"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนี้"
เจ้าของเสียงเข้มที่เอ่ยถามแกมดุอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ เพราะคนในห้องมัวแต่หาของในนั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีคนมา แถมคนที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้องก็ยังเป็นเจ้าของห้องเสียด้วย ศิรดา สะดุ้งตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อจำน้ำเสียงนั้นได้หัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม นอกจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ใบหน้าเรียบตึง รอยขมวดที่คิ้วยิ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นลดความหล่อลงได้สักนิด เธอเผลอมองสีผมแปลกตาของเขาอยู่นาน สีบอร์นเทาที่รับกันกับใบหน้าหล่อคมเข้ม "ขะ..ขอโทษค่ะ พี่ธร พอดีรดามาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ให้ยายจ๋าน่ะค่ะ ของยายจ๋า...เอ่อ..ว้าย..." กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบ แขนเรียวเล็กของเธอก็ถูกเขากระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาออกจากห้อง ตรงไปในทิศทางห้องข้างๆ "จ๋า ต่อไปห้ามเข้าไปหยิบของในห้องพี่อีกนะ" พอเปิดประตูห้องน้องสาวเข้าไปได้เขาก็เหวี่ยงข้อมือเธอออกอย่างแรง ราวกับที่เขาจับจูงมาเมื่อครู่มันน่ารังเกียจ เสียงเข้มก็เอ่ยบอกน้องสาวตัวเองทันที แต่สายตาที่จ้องมองราวกับจะกินหัวนั้นกลับมองมาที่เธอ "แหมพี่ธร ก็จ๋าเห็นห้องพี่มีสายชาร์จเยอะนี่น่า ขอสักอันงกไปได้ พอดีของจ๋ามันขาดน่ะ" น้องสาวก็เถียงเสียงแข็งไม่แพ้พี่ชาย "ฉันไม่ได้งก แต่ควรจะมีมารยาท จะเข้าห้องคนอื่นก็ควรขอก่อน" "ปกติพี่ก็ไม่เคยกลับบ้านสักหน่อย" "ฉันจะกลับหรือไม่กลับ พวกเธอก็ไม่ควรจะเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ มารยาทไม่มียังไม่รู้สึกผิดอีก" ปัง!! หลังจากเขาด่าเสร็จก็เดินออกไปกระชากประตูห้องปิดเสียงดังจนทั้งสองคนสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ พอลับสายตาคมดุเธอก็ได้แต่แอบถอนหายใจหนักๆ "ขอโทษทีนะรดา ทำเธอถูกด่าไปด้วย" "ไม่เป็นไร" ศิรดาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้เพื่อน ยกมือขึ้นพร้อมกับสายชาร์จโทรศัพท์ที่ยังถือติดมือมาด้วย ทั้งสองจึงได้แต่หัวเราะให้กัน "ยายรดาเอ๋ย น่าสงสารจัง ฉันว่าเธอเปลี่ยนใจจากพี่ชายฉันเถอะ ชอบไปได้ยังไงคนแบบนี้มลพิษชัดๆ ไม่สนใจพี่นทีหรือ" สายธารหรือยายจ๋าหมายถึงพี่ชายคนโตอย่างนที แต่เธอก็ไม่ได้ชอบพี่นทีแบบนั้น แม้พี่คนโตของบ้านนี้จะดูดี สุภาพ แถมยังใจดี และถึงแม้จะถูกผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านจะแอบเชียร์อยู่ก็ตาม แต่คนที่เธอแอบมีใจให้กลับเป็นลูกชายคนรองของบ้านที่ท่าทางเป็นมลพิษอย่างน้องสาวเขาว่านั่นแหละ หลังจากเรียนจบมาได้กว่าสองเดือน ทั้งสองสาวในวันว่างๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างจริงจัง หรือแม้แต่คิดจะไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่ง จึงมักใช้เวลาขลุกอยู่บ้านกันเกือบทั้งวัน บางวันก็บ้านเธอ บางวันก็บ้านยายจ๋า พอตกดึกก็ออกท่องราตรี พอโดนพ่อกับแม่ที่บ้านบ่นมากๆ ก็หนีไปนอนคอนโดเก่าตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย บ้านของยายจ๋าออกจะมีฐานะกว่าเธอไม่น้อย เพราะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือราชศิริโสภณที่อยู่ในส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดครึ่งหนึ่งล้วนเป็นสินค้าจากบริษัทของบ้านยายจ๋า ส่วนบ้านเธอแม้จะพอมีฐานะเพราะธุรกิจโรงแรมหรู แต่ก็ยังเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ "จ๋า วันนี้อย่าเล่นน้ำดีกว่า" จนช่วงบ่ายของวัน ทั้งสองสาวชวนกันไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำในร่มข้างบ้าน แต่เมื่อสายตาของเธอเห็นใครบางคนที่นั่งเหยียดขาพาดบนเก้าอี้อีกตัวด้วยท่าทางสบายอารมณ์ แถมเจ้าของเรือนผมสีเทานั้นยังสวมเสื้อคลุมสีขาวเหมือนกันด้วย เพราะเขาคงกำลังจะว่ายน้ำที่สระด้วยเช่นกัน ศิรดารีบดึงแขนสายธารเอาไว้ทันที ไม่นึกอยากเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ แถมยังเป็นตอนที่เธออยู่ในชุดว่ายน้ำแสนเซ็กซี่ของยายจ๋าเสียด้วย "กลัวอะไรล่ะ ไม่ดีหรือไง จะได้เจอหวานใจเธอไง แถมใส่ชุดว่ายน้ำด้วย จะบอกให้นะพี่ชายฉันซิกแพ็กแน่นปึก" ไม่พูดเปล่าคนโฆษณาพี่ชายตัวเองยังทำท่าแข็งแรงบึกเบะให้ดูเสียด้วย คนฟังแค่คิดตามก็แทบจะทำหน้าไม่ถูก "ฉันอายน่ะ ใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้" "น่าอายตรงไหน สวยจะตาย นมเป็นนม เอวเป็นเอว เรายังอยากจะไปทำนมอยู่เลยเนี่ย" เมื่อคนตัวเล็กหุ่นดีที่สวมเสื้อคลุมสีขาวทับไว้ทำท่าขืนตัวจะไม่เดินไป สายธารก็ต้องรั้งแขนเธอให้เดินมาจนได้ คนที่นั่งทอดอารมณ์ในท่าสบายๆ หันมามองเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาจากทางด้านหลัง เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เขาทำท่าคล้ายหงุดหงิดเมื่อหันมาเห็นว่าคนที่เดินมาเป็นใคร "โห ดื่มเบียร์แล้วก็ว่ายน้ำเนี่ยนะ พี่ชายจ๋า" เสียงน้องสาวเอ่ยทักตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ศิรดาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ถัดไปอีกตัว เพราะคนขายาวยังไม่ยกขาออกจากเก้าอี้อีกตัวที่วางพาดไว้ "ต้องให้ฉันดื่มนมเวลาว่ายน้ำหรือไง" "แหม แค่ทักทายแค่แซวเล่นเฉยๆ ต้องจริงจังขนาดนั้นป่ะพี่" สายธารรีบโวยใส่พี่ชาย เพราะแค่จะแซวเล่นเท่านั้น แต่เจ้าตัวตอบกลับเสียแทบหน้าหงาย "ว่างกันนักหรือไง ไม่ชวนกันไปหางานหาการทำ เดี๋ยวพอตกดึกก็ออกไป...อยู่ที่ผับอีก" ศิรดาได้แต่แอบฟังสองพี่น้องเถียงกัน และก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะด่ากระทบมาถึงเธอ แล้วไอ้คำที่เขาหยุดเว้นว่างนั่นคงจะหมายถึงไม่ค่อยดีนัก "เชอะ ตัวพี่เองยังไม่ยอมไปทำงาน จะมาบ่นน้อง" "ฉันไม่ไปทำงานกับพ่อ แต่ฉันก็ยังทำงานมีรายได้ ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่เหมือนพวกเธอ" "ไม่แบมือขอแค่พ่อแม่หรอก แต่จะขอพี่ด้วย เดี๋ยวคืนนี้ก็จะไปแรดๆ ที่ผับพี่นั่นแหละ ลงบัญชีไว้ด้วย" พูดจบน้องสาวก็ได้แต่ถอดชุดคลุมสีขาวแล้วแกล้งโยนใส่ตักพี่ชาย เธอแทบจะไม่อยากคิดภาพเมื่อครู่ถ้าสายธารลุกออกจากเก้าอี้มาช้าอีกก้าวเดียวมีหวังยายจ๋าไม่ได้กระโดดน้ำลงสระไปอย่างนี้แน่ คงจะถูกพี่ชายตัวเองประเคนฝ่าเท้าที่เขาขยับจะช่วยส่งน้องสาวลงสระนั่นแล้ว "ลงมาสิ รดา เร็วๆ เข้า" เสียงเร่งเร้าให้คนที่ไม่กล้าถอดเสื้อคลุมได้แต่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างนั้น เธอเหลือบสายตาไปมองคนที่นอนเอนตัวอยู่เห็นเขามองมาทางเธอพอดี ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อทันที แต่สายตาคมดุนั้นกลับแสดงท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ ใส่ ก่อนเขาจะขยับแว่นดำที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวมเธอเดาว่าเขาคงแสดงท่าทางตัดบทเพราะเมื่อเห็นเธอไม่ลงน้ำสักที คงคิดว่าจะชวนเขาคุยแน่ จึงสวมแว่นตาดำแล้วหลับตาซะ จะได้ไม่ต้องคุยกับเธอ เมื่อเห็นว่าเขาหลับตาลง เพราะตำแหน่งที่เธอนั่งมองเห็นหางตาเขานิดๆ เมื่อเขาไม่ได้สนใจ เธอจึงได้รีบถอดเสื้อคลุมแล้วก็รีบไปค่อยๆ ทิ้งตัวลงสระเบาๆ เพราะเกรงจะเป็นการรบกวนคนที่หลับตาอยู่ แต่พอได้แช่น้ำในบรรยากาศร่มรื่นแบบนี้เธอก็ดำผุดดำว่ายเสียจนลืมผู้ชายที่นอนเอนตัวอยู่ข้างสระ เมื่อคิดขึ้นมาได้ก็เหลือบสายตาไปมองเขาสักที เห็นเขายังเอนตัวอยู่ท่าเดิมสวมแว่นดำไว้อย่างนั้น เธอจึงคลายความอายลงได้เยอะทีเดียว อีกครู่ใหญ่ที่หันไปมองเก้าอี้นั้นอีกครั้งก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว และตกดึกทั้งสองสาวก็เป็นอย่างที่สายธารประกาศกร้าวต่อหน้าพี่ชายนั่นแหละ เพื่อนสมัยเรียนหลายคนที่ยังไม่ได้ทำงานเหมือนเธอ หรือบางคนรอเวลาที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ก็นัดรวมตัวกันอยู่บ่อยๆ และสถานที่รวมตัวก็คงไม่พ้นผับของชลันธรนั่นเอง ด้วยเหตุผลของยายจ๋าว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยแต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชา
"องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย
ศิรดากลับมาถึงบ้านตอนเจ็ดโมงกว่าๆ แต่ก็เหมือนจะยังสายกว่าบางคนที่ไม่รู้มาถึงตั้งแต่ตอนไหน สายตาของวรุตพี่ชายที่จ้องมองน้องสาวตัวเองเดินเข้ามาในห้องอาหารเรียกว่าสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว "สวัสดีค่ะ พี่รุต" เธอรีบยกมือสวัสดีพี่ชาย "ทำสีผมอะไรของเราน่ะ" นอกจากไม่ทักทายน้อง เสียงเข้มที่เอ่ยถามคล้ายดุไปในตัวเสียอีกด้วย "เอ่อ...ทำโปรโมตร้านให้เพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวก็ย้อมสีดำกลับแล้วค่ะ" เหตุผลที่เพิ่งคิดได้ตอนนี้เอง "รีบๆ ไปย้อมซะ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ความน่านับถือหมดกันพอดี" เธอได้แต่พยักหน้ารับ ทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย แล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม "อ้าว ยายรดา กลับมาแล้วหรือ พอดีเลยลูก เอาผลไม้ไปฝากบ้านหนูจ๋าหน่อย พี่ชายเราเพิ่งเอามาจากสวนที่ทดลองปลูกด้วย" "ได้ค่ะแม่" เสียงคุณรำไพผู้เป็นแม่ ช่วยให้เธอได้พอหายใจสะดวกขึ้นบ้าง เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งให้พี่ชายจับผิดอยู่ตรงนี้อีกนาน "นี่ยายรดา ไม่ค่อยกลับบ้านหรือครับ" นั่นไงล่ะ โดนอีกแล้ว "มีไปนอนที่คอนโดบ้างแหละ" คุณรำไพตอบให้ พร้อมกับจัดผลไม้ใส่ตะกร้าใบสวย "เพราะพ่อกับแม่ตามใจแบบนี้ไง อีก
ศิรดาหน้าชาขึ้นมาทันที เมื่อเห็นมือเขาเอื้อมมาที่เก๊ะหน้ารถตรงหน้า เธอก็แค่เบี่ยงขาหลบให้เพราะไม่รู้ว่าเขาจะหยิบอะไร แต่พอเขาเปิดเก๊ะออก กล่องเล็กๆ หลายกล่องที่อยู่ในนั้นทำเอาเธอหน้าแดงขึ้นทันตา แม้จะยังไม่เคยใช้แต่ก็รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย "ถะ...ถ้าพี่ธร ไม่สะดวก เอาไว้วันหลังรดาเลี้ยงขอบคุณแล้วกันนะคะ เธอรีบละล่ำละลักเอ่ยบอกทันที ที่เห็นเขาแกะกล่องแล้วหยิบซองเล็กๆ ด้านในออกมาหลายอัน เหน็บเข้ากระเป๋ากางเกงด้านหลัง มือก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว "สะดวกสิ ทำไมจะไม่สะดวก สาวชวนขึ้นคอนโดทั้งที" "เอ่อ..รดาแค่จะเลี้ยงกาแฟขอบคุณเฉยๆ ค่ะ" "งั้นฉันแวะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อเอาก็ได้" "ขอโทษที่ทำพี่ธรเข้าใจผิดค่ะ รดาไม่ได้หมายถึงแบบนั้นจริงๆ" "ทีหลังก็อย่ามาเอ่ยชวนคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ โดยเฉพาะฉัน แล้วถ้าจะให้ดีอย่าเที่ยวมาตามตอแย อย่ามาอ่อยมาทอดสะพานให้ฉันด้วยจะดีมาก บอกตรงๆ เลยนะ ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงจืดชืดแบบนี้ เห็นแล้วมันน่าเบื่อ" เขาละคำว่าโดยเฉพาะน้องไอ้รุตไว้ได้ทัน ศิรดายืนมองดูรถคันหรูที่แล่นออกจากหน้าคอนโด แทบไม่รู้ตัวเองว่าเธอลงจากรถมาตอนไหน คำพูดของเขายังติด
สายธารเคาะประตูห้องสามครั้งไม่รอให้คนด้านในอนุญาตด้วยซ้ำก็เปิดประตูเข้าไปทันที สายตาของคนทั้งสามดูจะไม่แปลกใจสักนิด คงเพราะเห็นตอนที่เธอถูกลากมาแล้วนั่นแหละ มีเพียงสายตาเป็นคำถามและมองอย่างไม่ไว้ใจมาที่เธอเท่านั้น "มีอะไร" ชลันธรเอ่ยถามน้องสาวตัวเอง อย่างไม่สนใจนัก แล้วก็หันไปมองที่ทีวีจอใหญ่ด้านหน้าต่อ ณัฐกรกับภูวดลก็มองมาอย่างรอลุ้นคำตอบเช่นกัน "พี่ธรจะกลับตอนไหน ฝากรดากลับด้วย แวะส่งที่คอนโดก็ได้ พอดีจ๋าจะไปต่อกับเพื่อน" ทุกคนแทบจะปรับสีหน้ากันไม่ทัน ศิรดาก็ตกใจที่อยู่ๆ ตัวเองจะถูกทิ้งเสียอย่างนั้น แถมยังให้กลับกับเขาอีกด้วย สองหนุ่มที่รอลุ้นคำตอบจากน้องสาวเพื่อนแทบจะอ้าปากค้าง มีเพียงชลันธรที่มีสีหน้าเรียบเฉย เธอแทบจะลืมหายใจ รอลุ้นว่าจะถูกเขาด่าอะไร หรือยายจ๋าจะถูกด่า "อือ รอบอลจบก่อน" เขาหันมามองหน้าเธอ เอ่ยตอบเสียงเรียบ แล้วก็หันไปสนใจทีวีตรงหน้า สองหนุ่มที่อ้าปากกว้างแทบจะกรามค้างอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อน ได้แต่เหล่สายตามองหน้ากัน ก่อนจะแยกย้ายคนละมุม ณัฐกรกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานราวกับเอกสารบนโต๊ะสำคัญยิ่ง ต้องตรวจดูตอนนี้ "เดี๋ยวกูลงไปดูข้างล่างหน่
สถานบันเทิงหรูหรากลางใจเมืองหลวงแหล่งทำเลทองที่ไม่ใช่ใครๆ ก็จะสามารถมาเปิดได้ง่ายๆ ถึงแม้จะมีเงินแต่ถ้าเส้นสายไม่แน่นหนาพอก็คงจะอยู่ยาก ชลันธร ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีกสองคนเปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นมา เพียงเพราะไอ้ณัฐกรกับไอ้ภูวดลมันเอ่ยปากชวน เขาก็วางเงินลงอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง คงจะเพราะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ยังไม่อยากเข้าไปทำงานที่บริษัทพ่อ ก็หาอะไรทำแก้เซ็งไปก่อน พอให้เหมือนมีงานทำจะได้ไม่ต้องถูกบ่น ทั้งที่จริงรายได้จากผับแค่นี้เขาไม่ต้องมานั่งเฝ้าให้เสียเวลาทั้งคืนด้วยซ้ำ แค่ทำให้ยุ่งเหมือนคนมีงานทำแค่นั้น เพราะลำพังรายได้จากการลงทุนเล่นหุ้นของเขาก็แทบจะไม่ต้องทำงานเสียด้วยซ้ำ "ตั้งแต่น้องมึงเรียนจบมานี่ กูเห็นมาขลุกอยู่ที่นี่ทุกคืนเลยวะ" ณัฐกรเอ่ยบอกเพื่อนที่นั่งเอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ทีมฟุตบอลในหน้าจอทีวีห้าสิบห้านิ้วในห้องทำงานชั้นสองของผับ ส่วนตัวเองยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่สายตาจ้องมองไปทางคนที่เอ่ยถึง "เดือนนี้กูว่าส่วนแบ่งแม่งเหลือไม่กี่บาทแน่" ภูวดลเอ่ยตอกย้ำเข้าไปอีกยิ่งทำให้คนที่กำลังลุ้นอยู่ที่หน้าจอทีวีใหญ่ต้องเกิดอาการเซ็งขึ้นมาทันที
"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนี้" เจ้าของเสียงเข้มที่เอ่ยถามแกมดุอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ เพราะคนในห้องมัวแต่หาของในนั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีคนมา แถมคนที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้องก็ยังเป็นเจ้าของห้องเสียด้วย ศิรดา สะดุ้งตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อจำน้ำเสียงนั้นได้หัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม นอกจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ใบหน้าเรียบตึง รอยขมวดที่คิ้วยิ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นลดความหล่อลงได้สักนิด เธอเผลอมองสีผมแปลกตาของเขาอยู่นาน สีบอร์นเทาที่รับกันกับใบหน้าหล่อคมเข้ม "ขะ..ขอโทษค่ะ พี่ธร พอดีรดามาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ให้ยายจ๋าน่ะค่ะ ของยายจ๋า...เอ่อ..ว้าย..." กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบ แขนเรียวเล็กของเธอก็ถูกเขากระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาออกจากห้อง ตรงไปในทิศทางห้องข้างๆ "จ๋า ต่อไปห้ามเข้าไปหยิบของในห้องพี่อีกนะ" พอเปิดประตูห้องน้องสาวเข้าไปได้เขาก็เหวี่ยงข้อมือเธอออกอย่างแรง ราวกับที่เขาจับจูงมาเมื่อครู่มันน่ารังเกียจ เสียงเข้มก็เอ่ยบอกน้องสาวตัวเองทันที แต่สายตาที่จ้องมองราวกับจะกินหัวนั้นกลับมองมาที่เธ
ชลันธร ราชศิริโสภณ หรือ ธร หนุ่มนักเรียนนอกในวัย 27 ปี ลูกชายนักธุรกิจรายใหญ่ระดับประเทศ ที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว หลังจากเรียนจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาที่เจ้าตัวใช้เวลาเรียนนานกว่าเพื่อนถึงสองปีเต็ม หลังจากเรียนจบก็ไม่ยอมกลับมาเมืองไทย ใช้ชีวิตเสเพลอยู่ที่นั่นอีกเกือบหนึ่งปี เดือดร้อนถึงคุณทินกร ผู้เป็นพ่อที่ต้องบินข้ามโลกไปลากคอเจ้าตัวดีกลับมา แถมเมื่อกลับมาถึงยังไม่ยอมทำการทำงานไปแอบเปิดผับเปิดบาร์ใช้ชีวิตเป็นผู้ชายกลางคืนเสียอย่างนั้น จนพ่อต้องเอ่ยปากให้เวลาเสเพลอีกแค่สองปีเท่านั้น แล้วเตรียมเข้ามาทำงานที่บริษัท ถ้าไม่อย่างนั้น มรดกสักแดงก็จะไม่ได้ ศิรดา พิพัฒน์โชติสกุล หรือ รดา สาวน้อยในวัย 22 ผู้อ่อนหวาน เรียบร้อย ลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่แอบรักพี่ชายข้างบ้านมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย ยังไม่ทันได้สานสัมพันธ์หรือทำความรู้จักกันมากกว่านี้แค่เธอย้ายมาอยู่ข้างบ้านเขาได้ไม่กี่เดือน เขาก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอจึงได้ยินเพียงข่าวคราวของลูกชายบ้านนั้นจากน้องสาวเขาที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน จนถึงวันที่เขากลับมาเมืองไทย ภาพจำในอดีตถึงผู้ชายที่เธอเคยแอบปลื้มใน