Share

บทที่ 4

พลันเสิ่นอวี้ชะงัก น้ำฝนที่หนาวเย็นเทลงมาจากศีรษะ

ถานเซียงรีบกางร่ม พลางกล่าวเกลี้ยกล่อม “คุณหนู หรือท่านไม่ต้องไปแล้วเจ้าค่ะ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ บ่าวรู้ว่าท่านอยากชดใช้ แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว”

ซงลู่กล่าว “ใช่เจ้าค่ะ ด้วยอิทธิพลของจวนอ๋องหมิงหยาง ต้องเรียกหมอทุกคนไปแล้วแน่นอน ท่านจะไปหาใครได้อีกล่ะ? ปล่อยให้พวกท่านโหวเฒ่ากับคุณชายใหญ่จัดการเถอะเจ้าค่ะ”

“ยังมีคนคนหนึ่ง”

เสิ่นอวี้ส่ายศีรษะ ผลักสาวใช้ทั้งสองออก “เพียงแต่คนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด หากข้าอยากเชิญเขาออกจากเขา ต้องไม่เปิดเผยตัวตนของเขา และห้ามพาคนไปด้วย…พวกเจ้ารอท่านแม่กลับมา ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”

กล่าวจบก็วิ่งไปที่คอกม้าโดยตรง

หลังจูงม้าตัวหนึ่งออกจากคอกม้า ก็พุ่งออกจากเรือนโดยไม่สนใจสุขภาพของตนเองโดยตรง

ฟ้าร้องครึกโครม สายฝนตกกระหน่ำ

อากาศหนาวเหน็บมาก เสิ่นอวี้ที่อยู่บนหลังม้าหนาวจนตัวสั่น รู้สึกเพียงปวดหัวแทบระเบิด

หวังว่าจะสามารถฝืนทนจนเสวียโส่วตอบตกลงนะ

ม้าพยศใต้ร่างวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เสิ่นอวี้โคลงเคลงอยู่ข้างบน หนึ่งคนหนึ่งม้าพุ่งตรงไปยังตรอกชิงหลิ่ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวในอดีต

นางกับเสวียโส่วรู้จักกันตอนไปเก็บยาสมุนไพรที่เขาเยี่ยนหนาน

ตอนนั้นเสี่ยวสือโถวที่อยู่ข้างกายเสวียโส่วป่วยเป็นไข้ป่า ไข้ป่าเป็นโรคฉุกเฉิน เสวียโส่วขึ้นเขาไปหายา นางพบเขาโดยบังเอิญจึงเดินทางร่วมกัน หลังจากรู้ว่าเขาต้องใช้ยาอย่างเร่งด่วน นางจึงมอบยาที่อยู่ในตะกร้าสะพายหลังให้เขา

ยานั้นล้ำค่ามาก แม้รักษาโรคไข้ป่าเห็นผลทันที แต่เป็นยาที่หายากยิ่ง แม้เป็นเขาเยี่ยนหนานที่อุดมไปด้วยสมุนไพรก็หายากมาก เสวียโส่วรู้สึกซาบซึ้งเรื่องนี้มาก จึงบอกว่าต่อไปสามารถมาเรียนวิชาแพทย์ที่ตรอกชิงหลิ่ว เขายินดีถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้นาง

เสิ่นอวี้สนใจเรื่องสมุนไพรตั้งแต่เด็ก

เมื่อได้ยินจึงตอบตกลงไหว้เขาเป็นอาจารย์ทันที

ทักษะการแพทย์ของเสวียโส่วเลิศล้ำยิ่ง

ถ่ายทอดทุกอย่างไม่มีกั๊ก

แต่น่าเสียดายเมื่อชาติที่แล้วนางได้เรียนรู้ความสามารถมากมาย ทว่าไม่ได้ใช้รักษาโรคช่วยเหลือคน กลับปรุงยาพิษไม่รู้มากเท่าไรภายใต้การโกหกหลอกลวงขององค์ชายสามหยวนเฉิน และไม่รู้ว่าทำร้ายผู้คนไปมากเท่าไร

และหลังจากรู้ว่าขาทั้งสองข้างของจ้านอวิ๋นเซียวไร้ยารักษา นางก็ไม่เคยไปดูขาของเขา กลับกันยังรักษามดลูกเย็นให้ซ่งหว่านชิงจนหาย ทำให้นางตั้งครรภ์ลูกขององค์ชายสาม

ความเจ็บปวดที่ฝังลึกปะปนความสำนึกผิดปะทุขึ้นในใจ

ดวงตาเสิ่นอวี้แห้งกร้าน พลันตบม้าที่อยู่ใต้ร่างกาย

ม้าเร่งความเร็วฝ่าเข้าม่านฝน

หลังจากเวลาสองเค่อ เสิ่นอวี้พลิกตัวลงจากม้า แล้วจูงม้าเดินลึกเข้าไปในตรอกที่ลึกและสกปรก

ที่นี่คือสถานที่ที่สกปรกและวุ่นวายมากที่สุดในเมืองหลวง น้อยคนจะมาที่นี่ โดยทั่วไปล้วนเป็นเหล่าขอทานมารวมตัวกันอยู่ในบ้านร้างที่เก่าแก่และทรุดโทรมที่นี่

เสิ่นอวี้จูงม้าขาวเข้าไป ขัดกับทุกสิ่งของที่นี่

ตรงส่วนที่ลึกที่สุดของตรอก ใต้ชายคนเรือนหลังหนึ่ง เด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งขี่อยู่บนธรณีประตู ในมือกำลังเล่นไฉหู[footnoteRef:1]ครึ่งราก เมื่อเห็นนางเดินมาก็ชะงักทันที “แม่นางเสิ่น ฝนตกหนักเช่นนี้ เจ้ามาทำอะไรหรือ?” [1: ไฉหู ยาสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง]

พูดพลางวิ่งเหยาะๆ เข้ามา

เสิ่นอวี้เอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวเสียงแหบ “เสวียโส่วล่ะ?”

“นอนอยู่ข้างใน ตาเฒ่านั้นนิสัยแย่มาก ไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปรบกวนเลย…” สีหน้าเสี่ยวสือโถวขุ่นเคือง เขาถาม “เจ้ามาหาเขาหรือ? ข้าคาดว่าเขาไม่น่าจะยอมพบ เจ้าก็รู้จักนิสัยของตาเฒ่านั่นดี”

เสิ่นอวี้ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว

นางกลืนน้ำลายทีหนึ่งแล้วกล่าว “เจ้าแค่ไปบอกเขาก็พอ บอกว่าข้าอยากเชิญเขาออกจากเขา ลองไปดูขาของอ๋องหมิงหยาง”

เสิ่นอวี้พูดพลางคุกเข่าลงนอกประตูใหญ่

บนพื้นล้วนเป็นหินกรวด

เมื่อคุกเข่าลงไป ความเจ็บปวดก็ถูกส่งมาจากหัวเข่า

ใบหน้าเสิ่นอวี้เปียกปอน ชั่วขณะแยกไม่ออกว่าเป็นน้ำตาหรือเม็ดฝน มีภาพจ้านอวิ๋นเซียวลากขาสองข้างที่แสนเจ็บปวดเกินคำบรรยาย คอยทำทุกอย่างเพื่อนางตั้งหลายปีแล่นผ่านในหัว…

วันนี้ตนเพิ่งคุกเข่าลง ก็รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

ทุกข์สุขของคนเรานั้นไม่สามารถรู้สึกเหมือนกันจริงๆ…นึกถึงนางเมื่อชาติที่แล้ว เลือดเย็นโหดร้ายและเห็นแก่ตัวมากเพียงใด!

เสิ่นอวี้สูดลมเข้าลึกๆ คุกเข่าให้ตรงขึ้นเล็กน้อย

ชาตินี้ นางติดค้างเขา

เสี่ยวสือโถวทนความหัวรั้นของนางไม่ไหว พลันหมุนกายเข้าเรือนตะโกนว่า “ตาเฒ่าๆ แม่นางเสิ่นมาหาเจ้า คุกเข่าร้องขอให้เจ้าไปช่วยอ๋องหมิงหยางอยู่นอกประตูแน่ะ!”

ภายในเรือนไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

เสิ่นอวี้รู้ว่าเสวียโส่วได้ยิน

แต่จะตอบตกลงหรือไม่ตกลงก็พูดอยากแล้ว ตาเฒ่าคนนี้นิสัยแปลกมาก ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยทำข้อตกลงสามข้อ : นางห้ามพาคนนอกมาที่นี่ นางห้ามบอกเรื่องที่เขามีทักษะการแพทย์ให้ผู้อื่นฟัง ห้ามทำให้เขาเข้าไปพัวพันข้อเท็จจริงของชนชั้นสูงในเมืองหลวง

วันนี้ นางผิดสัญญาแล้ว

จวนอ๋องหมิงหยางนั้นโดดเด่นมีชื่อเสียง หาใช่แค่ชนชั้นสูง?

และนางยังจะพาเขาไปรักษาอ๋องหมิงหยาง เช่นนั้นย่อมต้องเปิดเผยเรื่องที่เขามีทักษะการแพทย์

เสิ่นอวี้เตรียมใจรอรับไฟโทสะของเขา

เป็นอย่างที่คิด ไม่นานเสี่ยวสือโถวก็ออกมากล่าวอย่างขอโทษ “ตาเฒ่าบอกว่าให้เจ้าไสหัวไป!”

พูดจบก็ปิดประตูใหญ่โดยตรง!

สิ่งนี้อยู่ในความคาดหมายของเสิ่นอวี้ นางทำได้เพียงกล่าวเสียงดัง “อาจารย์ ข้าผิดสัญญาเป็นความผิดของข้า ท่านจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ แต่ได้โปรดอย่างไรท่านก็ต้องช่วยเขา เขาสำคัญมากสำหรับข้า!”

ข้างในไม่มีคนตอบ

ฝนตกปรอยๆ เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิดอย่างทุกข์ทรมาน จนกระทั่งหลังเที่ยง

รถม้าคันหนึ่งจอดลงหน้าทางเข้าตรอก คุณชายเสื้อแพรท่านหนึ่งลงมาจากข้างใน เขาถือร่มกระดาษน้ำมันไว้ในมือหนึ่งคัน ฝีเท้าเดินมาทางนี้อย่างสุขุม

เสิ่นอวี้ได้ยินเสียงฝีเท้า หันหน้าไปมองเขา ทันใดนั้นก็มีความตกใจเสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นในใจ…

องค์ชายสามหยวนเฉิน!

ตรอกชิงหลิ่วห่างไกลเช่นนี้ และนางก็อ้อมเส้นทางมา ไม่เคยบอกแม้แต่สาวใช้ในเรือน เขารู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ที่นี่? หรือว่าเขารู้จักเสวียโส่ว…

เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจเสิ่นอวี้ และคนคนนั้นได้เดินมาถึงตรงหน้าแล้ว

ร่มกระดาษน้ำมันบดบังม่านฝน ด้านล่างมีใบหน้าหล่อเหลาและละมุมราวหยงปรากฏ แม้แต่การพูดก็มีความอ่อนโยนแฝง “เจ้าเจ็บเช่นนี้ เหตุใดไม่พักฟื้นดีๆ แต่กลับมาที่นี่แทน?”

“...” ชั่วขณะเสิ่นอวี้ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ในหัวมีเพียงความตกใจ และภาพท่าทางที่เฉยเมยเมื่อชาติที่แล้วที่ส่งครอบครัวนางไปสู้ตายของคนคนนี้

หยวนเฉินมองสีหน้าที่ซีดขาวของนาง หยิบของหวานอุ่นๆ ชิ้นหนึ่งออกจากอกยื่นส่งให้นาง “กินเสียหน่อยเถอะ”

แล้วกล่าวว่า “เจ้าทำถูกแล้ว เช่นนี้จึงจะทำให้จ้านอวิ๋นเซียวไม่สงสัยว่าเจ้าจงใจทำ ด้วยความรักที่เขามีต่อเจ้า อาจจะซาบซึ้งใจยิ่งเพราะเหตุนี้ ต่อไปจะฟังเจ้ายิ่งขึ้น”

“แต่แค่ทำเป็นพิธีก็พอแล้ว อย่าให้ถึงกับทำร้ายตัวเอง…รีบกลับไปเถอะ อย่าให้ข้าต้องเป็นห่วง”

พูดพลางเอื้อมมือออกมาลูบศีรษะนาง พลางส่งร่มให้ ส่วนตนเองหมุนกายตากฝนเดินจากไป

หากเป็นชาติที่แล้ว เสิ่นอวี้ต้องรู้สึกว่าคนตรงหน้าอ่อนโยนเข้ากระดูกแน่นอน

แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสะอิดสะเอียนเล็กน้อย

คำพูดเหล่านี้ของเขา ไม่มีอะไรนอกจากอยากให้นางใช้ประโยชน์จากความรักของจ้านอวิ๋นเซียว ใช้เล่นงานเขาในวันข้างหน้าก็เท่านั้น

หัวใจเสิ่นอวี้สั่นสะท้าน มองดูร่มกระดาษน้ำมันบนมือ พลันเหมือนมองเห็นสิ่งสกปรกอะไรบางอย่าง โยนมันออกไปกะทันหัน!

ภาพตรงหน้าพร่ามัวฉับพลัน

ไข้ขึ้นสูงอีกครั้ง ท้ายที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ไหว ล้มลงกับพื้นแล้ว

ตื่นมาอีกครั้ง ทัศนวิสัยตรงหน้าสลัว เสี่ยวสือโถวนั่งอยู่ข้างกาย กำลังใช้ผ้าชื้นผืนหนึ่งประคบหน้าผากนาง ข้างกองไฟบนพื้น เสวียโส่วกำลังสูบกล้องยาสูบ

เมื่อเห็นนางฟื้นแล้ว เขาก็สูบแรงๆ อีกสองที

จากนั้นจึงจะกล่าว “เจ้าอยากให้ข้าออกหน้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าต้องตอบตกลงเงื่อนไขของข้าหนึ่งข้อ”

“เงื่อนไขนี้อาจเกี่ยวพันถึงชีวิตเจ้า เจ้าคิดให้ดีก่อนค่อยพูด”

เสิ่นอวี้เงยหน้ามองเขา

ภายใต้แสงเทียน ใบหน้าที่ผอมแห้งของเสวียโส่วเหมือนเดินออกมาจากตำราขุนเขามหาสมุทร แววตาเป็นประกาย ราวกับเป็นขุนเขาทะเลไฟที่เต็มไปด้วยซากศพและกระดูก ทำหัวใจคนอกสั่นขวัญผวา

ชั่วขณะเสิ่นอวี้กลัวเล็กน้อย

แต่ไม่นานก็กล่าว “ข้าตกลง”

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status