Share

บทที่4

4 แรงบันดาลใจ

เมื่อเมแกนเริ่มไปโรงเรียนและพ้นจากการดูแลที่น่าคลางแคลงใจของยาย เธอก็รวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ประมาณสิบกว่าคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เธอรัก เธอชื่นชอบมิสซิสวิลเลียมส์ซึ่งเป็นครูประชั้นของเธอเป็นพิเศษ มิสซิสวิลเลียมส์ช่างแสนดี เธอเป็นเหมือนอากาศสดชื่นรองมาจากยายของเธอ

มิสซิสวิลเลียมส์นั้นอาวุโสพอที่จะเป็นย่าหรือยายได้แล้ว เมแกนคิดและเธอก็ท้วมอวบและร่าเริง เธอชอบร้องเพลงขณะทำสิ่งที่เธอหลงใหล ซึ่งก็คือการดูแลเด็กเล็ก ๆ ทุกสิ่งเรียบร้อยดีสำหรับมิสซิสวิลเลียมส์ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรง ปัญหาคือบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น

มันผ่านมาไม่นานมากนัก ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอซึ่งก็แค่หกปีเท่านั้น ตอนนั้นเธอมองเห็นสีของผู้คนได้ไม่ชัดเจน แต่บางครั้งเธอก็มองเห็นแสงสีแดงและเทาวาบขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะมีคนโดนเด็กที่โกรธตบตี ในปีแรกนั้นเอง เธอได้เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจาก

เด็ก ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงแปรปรวน

แสงของมิสซิสวิลเลียมส์เป็นสีเหลืองทองและอบอุ่นเสมอ เมแกนคิดว่าเธอชอบเข้าไปใกล้ชิดมิสซิสวิลเลียมส์เพื่อผสานรวมสีกับเธอ มิสซิสวิลเลียมส์และพ่อของเธอคือคนที่ดีที่สุดในโลกที่เมแกนรู้จักที่จะผสมรวมด้วย ปัญหาเดียวก็คือ พวกเขาไม่พูดถึงเรื่องที่มองเห็นแสงมีสี เธอไม่มีใครให้ถามคำถามและคาดหวังที่จะได้รับคำตอบที่จริงจัง เพราะเธอรู้ดีกว่าทุกคนที่เธอรู้จัก เธอฉลาดพอที่จะรู้ด้วยว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย

เมแกนไม่ได้เกลียดใครสักคนที่เธอเคยข้องเกี่ยวด้วยในชีวิตที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน ทว่าจนถึงตอนนี้ในชีวิตของเธอมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ตอนนั้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อยายปนเปคละเคล้ากันแต่เธอก็ไม่เคยเกลียดยาย เธอไม่เคยเกลียดแม่เช่นกัน เธอมักเกิดแรงกระตุ้นให้รู้สึกสงสารแม่เมื่อแม่โมโหเธอ เธออยากปลอบแม่และบอกว่าการมองเห็นแสงต่างๆ ไม่ใช่ปัญหาและการมองไม่เห็นก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน เธอรู้แล้วว่าคนที่แปลกแยกคือตัวเธอเอง ไม่ใช่แม่ อยากไรก็ตาม เธอยังคงไม่รู้คำตอบว่าเหตุใดแม่ของเธอจึงหวาดกลัวมากนัก

วาซินฮินชาเคยพูดเรื่องนั้นหลายครั้ง

“หนูน้อยเมแกน” เขาบอกเธอ “เธอมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็นคนหนึ่งในจำนวนน้อย คนส่วนใหญ่จะไม่มีวันแม้แต่เข้าใกล้การจุติของพลังต่าง ๆ ที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ ในขณะที่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อจะได้สัมผัสเศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอจะสามารถทำได้ อันที่จริง เศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ด้วยซ้ำ

“พลังต่าง ๆ ที่เธอมี ผู้ชายและผู้หญิงทุกคนสามารถมีได้ถ้าพวกเขาแสวงหา แต่เธอกับฉันโชคดีพอที่ได้เกิดมาพร้อมกับพลังเหล่านั้น เมแกนตัวน้อย นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก เพราะฉะนั้นเธอจะต้องใช้พรสวรรค์ของเธอช่วยเหลือผู้คน ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือตัวเอง เมื่ออายุมากขึ้น เธอจะพบว่าการช่วยเหลือผู้อื่นนำรางวัลมาให้ และบางครั้งรางวัลนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอหวังไว้เสมอไป”

“การจะค้นพบความสุขที่แท้จริง เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่ผู้อื่นสามารถมอบให้และไม่หวังอะไรมากกว่านั้นนะเมแกน อย่ากดดันคนอื่นและอย่าคาดหวังมากเกินไป จะดีกว่ากันมากถ้าเธอไม่คาดหวังอะไรเป็นการตอบแทน เพราะบางคนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้ช่วยเหลือเขาและคนอื่น ๆ จะอิจฉาเธอ

“แต่จำไว้นะว่าทุกสิ่งที่เธอและทุกคนทำจะได้รับการบันทึกไว้ และไม่มีใครสามารถลบหรือว่าเปลี่ยนบันทึกนี้ได้ ทุกคนจะได้รับผลตอบแทนตามบัญชีนั้น อย่าลืมทำให้ยอดสะสมของเธออยู่ในด้านดี แล้วในระยะยาวเธอจะได้รับผลตอบแทนเป็นความสุข และในระยะยาวสิ่งเดียวที่สำคัญก็คือความสุข

“มีคำเรียกบัญชีนี้อยู่หลายคำ แต่ในโลกตะวันตก เธอจะได้ยินคำว่าเวรกรรมหรือกรรมบ่อยที่สุด

“เรียนรู้ที่จะสนุกกับชีวิต เพราะว่ามันช่างยืนยาวนัก”

“ฉันรู้ว่าเธออยากเรียนรู้เกี่ยวกับพลังเหล่านี้ ความสามารถในการรับรู้ที่เธอมี นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ เธอจะคิดว่าฉันเป็นครูของเธอก็ได้ แต่ฉันอยากใช้คำว่า ‘ผู้ชี้นำ’มากกว่า ฉันคือผู้ชี้นำด้านจิตวิญญาณของเธอ แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชี้นำหลักของเธอ เขาหรือเธอคนนั้นจะเปิดเผยตัวตนกับเธอเมื่อพร้อมที่จะทำเช่นนั้น หรือเมื่อเธอพร้อมที่จะเข้าใจ เพราะเมื่อนักเรียนพร้อม ครูจะปรากฏตัว

“จำไว้นะเมแกน เพราะว่ามันสำคัญมาก” ‘เมื่อนักเรียนพร้อม ครูจะปรากฏตัว’ เพราะที่จริงแล้ว เราพร้อมเสมอที่จะช่วยคนที่ต้องการก้าวหน้า เราพยายามช่วยคนที่ยังคงอยู่ในความมืดสนิทด้วยเหมือนกัน แต่กว่าคนคนหนึ่งจะอยากเข้าใจจริงๆ หรือตื่นรู้ คำพูดของเราก็แทบจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเสมอ

“เพราะฉะนั้น ถ้าเธอสงสัยขึ้นมาล่ะก็ เพียงแค่คิดถึงคำถามตอนที่พักผ่อน แล้วโลกจะเงียบสงบอยู่ภายในตัวเธอ แล้วฉันจะพยายามมาอธิบายเมื่อฉันมาได้ ฉันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเสมอ อย่าลืมซะล่ะ เธอไม่เคยโดดเดี่ยวและคนอื่นทุกคนก็เช่นกัน

“แต่จะว่าไปก็มีข้อจำกัดในสิ่งที่เราสามารถทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่นนะ ฉันจะอธิบาย แล้วเธอจะเห็นว่ามันมีข้อจำกัดทางกายภาพ ไม่เกี่ยวกับการกระทำของเรา

“เธอมีคำถามต่าง ๆ อย่างเช่น ‘เวลาที่ฉันเห็นสีเหลืองอยู่รอบหัวใครสักคนมันแปลว่าอะไร’ เธอเคยถามแบบนั้นไม่ใช่หรือไง

“ใช่ค่ะ วาซินฮินชา”

“ปัญหาก็คือ ดวงตามนุษย์นั้นไม่สมบูรณ์แบบ...เมแกน มันเสื่อมสภาพ ถดถอย จนบางคนต้องสวมแว่นตา และด้วยเหตุนั้น สีที่เธอเรียกว่า ‘สีเหลือง’ คนอื่นอาจจะเรียกว่า ‘สีทอง’ สีที่เธอเรียกว่า ‘สีเขียว’ คนอื่นอาจะเรียกว่า ‘สีน้ำตาล’ เรามีคำสำหรับเรียกอาการนี้ว่าตาบอดสี แต่ก็อีกนั่นแหละ ฉัน หรือว่าเรา ไม่ได้มองเห็นด้วยตาเลยแม้แต่น้อย ฉันมีร่างที่เธอเห็น เพราะมันคือการจุติหรือร่างกายสุดท้ายบนโลกของฉัน ฉันจึงอยู่ในรูปร่างนี้เพื่อที่เธอจะได้จำฉันได้และไม่กลัว

“สักวันหนึ่งเธออาจจะได้เห็นฉันในแบบที่ฉันเป็นจริง ๆ แต่แม้แต่เธอก็ยังไม่พัฒนาไปไกลถึงขั้นนั้น แล้วฉันจะอธิบายถึงสีที่เธออาจจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำไปยังไงดีล่ะ การบอกเธอถึงความหมายของสีเหลืองจะช่วยอะไรได้ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดถึงแท้จริงแล้วเป็นสีทอง

“เธอมีพรสวรรค์ที่ดีเลิศ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้งาน เธอจะต้องเขียนคู่มือใช้งานเอง เหมือนที่เราทุกคนเคยต้องทำและยังคงทำอยู่ เพราะในจักรวาลมีพลังมากมายกว่าที่มนุษย์โลกที่อยู่ในขั้นพัฒนาจะสามารถใช้ได้

“คิดถึงสิ่งที่ฉันพูดไปนะเมแกน แล้วเธอจะเข้าใจ เธอเป็นเด็กฉลาด เธอจะเรียนรู้เพราะว่าเธออยากที่จะเรียนรู้ และฉันจะช่วยเธอเท่าที่ทำได้ภายใต้ขีดจำกัดตามธรรมชาติที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะว่ามีหลักและกฎธรรมชาติที่เราต้องปฏิบัติตามและการละเลยอาจนำอันตรายมาให้”

เมแกนอยากเล่าให้พ่อของเธอใจจะขาดว่าวาซินฮินชาพูดว่าอะไรบ้างตอนที่พ่อถามเธอเมื่อวันก่อน แต่เมื่อคิดอีกทีเธอก็เปลี่ยนใจ วาซินฮินชาพูดถึงเรื่องนักเรียนกับครู แต่เธอไม่รู้สึกว่าคำถามของพ่ออยู่ในประเภทที่วาซินฮินชาหมายถึง และถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกว่ายังไม่รู้มากพอที่จะเป็นครูอยู่ดี

พ่อแม่ของพ่อเธอ เนนกับเทด เป็นคนลึกซึ้ง แต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับสิ่งใดก็ตามที่สำคัญมาก พวกเขาเคยทำฟาร์มก่อนที่จะขายทิ้งเพื่อเกษียณเพราะโรเบิร์ตไม่แสดงความสนใจในการทำฟาร์มแม้แต่น้อย แล้วใครจะตำหนิเขาได้ล่ะ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตำหนิเพราะรู้ดีว่าการทำฟาร์มแกะนั้นงานหนักขนาดไหน พวกเขารู้ว่าโรเบิร์ตควรทำงานในออฟฟิศในเมืองมากกว่าและพวกเขาก็ดีใจด้วยเช่นกันที่เขาทำงานที่นั่น

สำหรับเมแกนนั้น พวกเขารักและเอาใจใส่เธอมาก เมแกนเป็นแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยแสดงความสนใจต่อภาวะทางจิตวิญญาณของเธอแม้แต่น้อย หรือสังเกตเห็นว่าเธอ ‘ไม่ค่อยเหมือน’ เด็กเล็กคนอื่น ๆ พวกเขาเชื่อในการทำงานหนัก เชื่อในพระเจ้า และการสนใจในเรื่องของตัวเอง

และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดชีวิต

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status