แชตกลุ่ม
ขวัญ: ยัยแพรแกหายไปไหน ขวัญ: ทำไมฉันโทรหาแกถึงไม่รับสาย มีใครทำอะไรแกหรือเปล่า มินนี่: รถแกก็ไม่อยู่จะออกไปไหนทำไมไม่บอกพวกฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง มินนี่: แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาฉันกับยัยขวัญจะไปแจ้งความคนหายจริงๆ ด้วย ฉันอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมายาวเหยียด ก่อนจะตอบกลับ ฉัน: เมื่อคืนเมามากฉันกลับมาที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกสองคนนะ ฉันตอบไปไม่ถึงห้าวินาทีขวัญกับมินนี่ก็อ่านข้อความพร้อมกัน มินนี่: เมื่อคืนฉันไปหาแกที่ห้องแต่แกไม่อยู่หนิ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิด ขวัญ: แล้วแกเมาได้ยังไง ฉัน: พวกแกขี้สงสัยกันจังเลยนะ ฉันไม่ได้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนหรอก บอกว่ากลับห้องก็คือกลับ ตอนไปเข้าห้องน้ำมีคนยื่นเหล้าเพียวให้กิน ฉันรำคาญก็เลยกินไปหมดแก้ว มึนหัวเลยกลับมาคอนโด มินนี่: แต่แกก็ใจร้ายอยู่ดีนั่นแหละทิ้งฉันกับยัยขวัญให้เป็นห่วง ฉัน: ขอโทษค่า! จะให้ทำอะไรไถ่โทษดีเอ่ย ขวัญ / มินนี่: เลี้ยงเหล้าสิ ฉัน: ขอพักสักวันพวกแกจะไปดื่มทุกวันเลยหรือไง ขวัญ: ลืมไปแล้วหรอเมื่อก่อนแกน่ะตัวพาดื่มเลยนะ เอะอะก็ชวนไปคลับ เดียวนี้ทำตัวเหมือนยัยแก่ชวนไปไหนก็ไม่ไป มินนี่: จริงค่ะ! ฉัน: อ่าๆ ไปก็ไป มื้อนี้ฉันเลี้ยงก็แล้วกันกริ้ง~ ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์เบอร์ของพ่อก็โทรเข้ามาซะก่อน
( ค่ะพ่อ ) นานๆ ครั้งฉันจะได้คุยกับพ่อ เพราะงานของท่านค่อนข้างยุ่งและต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ( วันนี้มากินข้าวที่บ้านกับพ่อหน่อยสิ ) ( พ่อกลับมาจากอังกฤษแล้วหรอคะ ) ( อืม เพิ่งลงเครื่องก็โทรหาลูกสาวสุดที่รักทันที ) ( เดี๋ยวเย็นนี้หนูเข้าไปที่บ้านนะคะ ) หลังจากวางสายฉันก็กดปิดจอโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ช่วงนี้ชีวิตมันช่างแสนจะน่าเบื่อ แม่ฉันเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้วและพ่อก็ดูแลฉันมาตลอด ถึงแม้จะไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าแม่แต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่นอะไร คงเป็นเพราะโตแล้วก็เลยไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ และก็เข้าใจว่าพ่อมีงานมากมายที่ต้องทำ#ตกเย็น @บ้านของพ่อ
“คิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันเดินมาสวมกอดพ่อที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น “คิดถึงแต่ไม่มาหาพ่อมันยังไงกันนะ” พ่อตัดพ้อเหมือนกำลังน้อยใจที่ฉันแทบไม่เข้ามาหาที่บ้านเลย “งานที่ร้านยุ่งๆ นี่คะ” พ่อผละกอดออกแล้วมองหน้าฉันด้วยแววตาที่จริงจัง ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นๆ “เมื่อไหร่จะมาช่วยงานที่บริษัทสักที ลูกโตพอที่จะช่วยงานพ่อได้แล้วนะแพร” พ่อพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว จริงๆ ฉันบอกไปหลายครั้งว่าไม่ชอบงานที่บริษัท ถึงได้ปลีกตัวไปอยู่คนเดียวแบบนั้น “แพรไม่ชอบ…..” “อ่า! คำตอบเดิมอีกแล้วสินะ งั้นพ่อจะเปลี่ยนคำถาม” พอพ่อพูดแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจ “ยังไงคะ ?” “เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงาน ลูกก็อายุมากแล้วพ่อยังไม่เคยเห็นพาแฟนมาเจอพ่อเลยสักครั้ง” “พะ พ่อ ของแบบนี้ก็ต้องค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ สิคะ” ฉันที่ถูกถามเรื่องแต่งงานถึงกับไปไม่เป็น ความเขินอายทำให้ต้องก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาพ่อ “จะดูไปเรื่อยๆ จนอายุสามสิบเลยหรือไง พ่อก็ไม่ได้อยากจะบังคับหรอกนะ แต่ในเมื่อลูกไม่ชอบงานที่บริษัท ลูกก็ต้องหาใครสักคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน เพราะทุกอย่างที่พ่อสร้างมาสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นของลูก” ฉันเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด แต่เรื่องแฟนฉันอยากจะพักหัวใจไปก่อน พ่อยังไม่เคยเจอพี่เพิร์ทแต่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่ากำลังศึกษาดูใจกันอยู่ “แฟนลูกที่ชื่อเพิร์ทอะไรนั่น….” “หนูเลิกกับเขาแล้วค่ะ” ฉันพูดสวนขึ้นทันควัน “วัยรุ่นสมัยนี้เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกกันดีจริงๆ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มแล้วชวนพ่อเปลี่ยนเรื่องคุย วันนี้ฉันมากินข้าวที่บ้านในรอบหลายเดือน ถึงจะบอกว่าเลิกกับพี่เพิร์ทแล้วแต่พ่อก็ยังจะเชียร์ให้ฉันรีบหาแฟนใหม่เร็วๆ ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่รีบ หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็ขับรถกลับมาที่คอนโด ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้วรถค่อนข้างติดเลยใช้เวลานานหน่อย กริ้ง~ มีสายเข้าขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่ เป็นมินนี่ที่โทรมา ฉันจึงรีบกดรับสาย ( ว่าไงแก ) ( ฉันกับยัยขวัญว่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดแกนะ จะได้ออกไปคลับพร้อมกัน ) ( อื้อ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ถึงคอนโดเลยนะรถติด เพิ่งไปกินข้าวกับพ่อมา ) ( โอเคถ้าแกถึงคอนโดแล้วแชตมาบอกนะเดี๋ยวฉันกับยัยขวัญออกไปหา ) ( อื้อๆ ) ฉันก้มหน้าลงเพื่อกดตัดสายมินนี่ แต่ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจและรีบเหยียบเบรก “กรี๊ดดดด” ปัง!!! ฉันกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับเสียงรถที่ชนเข้ากับท้ายรถคันหน้าเข้าอย่างจังถึงแม้ว่าจะเหยียบเบรกแล้วก็ตาม เพราะมัวแต่ก้มหน้าตัดสายมินนี่จึงไม่ได้มองว่าตอนนี้เป็นไฟแดง ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาดูด้านหน้าที่มันชนเข้ากับท้ายรถของใครก็ไม่รู้ ตั้งแต่ขับรถมานี่แหละคืออุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต “ขับรถยังไงวะ ไม่มีตาหรือไง” เสียงทุ้มของเจ้าของรถ เอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิดทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเพราะความกลัว “ขะ ขอโทษค่ะ คือฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันก้มหน้าขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง “นึกว่าใคร” เสีนงทุ้มเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ฉันที่ก้มหน้าอยู่ค่อยๆ เงยขึ้นมามองตรงหน้า “อลัน” ไม่รู้ว่านี่คือเวรกรรมหรือพรมลิขิต ทำให้ฉันต้องมาเจอกับอลันในเหตุการณ์แบบนี้ แล้วรถที่ฉันมาชนท้ายคือรถของเขาอย่างนั้นหรอ “ระ รถนายหรอ” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อเห็นสีหน้าอำมหิตของอลันที่เดินมาดูท้ายรถแล้วแสดงความไม่พอใจออกมา “อืม คิดว่าขับรถแพงๆ แล้วจะชนใครก็ได้หรือไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่อำมหิต “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ มันเป็นอุบัติเหตุ” “แล้วยังไง จะรับผิดชอบยังไง ?” “เรียกประกัน….” “ยุ่งยาก” “งั้น ดะ เดี๋ยวฉันเอารถไปซ่อมให้ แล้วนายเอารถฉันไปขับก็ได้ที่บ้านมีรถที่ไม่ได้ใช้อยู่ นายอยากขับรุ่นไหนล่ะ” ฉันพยายามแสดงความรับผิดชอบเต็มที่แต่เหมือนคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อลันหงุดหงิดเพราะเขากำลังจ้องฉันเขม็ง “จะอวดว่าบ้านรวยว่างั้น ?” อลันถามอย่างหาเรื่อง “ปะ เปล่าๆ ฉันกำลังจะรับผิดชอบนี่ไง จะให้เอารถไปใช้จนกว่ารถของนายจะซ่อมเสร็จ” “ดะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้คนที่บ้านมาเอารถไปอู่ให้นะ” ฉันรีบยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพ่อ ให้พ่อส่งคนมาขับรถของอลันไปที่อู่ให้ พ่อเป็นห่วงใหญ่เลยกลัวว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บ กว่าจะพูดให้พ่อใจเย็นๆ และบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยได้ก็นานหลายนาทีพอสมควร “…….” อลันไม่ตอบอะไรเขาแค่ยืนนิ่งๆ มองรถของตัวเอง จริงๆ จะเรียกประกันก็ได้แต่ถ้าแบบนั้นมันจะยุ่งยาก ฉันกับอลันพอจะคุยกันได้อยู่ ยืนรอประมาณครึ่งชั่วโมงคนขับรถที่บ้านก็เอารถมาเปลี่ยนให้ฉันหนึ่งคัน แล้วก็ขับรถของฉันที่ชนท้ายกับคนของอลันไป ตอนนี้จากที่รถติดอยู่แล้ว พอมีอุบัติเหตุรถยิ่งติดยาวมากๆ รู้สึกผิดอยากจะขอโทษทุกคนเลยที่ทำให้รถติดยาวขนาดนั้น “ขึ้นรถสิเดี๋ยวฉันจะไปส่งที่คอนโด” อลันมองรถของตัวเองที่ลูกน้องของพ่อฉันกำลังขับไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเปิดประตูเข้ามานั่งในรถข้างๆ กับฉัน5 เดือนผ่านไป ชีวิตหลังแต่งงาน “ทำให้มันดีๆ หน่อยสิอลัน” “ก็ทำดีๆ อยู่นี่ไง” “แล้วนายเอาหมูไปผัดแบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่ผัดหมูก่อน”“แล้วทำไมไม่บอกก่อนก็รู้ว่าทำอาหารไม่เป็น”“ทำไม่เป็นก็ถอยไปฉันจะทำเอง”“ไม่ต้องยุ่งออกไปนั่งรอเลยไป” ฉันมองสามีของตัวเองทำอาหารด้วยความเหนื่อยใจ ทำไม่เป็นยังจะเสนอตัวอวดเก่งอยากจะโชว์ฝีมือ ชีวิตคู่ของเราไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้รักกันจนหวานชื่น เรามีปากเสียงกันในบางครั้งไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ความรักที่มีให้กันมันก็ยังคงอยู่และเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ฉันว่ามันคงเป็นธรรมดาของชีวิตคู่ จะให้รักกันปานจะกลืนกินคงไม่ใช่ คนที่อยู่ด้วยกันการทะเลาะและปรับความเข้าใจเป็นเรื่องปกติ “เสร็จแล้วครับคุณเมีย ^_^” อลันถือจานอาหารที่ตัวเองทำมาวางไว้ที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่ปลื้มอกปลื้มใจกับฝีมือตัวเอง “ผัดผักยังไงให้ผักไม่สุก แบบนี้จะกินยังไง” “ผักต้องสุก ?” เขาถามอย่างกับไม่เคยกินผัดผักมาก่อนในชีวิตถึงไม่รู้ว่ามันต้องสุกประมาณไหน “ถ้าลูกคลอดออกมาฉันคงไม่ไว้ใจให้นายทำอาหารให้ลูกกินแน่ๆ” “ของแบบนี้มันพัฒนากันได้ ตอนนี้ทำไม่เป็นอีกสิบปีข้างหน้าอาจจะได้เป็นเชฟกระทะเหล็กก็ไ
#บ้านของฉันฉันกับอลันมาที่บ้านด้วยกันเพื่อจะมาบอกพ่อว่าเรากำลังจะมีลูก ก่อนมาเขาได้โทรบอกพ่อกำนันแล้วเห็นว่าดีใจยกใหญ่เลย พรุ่งนี้คงจะขึ้นมากรุงเทพมาคุยเรื่องงานแต่ง “จะมาทำไมไม่บอกก่อนจะได้ให้คนจัดเตรียมอาหารเพิ่ม” พอพ่อเห็นอลันเดินมาพร้อมกับฉันก็รีบท้วงทันที ถึงก่อนหน้านี้จะใจร้ายไปบ้างแต่ตอนนี้พ่อตากับลูกเขยเริ่มเข้ากันได้แล้วนะ “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกพ่อค่ะ ^_^” ฉันยิ้มให้พ่อแล้วก็หันมายิ้มให้อลัน จากนั้นเราสามคนก็พากันเดินมาที่ห้องขับแขก“มีอะไรทำไมถึงต้องคุยเป็นทางการขนาดนี้ ?” พ่อถาม “พ่ออยากมีหลานคือเปล่าคะ” “อยากสิ พ่อแก่แล้วอยากจะรีบอุ้มหลานเร็วๆ” “งั้นคุณลุงก็สมหวังแล้วครับ” อลันพูดแทรก “หมายความว่ายังไง ?” พ่อขมวดคิ้วมองเราทั้งคู่สลับกัน ฉันคลี่ยิ้มก่อนจะตอบ “หนูท้องค่ะ ^_^” พอบอกว่าท้องพ่อก็เงียบไปเหมือนตกใจ ทำเอาฉันใจหาย ไหนบอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ ไง ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น“คุณลุงไม่ดีใจหรอครับ” อลันรีบถามเพราะเห็นพ่อเงียบไป “ลง ลุงอะไรกัน เรียกพ่อได้แล้วไอ้ลูกเขย” พ่อพูดออกมาพร้อใกับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำเอาฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกว่าพ่อจะเสียใจซะอีก อีกหนึ่งเรื่องร
โรงพยาบาลตอนนี้ฉันกับอลันอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอลิชเธอกลับไปที่บ้านแล้วเพราะต้องไปดูลูก ทั้งฉันและอลันได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งคู่ แต่ที่ต่างออกไปคือหมอให้ฉันตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ ตอนนี้เรากำลังนั่งรอผลตรวจอยู่อาการของอลันดีขึ้น ตอนนี้เขานั่งจนแทบจะสิงร่างฉันอยู่แล้ว “ขยับไปหน่อยได้ไหม ดูสิคนมองเยอะเลยนะ” ฉันกระซิบบอกอลัน “ขยับออกก็อ้วก จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ” “แล้วอยู่ใกล้ฉันไม่อยากอ้วกหรือไง” เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ถึงอาการของเขาจะดีขึ้นแต่ร่างกายยังอิดโรย ไม่นานเท่าไหร่คุณหมอก็เรียกให้เราสองคนไปฟังผลตรวจ “ผลตรวจของคุณผู้ชายเป็นปกติดีนะคะ” “แต่เขาทั้งเวียนหัวทั้งอ้วกเลยนะคะคุณหมอ” ฉันรีบพูดแย้งขึ้นทันที “คงจะเป็นอาการแพ้ท้องแทนภรรยาค่ะ ยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ ^_^” หมอพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่คำพูดนั้นยังวนอยู่ในหัวของฉัน ยินดีด้วยนะคะคุณกำลังตั้งครรภ์ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยพลาด อลันปล่อยนอกหรือไม่ก็ใส่ถุงยางอนามัยตลอด ตอนนั้นที่ปล่อยในฉันก็กินนาคุมฉุกเฉินแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะท้องได้ยังไง “จริงหรอครับคุณหมอ ผมกำลังจะมีลูกหรอคร
อลันเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังเอามือปิดจมูกอยู่ เขาทำท่าเหมือนขยะแขยงอาหารที่ฉันเตรียมให้มากๆ มันรู้สึกเฟลนิดๆ นะ อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมให้แท้ๆ “ไปหาหมอไหม”“ไม่เป็นไรแค่เวียนหัวนิดหน่อย” ฉันเดินมาหาอลันแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขาเพื่อเช็คว่าตัวร้อนหรือเปล่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันว่าไปหาหมอดีกว่านะอลัน”อลันสวมกอดฉันเอาไว้แน่นแล้วบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แค่กอดเมียแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย” แปะ! ฉันฟาดมือลงบนแขนของอลันเบาๆ แล้วพูดค้อน “ฉันเป็นห่วงนะยังจะมาพูดเล่นอีก”“ไม่ได้พูดเล่นมันดีขึ้นจริงๆ นะ” พูดจับอลันก็เอาใบหน้ามาซุกลงบนซอกคอของฉัน “หอมจัง” “…นายคงกินไม่ได้แล้วใช่ไหมฉันจะได้เก็บ” ฉันถามเสียงเศร้า “มันเหม็น” อลันพูดกระซิบบอกที่หูเสียงเบา “อยากกินเมียแทนข้าว” ฝ่ามือสากเริ่มเลื้อยไปมาเป็นปลาหมึก ริมฝีปากหนาพรมจูบไปจนทั่วซอกคอของฉันก่อนจะขยับขึ้นมาที่พวงแก้มและประกบจูบที่ริมฝีปาก “อืม~” เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของอลันทำให้ฉันรู้สึกวาบหวิว แควก! เสียงนี้คือเสียงชุดซีทรูตัวบางของฉันถูกฉีกอย่างไร้ความปรานี “อลัน!!” ฉันดันตัวออกแล้วจ้องอลันเขม็ง เข
วันต่อมา หลังจากที่อลันเลิกเรียนเราก็มาเจอเฮียเฟย นัดเจอกันที่ร้านอาหารในห้าง ฉันโทรนัดเฮียเอาไว้แล้ว #ภายในร้านอาหาร “เฮียสั่งจะกินอะไรไหมคะเดี๋ยวแพรสั่งให้” ฉันรีบถามเมื่อเฮียเฟยมาถึง มันรู้สึกเกร็งเอามากๆ สาเหตุก็เพราะอลันที่เอาแต่จ้องมองตลอดเวลา “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเฮียต้องเข้าบริษัทไปกินที่บริษัทก็ได้”“งานยุ่งหรอคะช่วงนี้”“ก็….”“มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูด เอาแต่เนื้อ น้ำไม่ต้อง” อลันพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท ฉันจึงหันมามองค้อนเขาด้วยสายตาที่ตำหนิ แต่เขาก็ทำท่าเหมือนทองไม่รู้ร้อน“ทีหลังถ้าจะนัดคุยมาคนเดียวดีกว่านะ แฟนแพรคงไม่สะดวก” เฮียเฟยบอก “ถ้าคุยสองต่อสองคงไม่ปล่อยให้มา” อบันตอบกลับทันควัน “นายช่วยอยู่เงียบๆ ได้ไหมอลัน” ฉันบอกเขาเสียงดุ ใจคอจะหาเรื่องให้ได้เลยหรือไง “แพรขอโทษแทนอลันด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรเฮียเข้าใจ แฟนแพรยังเด็ก….”“เด็กแล้วยังไง ?” เป็นอีกครั้งที่อลันถามอย่างไม่สบอารมณ์ “อลัน!!” ฉันจ้องเขาเขม็งจึงยอมปิดปากเงียบ มันน่าดีดหน้าผากแรงๆ สักทีให้เข็ดหลาบ “ที่นัดมาวันนี้แพรอยากจะมาขอโทษที่เคยพูดให้ความหวังเฮีย อยากขอโทษที่เคยดึงเฮียเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งที่แพรไม่ไ
ทางผู้ใหญ่พูดคุยกันครั้งนี้พ่อฉันยินยอมไม่ได้ขัดอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ คุณคานส์สามีของอลิชเสนอตัวจะออกค่าใช้จ่าย ส่วนค่าสินสอดวันแต่งพ่อของอลันจะเป็นคนออกเอง โดยงานหมั้นจะจัดหลังจากที่มหาวิทยาลัยของอลันปิดเทอม ซึ่งก็คืออีกไม่นานนี้แล้ว หลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน ฉันเองก็ยังเกร็งไม่หาย แต่ก็ดีใจที่พ่อของอลันเอ็นดูฉันมากขนาดนี้ ตอนนี้ฉันกำลังเดินเล่นกับอลิชอยู่ที่สนามหน้าบ้าน ส่วนพ่อฉันกับพ่อของอลันคุยกันเรื่องธุรกิจ พ่อของอลันสนใจอยากจะเปิดธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านต่างจังหวัดเลยขอคำปรึกษากับพ่อ ดีใจที่ทั้งสองคุยกันถูกคอ “แกไม่กลับบ้านพร้อมสามีหรออลิช” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่าฉันเห็นคุณคานส์กลับไปก่อนแล้ว “ฉันกลับพร้อมพ่อน่ะ คุณคานส์รีบไปดูลูก” “สามีดีเด่นนะเนี่ย” “แกก็เถอะ ดีใจด้วยนะ รู้ไหมฉันแทบจะกรี๊ดลั่นบ้านตอนที่รู้ว่าอลันจะจอแกหมั้น” อลิชดีใจจนออกนอกหน้า “แกไม่ห้ามน้องหน่อยหรอ หมั้นทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ” “แพร อลันเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายหรอกนะ ดีซะอีกน้องฉันตั้งใจทำงานมากๆ แถมยังไปเรียนทุกวัน ฉันละนับถือแกจริงๆ เลยที่เอาอลันอยู่หมัดขนาดนี้” “พี่อลิช