"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนี้"
เจ้าของเสียงเข้มที่เอ่ยถามแกมดุอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ เพราะคนในห้องมัวแต่หาของในนั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีคนมา แถมคนที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้องก็ยังเป็นเจ้าของห้องเสียด้วย ศิรดา สะดุ้งตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อจำน้ำเสียงนั้นได้หัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม นอกจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ใบหน้าเรียบตึง รอยขมวดที่คิ้วยิ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นลดความหล่อลงได้สักนิด เธอเผลอมองสีผมแปลกตาของเขาอยู่นาน สีบอร์นเทาที่รับกันกับใบหน้าหล่อคมเข้ม "ขะ..ขอโทษค่ะ พี่ธร พอดีรดามาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ให้ยายจ๋าน่ะค่ะ ของยายจ๋า...เอ่อ..ว้าย..." กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบ แขนเรียวเล็กของเธอก็ถูกเขากระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาออกจากห้อง ตรงไปในทิศทางห้องข้างๆ "จ๋า ต่อไปห้ามเข้าไปหยิบของในห้องพี่อีกนะ" พอเปิดประตูห้องน้องสาวเข้าไปได้เขาก็เหวี่ยงข้อมือเธอออกอย่างแรง ราวกับที่เขาจับจูงมาเมื่อครู่มันน่ารังเกียจ เสียงเข้มก็เอ่ยบอกน้องสาวตัวเองทันที แต่สายตาที่จ้องมองราวกับจะกินหัวนั้นกลับมองมาที่เธอ "แหมพี่ธร ก็จ๋าเห็นห้องพี่มีสายชาร์จเยอะนี่น่า ขอสักอันงกไปได้ พอดีของจ๋ามันขาดน่ะ" น้องสาวก็เถียงเสียงแข็งไม่แพ้พี่ชาย "ฉันไม่ได้งก แต่ควรจะมีมารยาท จะเข้าห้องคนอื่นก็ควรขอก่อน" "ปกติพี่ก็ไม่เคยกลับบ้านสักหน่อย" "ฉันจะกลับหรือไม่กลับ พวกเธอก็ไม่ควรจะเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ มารยาทไม่มียังไม่รู้สึกผิดอีก" ปัง!! หลังจากเขาด่าเสร็จก็เดินออกไปกระชากประตูห้องปิดเสียงดังจนทั้งสองคนสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ พอลับสายตาคมดุเธอก็ได้แต่แอบถอนหายใจหนักๆ "ขอโทษทีนะรดา ทำเธอถูกด่าไปด้วย" "ไม่เป็นไร" ศิรดาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้เพื่อน ยกมือขึ้นพร้อมกับสายชาร์จโทรศัพท์ที่ยังถือติดมือมาด้วย ทั้งสองจึงได้แต่หัวเราะให้กัน "ยายรดาเอ๋ย น่าสงสารจัง ฉันว่าเธอเปลี่ยนใจจากพี่ชายฉันเถอะ ชอบไปได้ยังไงคนแบบนี้มลพิษชัดๆ ไม่สนใจพี่นทีหรือ" สายธารหรือยายจ๋าหมายถึงพี่ชายคนโตอย่างนที แต่เธอก็ไม่ได้ชอบพี่นทีแบบนั้น แม้พี่คนโตของบ้านนี้จะดูดี สุภาพ แถมยังใจดี และถึงแม้จะถูกผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านจะแอบเชียร์อยู่ก็ตาม แต่คนที่เธอแอบมีใจให้กลับเป็นลูกชายคนรองของบ้านที่ท่าทางเป็นมลพิษอย่างน้องสาวเขาว่านั่นแหละ หลังจากเรียนจบมาได้กว่าสองเดือน ทั้งสองสาวในวันว่างๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างจริงจัง หรือแม้แต่คิดจะไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่ง จึงมักใช้เวลาขลุกอยู่บ้านกันเกือบทั้งวัน บางวันก็บ้านเธอ บางวันก็บ้านยายจ๋า พอตกดึกก็ออกท่องราตรี พอโดนพ่อกับแม่ที่บ้านบ่นมากๆ ก็หนีไปนอนคอนโดเก่าตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย บ้านของยายจ๋าออกจะมีฐานะกว่าเธอไม่น้อย เพราะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือราชศิริโสภณที่อยู่ในส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดครึ่งหนึ่งล้วนเป็นสินค้าจากบริษัทของบ้านยายจ๋า ส่วนบ้านเธอแม้จะพอมีฐานะเพราะธุรกิจโรงแรมหรู แต่ก็ยังเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ "จ๋า วันนี้อย่าเล่นน้ำดีกว่า" จนช่วงบ่ายของวัน ทั้งสองสาวชวนกันไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำในร่มข้างบ้าน แต่เมื่อสายตาของเธอเห็นใครบางคนที่นั่งเหยียดขาพาดบนเก้าอี้อีกตัวด้วยท่าทางสบายอารมณ์ แถมเจ้าของเรือนผมสีเทานั้นยังสวมเสื้อคลุมสีขาวเหมือนกันด้วย เพราะเขาคงกำลังจะว่ายน้ำที่สระด้วยเช่นกัน ศิรดารีบดึงแขนสายธารเอาไว้ทันที ไม่นึกอยากเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ แถมยังเป็นตอนที่เธออยู่ในชุดว่ายน้ำแสนเซ็กซี่ของยายจ๋าเสียด้วย "กลัวอะไรล่ะ ไม่ดีหรือไง จะได้เจอหวานใจเธอไง แถมใส่ชุดว่ายน้ำด้วย จะบอกให้นะพี่ชายฉันซิกแพ็กแน่นปึก" ไม่พูดเปล่าคนโฆษณาพี่ชายตัวเองยังทำท่าแข็งแรงบึกเบะให้ดูเสียด้วย คนฟังแค่คิดตามก็แทบจะทำหน้าไม่ถูก "ฉันอายน่ะ ใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้" "น่าอายตรงไหน สวยจะตาย นมเป็นนม เอวเป็นเอว เรายังอยากจะไปทำนมอยู่เลยเนี่ย" เมื่อคนตัวเล็กหุ่นดีที่สวมเสื้อคลุมสีขาวทับไว้ทำท่าขืนตัวจะไม่เดินไป สายธารก็ต้องรั้งแขนเธอให้เดินมาจนได้ คนที่นั่งทอดอารมณ์ในท่าสบายๆ หันมามองเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาจากทางด้านหลัง เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เขาทำท่าคล้ายหงุดหงิดเมื่อหันมาเห็นว่าคนที่เดินมาเป็นใคร "โห ดื่มเบียร์แล้วก็ว่ายน้ำเนี่ยนะ พี่ชายจ๋า" เสียงน้องสาวเอ่ยทักตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ศิรดาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ถัดไปอีกตัว เพราะคนขายาวยังไม่ยกขาออกจากเก้าอี้อีกตัวที่วางพาดไว้ "ต้องให้ฉันดื่มนมเวลาว่ายน้ำหรือไง" "แหม แค่ทักทายแค่แซวเล่นเฉยๆ ต้องจริงจังขนาดนั้นป่ะพี่" สายธารรีบโวยใส่พี่ชาย เพราะแค่จะแซวเล่นเท่านั้น แต่เจ้าตัวตอบกลับเสียแทบหน้าหงาย "ว่างกันนักหรือไง ไม่ชวนกันไปหางานหาการทำ เดี๋ยวพอตกดึกก็ออกไป...อยู่ที่ผับอีก" ศิรดาได้แต่แอบฟังสองพี่น้องเถียงกัน และก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะด่ากระทบมาถึงเธอ แล้วไอ้คำที่เขาหยุดเว้นว่างนั่นคงจะหมายถึงไม่ค่อยดีนัก "เชอะ ตัวพี่เองยังไม่ยอมไปทำงาน จะมาบ่นน้อง" "ฉันไม่ไปทำงานกับพ่อ แต่ฉันก็ยังทำงานมีรายได้ ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่เหมือนพวกเธอ" "ไม่แบมือขอแค่พ่อแม่หรอก แต่จะขอพี่ด้วย เดี๋ยวคืนนี้ก็จะไปแรดๆ ที่ผับพี่นั่นแหละ ลงบัญชีไว้ด้วย" พูดจบน้องสาวก็ได้แต่ถอดชุดคลุมสีขาวแล้วแกล้งโยนใส่ตักพี่ชาย เธอแทบจะไม่อยากคิดภาพเมื่อครู่ถ้าสายธารลุกออกจากเก้าอี้มาช้าอีกก้าวเดียวมีหวังยายจ๋าไม่ได้กระโดดน้ำลงสระไปอย่างนี้แน่ คงจะถูกพี่ชายตัวเองประเคนฝ่าเท้าที่เขาขยับจะช่วยส่งน้องสาวลงสระนั่นแล้ว "ลงมาสิ รดา เร็วๆ เข้า" เสียงเร่งเร้าให้คนที่ไม่กล้าถอดเสื้อคลุมได้แต่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างนั้น เธอเหลือบสายตาไปมองคนที่นอนเอนตัวอยู่เห็นเขามองมาทางเธอพอดี ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อทันที แต่สายตาคมดุนั้นกลับแสดงท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ ใส่ ก่อนเขาจะขยับแว่นดำที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวมเธอเดาว่าเขาคงแสดงท่าทางตัดบทเพราะเมื่อเห็นเธอไม่ลงน้ำสักที คงคิดว่าจะชวนเขาคุยแน่ จึงสวมแว่นตาดำแล้วหลับตาซะ จะได้ไม่ต้องคุยกับเธอ เมื่อเห็นว่าเขาหลับตาลง เพราะตำแหน่งที่เธอนั่งมองเห็นหางตาเขานิดๆ เมื่อเขาไม่ได้สนใจ เธอจึงได้รีบถอดเสื้อคลุมแล้วก็รีบไปค่อยๆ ทิ้งตัวลงสระเบาๆ เพราะเกรงจะเป็นการรบกวนคนที่หลับตาอยู่ แต่พอได้แช่น้ำในบรรยากาศร่มรื่นแบบนี้เธอก็ดำผุดดำว่ายเสียจนลืมผู้ชายที่นอนเอนตัวอยู่ข้างสระ เมื่อคิดขึ้นมาได้ก็เหลือบสายตาไปมองเขาสักที เห็นเขายังเอนตัวอยู่ท่าเดิมสวมแว่นดำไว้อย่างนั้น เธอจึงคลายความอายลงได้เยอะทีเดียว อีกครู่ใหญ่ที่หันไปมองเก้าอี้นั้นอีกครั้งก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว และตกดึกทั้งสองสาวก็เป็นอย่างที่สายธารประกาศกร้าวต่อหน้าพี่ชายนั่นแหละ เพื่อนสมัยเรียนหลายคนที่ยังไม่ได้ทำงานเหมือนเธอ หรือบางคนรอเวลาที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ก็นัดรวมตัวกันอยู่บ่อยๆ และสถานที่รวมตัวก็คงไม่พ้นผับของชลันธรนั่นเอง ด้วยเหตุผลของยายจ๋าว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยคุณแม่มือใหม่นอนหลับไปพร้อมกับเจ้าตัวอ้วนที่กินนมอิ่มก็หลับ ศิรดาจะได้หลับก็ต่อเมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ เพราะเธอเลือกให้นมลูกจากเต้า การต้องตื่นทุกสองชั่วโมงเพื่อให้นมดูจะทำให้เธอเพลียไม่น้อย หลังจากจากคุณแม่ต้องพักผ่อน ทุกคนจึงแยกย้ายออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่ที่กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก คุณพรรณีจึงได้เข้าครัวสำหรับเตรียมอาหารเย็นโดยมียายจ๋าตามเข้าไปช่วย พี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กก็จะใช้เวลานี้จัดการทำความสะอาดกับพวกเสื้อผ้าหรือของใช้เด็ก และรอเวลามาช่วยตอนที่เจ้าตัวเล็กตื่นนอน ชลันธรกับวรุตจึงได้หลบมานั่งคุยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำ ปรึกษากับตามประสาคู่เขยไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องภรรยาของตัวเอง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง "พวกไอ้พงษ์เทพ มันยังมายุ่งกับมึงอีกหรือเปล่า" วรุตเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่แล้วแหละ ตั้งแต่ขู่พิมพ์พิมลไปก็เงียบไปเลย" "กูว่าไม่รอดศาลฎีกาแน่ ยังไงก็ต้องยืนตามอุทธรณ์" วรุตให้ความเห็น "ไม่น่ารอด แต่คดีรับสินบนน่าจะสืบอีกนาน แต่ให้มันโดนสักคดีก็ยังดี มึงรู้เรื่องพิมพ์พิมลแล้วใช่เปล่า" "รู้ว่า" วรุตไม่แน่ใจว่าหมายถึงเรื่องไหน "เรื่องที่เมียหลวงรัฐมนตรีจับได้น
และในอีกหลายๆ ครั้งที่ยายจ๋าต้องไปคุยเรื่องงานกับบริษัทก่อสร้างที่กำลังเริ่มงาน จะต้องมีคนตัวสูงเดินเคียงคู่ไปด้วยทุกครั้ง และในหลายๆ ครั้งที่การตัดสินใจมาจากเขา ถ้ายิ่งต้องไปดูไซต์งานก่อสร้างเธอจะถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แค่ในออฟฟิศชั่วคราวเท่านั้น จะมีเพียงเขาและไตรฉัตรที่เดินตากแดดออกไปที่ไซต์ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่คนตัวเล็กดื้อดึงจะออกไปดูเองให้ได้ ก็จะต้องมีวรุตที่คอยกางร่มให้อยู่ข้างๆ ตลอด งานก่อสร้างที่กำลังเริ่มต้นก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ตามแพลนที่วางไว้เช่นเดียวกับงานแต่งงานที่กำหนดไว้ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ดำเนินไปตามกำหนดภายในงานแทบจะไม่ต่างกับงานของชลันธรกับศิรดามากนัก แม้แต่สินสอดทองหมั้นก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากัน ที่จะมีขัดใจก็คงเป็นตอนที่ชลันธรคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแกล้งมาป่วนในตอนที่เขาเหลือเวลาว่างเพียงนิดพอจะได้พักผ่อนเสียหน่อย หลังงานแต่งเพียงไม่กี่วันทั้งคู่ก็กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ ระหว่างที่รีสอร์ตของยายจ๋ากำลังก่อสร้าง เธอก็มักจะมาอยู่ที่ห้องทำงานของสามี เพื่อจะได้ศึกษาข้อมูลจากเขาและมันก็ทำให้เธอเข้าใจระบบงานโรงแรมได้เป็นอย่างดี การก่อสร้างเริ่มเข้าในระยะที่สองแล้ว
คุณจ๋าที่ดูร่าเริงพูดเยอะอยู่เมื่อครู่ แต่พอนั่งข้างกับคนหน้าตึง ก็ทำเธอกลายเป็นคนพูดน้อยไปเสียอย่างนั้น ไตรฉัตรมองสายตาของคนทั้งสองคงมากกว่าคนรู้จักกันแน่นอน แต่ไม่รู้ทั้งคู่จะงอนกันหรือเพราะอะไรจึงดูเงียบๆ แปลกๆ "คุณจ๋าทานเยอะๆ นะครับ อาหารโรงแรมของคุณวรุตนี่อร่อยมากเลย สงสัยผมจะได้บินมาเชียงใหม่บ่อยๆ ซะแล้ว" ไตรฉัตรตักอาหารใส่จานให้คุณจ๋า พูดจบก็แอบมองหน้าเจ้าของโรงแรม ใบหน้าเรียบดูจะตึงขึ้นอีกไม่น้อย จนไตรฉัตรแอบยิ้ม "ที่กรุงเทพก็มีสาขาครับ ถ้าติดใจรสชาติอาหารทานที่กรุงเทพก็ได้ครับ รับรองสูตรเดียวกันแน่นอนครับ" "ก็ดีนะครับ แต่ถ้าได้มาเชียงใหม่ คงไม่พลาดแน่นอนครับ" ในมื้ออาหารเที่ยงที่กำลังจะผ่านพ้นไป เธอแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไร ปล่อยให้ผู้ชายสองคนคุยกัน เสียงคุณไตรฉัตรเอ่ยถามเสียมากกว่า คนตอบก็ตอบบ้าง ตอบปัดๆ ให้ผ่านไปบ้าง "เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ มีประชุมตอนบ่ายโมง" วรุตเอ่ยบอกตอนที่มื้ออาหารเที่ยงผ่านพ้นไปแล้ว "ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยนะครับ" "คุณไตรฉัตรจะกลับวันไหนหรือครับ" "อ๋อ วันนี้แหละครับ พอดีผมต้องขึ้นเชียงรายต่อ" "เสียดายนะครับ ไม่งั้นจะชวนให้พัก
"พี่รุตคะ แม่บอกว่าฤกษ์แต่งงานต้องอีกสองเดือนข้างหน้านะ" "ก็ตามนั้นแหละ" "ค่ะ" ยายจ๋าได้แต่ตอบรับเสียงอ่อยๆ มองคนที่ลุกเดินจากโซฟารับแขกในห้องทำงานกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอลุกตามไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ จ้องมองคนที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า "พี่รุต เราแต่งฤกษ์สะดวกดีไหมคะ เพราะอีกสองเดือนบริษัทก่อสร้างน่าจะเริ่มงานแล้ว จ๋ากลัวจะยุ่ง" "พวกแม่ๆ จะฟังเธอไหมล่ะ วันไหนก็วันนั้นแหละ" "ก็ได้ค่ะ จ๋ามีนัดกับบริษัทก่อสร้างที่ห้องอาหารโรงแรมนี่แหละค่ะ ออฟฟิศที่จ๋าเช่าไว้ยังตกแต่งไม่เสร็จเลยพี่รุตจะลงไปด้วยไหมคะ" "กี่โมง" "สิบโมงค่ะ" "พี่มีประชุม" "ค่ะ งั้นจ๋าขอตัวก่อนนะคะ" เธอได้แต่รับคำเสียงอ่อยๆ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีที่จะถึงเวลานัด เมื่อวรุตไม่ว่างที่จะลงมาคุยกับบริษัทก่อสร้าง เธอจึงได้แต่ลงมารอสถาปนิกออกแบบที่พี่นทีพี่ชายคนโตแนะนำมาให้ เธอลงมาถึงห้องอาหารก่อนเวลาเพียงสิบนาที และก็พอดีกับที่สถาปนิกมาถึง เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น พอกดรับสาย "คุณจ๋า ใช่ไหมครับ ผมมาถึงแล้วนะครับ" "ค่ะ คุณไตรฉัตร..." "อ้าว..." เธอยังพูดไม่ทันได้จบประ
เธอได้แต่เรียกคนตัวสูงให้มานั่งข้างๆ บังคับให้เขาเปิดอ่านเกี่ยวกับการตั้งครรภ์การดูแลต่างๆ จากแหล่งค้นหาข้อมูลที่ชื่อว่ากูเกิล ชลันธรจึงได้แต่นั่งอ่านข้อมูลในโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ "แล้วนั่นจะไปไหนอีกล่ะครับ" "รดาจะไปหยิบผลไม้ในครัวค่ะ" เธอได้แต่ถอนหายใจหนักๆ สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมาให้ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์แม้จะล่วงเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย อีกเพียงไม่ถึงสองเดือนเจ้าหนูน้อยทายาทคนแรกของเจ้าสัวทินกรก็จะได้ออกมาดูโลกกว้าง ทั้งสองบ้านดูจะเห่อหลานชายคนแรกกันไม่น้อย ส่วนคู่แต่งงานที่แต่งหลังเธอก็ตกอยู่ในภาวะที่ถูกครอบครัวกดดันอย่างหนัก เมื่อยังไม่เห็นวี่แววว่าทั้งคู่จะมีทายาทคนต่อไปให้ครอบครัว ยายจ๋าให้เหตุผลขอทำรีสอร์ตให้เสร็จก่อน ส่วนฟาร์มของพี่รุตก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว ทั้งคู่จึงยังใช้ชีวิตที่เชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ "ท้องที่สอง พี่ว่าเราทำลูกแฝดดีกว่าไหม จะได้เจ็บทีเดียว" ชลันธรเอ่ยบอกภรรยาที่ยังท้องโย้เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ โดยมีเขาที่นอนกอดท้องใหญ่ๆ ของเธอไว้ "พี่ธรจะทำได้หรือคะ" "ใครมันจะทำได้เองล่ะ พูดเข้า ก็ต้องใช้การแพทย์ช่วยซิ" ฟังคำถามนั้
เพราะข่าวในทีวีที่เธอเปิดทิ้งไว้ภายในห้องนั่งเล่นไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร แต่นักข่าวชื่อดังที่กำลังเล่าข่าวอย่างออกรสเอ่ยชื่อถึงนายพงษ์เทพเท่านั้น อาหารตรงหน้าจึงถูกลดความสนใจลงทันที "ตื่นเต้นกับข่าวอะไรแต่เช้าครับ" ชลันธรแกล้งทำลากเสียงยาวในท้ายประโยค เพราะเพิ่งออกจากห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กยังเช็ดผมที่หมาดอยู่ เดินมานั่งข้างภรรยาคนสวย ข่าวการตัดสินคดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่าอายุสิบแปดปีของนายพงษ์เทพและพวก ที่ศาลตัดสินจำคุกแปดปีไม่รอลงอาญา และปรับสองแสนบาท "สมน้ำหน้า" นักข่าวยังอ่านข่าวไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ แค่พอจับใจความได้ ศิรดาก็เอ่ยเน้นเสียงขึ้นมาด้วยความสะใจ "ท่าจะหลุดยาก ถึงจะประกันตัวไปสู้คดีต่อก็เถอะ" ชลันธรได้แต่ให้ความเห็น "กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอค่ะ ถึงจะรอนานสักหน่อย แต่เสียดายยายคุณพี่พิมพ์นั่นน่าจะโดนอะไรสักหน่อย คิดแล้วก็แค้นนัก" พอพูดถึงพิมพ์พิมลอดไม่ได้ที่เธอจะเหลือบตามองสามีตัวเอง ด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง "อย่ามองพี่แบบนั้นนะ" "รดายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ ร้อนตัว" "ก็สายตาเธอ" "สายตารดาทำไมคะ" "ไม่ทำไมจ้า เมียจ๋า