไม่ว่างมาเสียเวลาที่นี่เสวียโส่วมองนางอย่างลึกซึ้ง “คิดไม่ถึงจริงๆ เจ้าเป็นคนนิสัยเช่นนี้…ก็ดี”ในแววตาเขามีอารมณ์ปร
เสิ่นอวี้กุมบาดแผลที่ไหล่ จ้องประตูใหญ่โดยไม่ร้องสักนิดเลือดย้อมเสื้อผ้าเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว นางกัดฟันอดกลั้นเอาไว้เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิดอย่างทรมานจนครบหนึ่งเค่อ ข้างในก็ไม่มีคนออกมา ประตูใหญ่ที่หนาและหนักถูกล็อกจากด้านใน ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเสิ่นจิ้นมองดูลูกสาวของตนเอง อารมณ์ที่ผิดหวังในตอนแรกค่อยๆ กลายเป็นความเจ็บปวดที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่านางจะฟื้น ก็ต้องมารับเคราะห์เช่นนี้อีก ชั่วขณะอดไม่ได้ที่จะกล่าว “เจ้ากลับไปเถอะ ข้ากับผู้เฒ่าท่านนี้รอที่นี่เอง เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน…แค๊กๆๆ…”ขณะพูดเขาก็ไออย่างหนัก ราวกับไอจนปอดจะหลุดออกมาแล้วเสิ่นอวี้หันไปมองทางเขา ความรู้สึกผิดในใจกระเพื่อมเหมือนกระแสน้ำ ริมฝีปากขยับ แต่กลับพูดไม่ออกแม้นางสร้างปัญหาใหญ่เช่นนี้ ท่านพ่อก็ไม่โกรธเกลียดนาง และยังเป็นห่วงสุขภาพของนาง แม้นางจะเป็นลูกอนุภรรยาที่ได้เกิดมาเพราะหลิ่วอี๋เหนียงวางยาเขา เขาก็ไม่เคยรังเกียจนางแม้แต่น้อยสุภาพชนที่ดีเช่นนี้ สุดท้ายกลับถูกนางทำร้าย…เสิ่นอวี้น้ำตาคลอเบ้า มีคำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาเสวียโส่วที
”เจ้ารู้จัก?”เสวียโส่วสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง จึงกล่าวถามเสิ่นอวี้หวนคืนสติ นางส่ายศีรษะ “ไม่รู้จัก แค่สงสัย…”ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุยแต่ก็อดนึกถึงเรื่องราวหลายอย่างไม่ได้ชาติที่แล้วนางรังเกียจจ้านอวิ๋นเซียว แต่จ้านอวิ๋นเซียวกลับหมกมุ่นเซ้าซี้นางไม่เลิก และยังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองในช่วงหลายปีที่เขาออกรบ ทำให้นางโกรธมาก ไม่อยากพบเขาอีกด้วยเหตุนี้ เวลาที่องค์ชายสามต้องการเปิดเผยข่าวให้จ้านอวิ๋นเซียว หรือเรื่องอื่นที่ต้องพูดให้ได้ ซ่งหว่านฉิ่งก็จะอาสาช่วยถ่ายทอดคำพูดของนางกับจ้านอวิ๋นเซียวอย่างกระตือรือร้นเวลานั้น นางรู้สึกว่าซ่งหว่านฉิ่งดีกับตนเองมากไม่ต่างอะไรกับพี่สาวสายเลือดเดียวกันแม้เวลาต่อมาเมื่อรู้ว่านางมาส่งยาให้จ้านอวิ๋นเซียวในคืนนี้ นางก็ยังเชื่อคำแก้ตัวของนางบอกว่าส่งยาเป็นแค่ข้ออ้าง มาช่วยนางหาข่าวคือเรื่องจริงตอนนั้นนางได้ยินจวนอ๋องหมิงหยางบอกว่าจะทำให้ตระกูลเสิ่นไม่สามารถอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยจริงๆ ซ่งหว่านฉิ่งแสร้งปลอบใจนาง นางยังรู้สึกอุ่นใจขึ้นด้วยจนกระทั่งก่อนตาย การที่ทั้งเตะทั้งตี และความอิจฉาที่ไม่สามารถปกปิ
“กระหม่อมคำนับองค์หญิงใหญ่!” เสิ่นจิ้นรีบก้าวออกไป “ไม่ทราบว่าท่านอ๋อง…”องค์หญิงใหญ่ไม่ได้สนใจเขา พลันหันหน้ามองไปทางเสิ่นอวี้ ดวงตามืดครึ้ม แทบเก็บความโกรธแค้นไม่อยู่ “เจ้ามาทำอะไรอีก?!”“หม่อมฉันคำนับองค์หญิง…”เสิ่นอวี้พูดไม่ทันจบ องค์หญิงใหญ่ยกมือกะทันหัน พลันเหวี่ยงใส่ใบหน้านางอย่างแรง “เจ้ายังรู้หรือว่าเจ้าเป็นราษฎร? ใครให้ความกล้าแก่เจ้าวางแผนทำร้ายลูกข้า? แล้วเจ้านับเป็นตัวอะไร!”เดิมทีนางก็ไม่ชอบเสิ่นอวี้อยู่แล้วหากไม่ใช่เพราะสัญญาณหมั่นของตระกูลเสิ่นกับตระกูลจ้านถูกกำหนดโดยอาวุโสรุ่นก่อนของทั้งสองตระกูล และมีจักรพรรดิองค์ก่อนเป็นพยาน นางคงถอนการแต่งงานครั้งนี้ไปนานแล้วปัจจุบันจ้านอวิ๋นเซียวถูกเสิ่นอวี้นัดไปที่เขาเยี่ยนหนาน ทว่าสุดท้ายต้องกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ถูกลูกศรพิษจนหมดสติ ความอดทนขององค์หญิงใหญ่มลายหายไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เจอเสิ่นอวี้อีกครั้ง แทบอยากบดกระดูกนำไปโปรยทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เสิ่นอวี้โดนตบเข้าอย่างจัง ศีรษะที่วิงเวียนเพราะไข้อยู่แล้วในตอนแรก ยิ่งรู้สึกปวดหนักมากขึ้นเกิดอาการวิงเวียนเป็นระลอกแต่นางเข้าใจ ตนเองเป็นคนผิด“ขอโทษเจ้าค่ะ”นางกลืนน้ำลาย
เสิ่นอวี้มองนางแวบหนึ่ง พลันคุกเข่านอกประตูใหญ่เรือนฉือเฟิงโดยไม่ขัดขืนองค์หญิงใหญ่ยังไม่หนำใจ นางชี้เสิ่นจิ้นกับเสิ่นลั่วที่เดินออกจากเรือน “พวกเจ้าก็เช่นกัน!”เสิ่นจิ้นทุกข์ระทมเกินคำบรรยาย แต่ก็ต้องคุกเข่าลงเสิ่นลั่วเดินออกมาคุกเข่าข้างกายเสิ่นอวี้โดยไม่พูดอะไรองค์หญิงใหญ่จ้องทั้งสามคนตรงหน้า อย่างไรก็ไม่สามารถระงับความอัดอั้นตันใจที่อก มีความรู้สึกอยากฆ่าคนเห็นเลือดจึงจะหนำใจ สุดท้ายเป็นอวี้จู๋ที่กล่าวปลอบเกลี้ยกล่อม “องค์หญิงใหญ่ ท่านอ๋องเฒ่าก็ล้มป่วยแล้ว หากท่านล้มอีกคน ท่านอ๋องก็ไม่ฟื้น…จวนอ๋องจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หากท่านนอนไม่หลับ ก็เข้าไปงีบครู่หนึ่งก็ยังดี…ข้างนอกลมแรง ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ”องค์หญิงใหญ่สั่นไปทั้งร่าง เขม็งตระกูลเสิ่นสามคนบนพื้นแวบหนึ่ง แล้วกล่าวกับองครักษ์ลับโดยรอบ “จับตาดูไว้ให้ดี ไม่ว่าใครก็ห้ามลุกขึ้น!”เสิ่นจิ้นได้ยินแล้วรีบออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พลางกล่าวอ้อนวอน “องค์หญิงใหญ่ ท่านลงโทษข้ากับลั่วเอ๋อร์ไม่มีปัญหา แต่อวี้เอ๋อร์เดิมทีก็บาดเจ็บอยู่แล้ว และหมดสติหลายวันเพิ่งฟื้น บวกกับเมื่อครู่ก็ถูกกระบี่ของป๋ายชีแทง เลือดไหลออกจา
“เปรี้ยง…แกร๊ก”เสียงฟ้าผ่าดังลั่น ผ่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ หักฉับพลัน ลำต้นหักโค่นลงมา ปลุกเสิ่นอวี้ตื่นจากอาการสะลึมสะลือ นางขยี้ดวงตาที่แห้งผาก กล่าวเสียงแหบ “พี่ชายรอง กี่ยามแล้ว?”ขาทั้งสองข้างคุกเข่าจนชา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเสิ่นลั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ใก้ลยามอิ๋น[footnoteRef:1]แล้ว” [1: ยามอิ๋น ช่วงเวลา 03.00-05.00 น.] เสิ่นอวี้หันคอที่ปวดเมื่อยและบวมมองไปทางเรือนฉือเฟิง จิตใจหนักอึ้งเมื่อชาติที่แล้ว หมอหลวงหลายคนออกความเห็นร่วมกัน แต่สุดท้ายก็ไร้วิธีรับมือท้ายที่สุดพี่ชายรองไม่มีทางเลือก จึงรับประกันด้วยชีวิต ใช้ยาแรงปลุกจ้านอวิ๋นเซียวฟื้น แต่ตอนที่จ้านอวิ๋นเซียวฟื้น ก็เป็นวันที่เก้าแล้วเหตุนี้ชื่อเสียงพี่ชายรองดังกระฉ่อน กลายเป็นหมอดังที่มีความสามารถและอายุน้อยที่สุดของสำนักแพทย์หลวง แต่ขณะเดียวกันก็ถูกทุกฝ่ายกีดกัน สุดท้ายได้รับผลกระทบจากนาง กลับทำให้เขาถึงคราวตกต่ำเร็วยิ่งขึ้นนึกถึงตรงนี้ เสิ่นอวี้รู้สึกผิดอย่างยิ่งเพียงแต่ทักษะการแพทย์ของเสวียโส่วน่าจะเหนือชั้นกว่าพี่ชายรองเยอะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะฟื้นเมื่อไร?และไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถอดท