"หงอยเหงาหรือหอยเหงากันแน่นังยูมิ!" นิสราพูดดักคอซึ่งยูมิก็หัวเราะคิกคักตอบกลับทันทีเช่นกัน
"ทั้งสองอย่างเลยเจ๊ แบบว่าของขาดน่ะ จะทำเองก็ไม่มันเท่ามีทอมรูปหล่อมาช่วยทำ ฟินกว่ากันเยอะ"
"ของปลอมมันจะสู้ของจริงได้ยังไงวะนังยูมิ ของจริงสิมันกว่า" นิสรายังไม่ยอมแพ้ เพราะอยากให้อีกฝ่ายคบหากับผู้ชายแท้ ๆ มากกว่าทอม
"ทำไมจะสู้ไม่ได้ละเจ๊ ของปลอมสิดีไม่ต้องกลัวท้องไม่ต้องกลัวโรคติดต่อ แถมเลือกขนาดได้ด้วยว่าจะเอาไซซ์ไหน มีให้เลือกตั้งแต่เล็กพริกขี้หนูยันมะระอันโตเลยเจ๊ จะสีชมพูฟรุ้งฟริ้งหรือไฟกะพริบวิบวับก็ยังมี สนุกจะตาย" ยูมิพูดพร้อมกับทำมือประกอบไปด้วย
"ระวังจะเจอบวบเหลี่ยมนะแก..." นิสรายังพูดไม่ทันจบ อลินดาก็ยกมือเบรกคนทั้งคู่เสียก่อน
"พอ ๆ พอได้แล้วทั้งคู่เลย คุยอะไรกันเนี่ย ไม่มีเรื่องอื่นคุยกันแล้วรึไง"
อลินดาหัวเราะร่วนกับการต่อปากต่อคำของทั้งคู่ แม้จะชินชาเสียแล้วที่ทั้งสองคนมักจะคุยสองแง่สองง่ามเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าอยู่เสมอ แต่บางครั้งก็ต้องเบรกเสียบ้างเพราะคราวนี้หากยังปล่อยให้เถียงกันต่อไป คงเลยเถิดไปถึงท่วงท่าและบรรดาอุปกรณ์เสริมทั้งหลายแหล่เป็นแน่
"แล้วนี่จะอยู่กันกี่วัน หรือจะกลับกรุงเทพฯ กันเลย" นิสราถามสองสาวพลางเปิดลิ้นชักรื้อหากุญแจรถจักรยานยนต์ของอลินดา
"หนูว่าจะอยู่ต่อสัก..." ยูมิทำท่าครุ่นคิดสักพักก่อนตอบว่า
"สามสี่วันน่ะเจ๊"
"อ้าว ไหนว่าจะกลับมะรืนนี้" อลินดาหันไปถามเพื่อน แต่นิสราเป็นฝ่ายตอบแทนยูมิ
"แหม...มันเพิ่งตกเหยื่อใหม่มาได้ แกจะให้มันรีบกลับกรุงเทพฯ ไปทำไมล่ะ ดีไม่ดีคืนนี้แกได้นอนเฝ้าห้องคนเดียวแน่ไอ้ลิน"
"อยู่นานเดี๋ยวก็เจอเมียเฮียไช้มาตอแยอีกหรอก"
อลินดานึกห่วงเพื่อน หากฝ่ายนั้นมีกันแค่สองหรือสามคนละก็ ไม่คณามือยูมิแน่นอน แต่ถ้ามีมากกว่านั้นหรือพาผู้ชายมาด้วย อย่างไรเสียฝ่ายเสียเปรียบก็คือยูมิอยู่ดี
"นี่อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องกับอีนั่นมาแล้ว" นิสราทำตาโตเมื่อได้ยินชื่อคู่ปรับอย่างรุ้งลาวัลย์
"หนูเพิ่งไปเหยียบหน้ามันมา หนอย...ทำมาเป็นหึงผัวไม่ดูตาม้าตาเรือ พาพวกมาหาเรื่องหนูก่อน หนูเลยจัดซะ"
ยูมิเบะปากเมื่อพูดถึงคนที่ตนเพิ่งจัดการเสียอยู่หมัดก่อนหน้านี้ ส่วนคนฟังอย่างนิสรานั้นสะใจจนหัวเราะร่าพลางยื่นกุญแจรถให้อลินดา แต่อลินดารับไปแล้วส่งต่อให้ยูมิ
"ไอ้ลิน มึงกลับไปก่อนเดี๋ยวกูขับตามไป ขอกูเม้าท์กับเจ๊นิดก่อน" ยูมิรับกุญแจไปแล้วยักคิ้วให้เพื่อน
"จะคุยกับพี่เขาหรือจะคุยกับใครกันแน่" อลินดารู้ทันอีกฝ่าย นิสราจึงพูดขึ้นบ้าง
"นั่นสิ ทำเป็นมาพูดว่าจะคุยกับเจ๊ แต่สายตามองไปทางโน้นตลอด นังคนนี้"
"แหม...ในเมื่อรู้แล้วก็ไม่ขอปิดบังละกัน ก็ตามนั้นนั่นแหละ" ยูมิพูดกลั้วหัวเราะ อลินดาจึงได้แต่ยิ้มพลางลุกขึ้นยืน
"งั้นลินไปก่อนนะพี่ ฝากหวัดดีพี่ทศด้วยนะ ก่อนกลับกรุงเทพฯ จะแวะมาหาอีกรอบ" พูดจบก็เดินออกจากห้องกระจกไป ครั้นพอคล้อยหลังอลินดาแล้ว ยูมิจึงหันไปป้องปากพูดกับนิสรา
"ความจริงแล้วหนูเปิดทางให้ผู้ชายเขามาจีบไอ้ลินมันน่ะเจ๊ ตอนนี้พักอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ ท่าทางสนใจไอ้ลินมากเลย"
"เฮ้อ! ไอ้ลินมันสวยซะขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ชอบทั้งนั้นแหละวะ แกดูเด็กเจ๊แต่ละคนสิ มองตามไอ้ลินกันคอแทบเคล็ดแล้วนั่น"
นิสราบุ้ยหน้าไปทางลูกน้องของตนที่กำลังตรวจเช็กสภาพรถให้ลูกค้าอยู่ แต่ทุกคนต้องหยุดมือเพราะเอาแต่มองตามอลินดาตาปรอย
"แต่คนนี้หนูเชียร์มากเลยนะเจ๊ หน้าตาดีอยู่แถมขับเฟอร์รารี่ด้วย หนูลืมถามชื่อมาเหมือนกันแต่ดูท่าทางไม่ธรรมดาเลยนะ หนูแอบเห็นลูกน้องเฮียไช้บางคนยังยกมือไหว้เขาเลย"
ยูมินึกถึงตอนที่ตนเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอเห็นผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาพอดี ลูกน้องของเฮียไช้ยกมือไหว้เขาทันทีที่เจอหน้า อีกทั้งยังทำท่าทางเกรงใจเขามาก ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็แค่พยักหน้าให้เล็กน้อย ไม่ยิ้มและไม่ไหว้ตอบ
เมื่อได้ยินยูมิพูดถึงชายหนุ่มคนนั้นนิสราก็เบิกตากว้าง ภาพใบหน้าคมเข้มกับบุคลิกเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจตามประสาคนมีอำนาจอยู่ในมือก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดทันที
"ชื่อปกรึเปล่าวะ ปกเกล้าน่ะ"
"หนูไม่รู้น่ะสิเจ๊ เอาไว้ถ้าเจออีกทีจะถามชื่อมานะ แต่หนูบอกตามตรงว่าเชียร์ให้ไอ้ลินมาก อยากให้มันมีแฟนสักที"
ยูมิรู้ดีถึงเหตุผลที่อลินดาไม่อยากคบกับใคร ทว่าเธอก็ไม่คิดจะเล่าเรื่องส่วนตัวของเพื่อนให้คนอื่นฟัง
แต่เธอคิดว่าคนบนโลกใบนี้มีดีเลวปะปนกัน อลินดาควรจะเปิดใจลองคบใครสักคนดู เพราะการได้รักหรือชอบใครคนหนึ่งนั้นเป็นสีสันในชีวิตอย่างหนึ่ง ดีกว่าปล่อยให้หัวใจว่างเปล่าและดำเนินชีวิตไปวัน ๆ เหมือนหุ่นยนต์
"ถ้าเจ๊จำไม่ผิด เหมือนในเครื่องเจ๊จะมีรูปเขาอยู่ ขอหาก่อน"
นิสราหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแล้วเปิดดูรูป แต่เลื่อนขึ้นลงอยู่หลายครั้งก็ยังไม่เจอ ยูมิเห็นว่าในเครื่องของอีกฝ่ายมีแต่รูปที่เจ้าของเซลฟีตัวเองไว้ก็อดแซวไม่ได้
"แหมเจ๊ มีแต่เซลฟีรูปเซ็กซี่ทั้งนั้นเลย ทำตัวเหมือนคนไม่มีผัวเลยเนอะ"
"เรื่องของฉัน! พูดอย่างกับของแกไม่มีงั้นแหละ ในเครื่องน่ะกี่พันรูปล่ะนังเจ้าแม่ร้อยแอ็ค...เจอแล้ว ๆ นี่ไงคนนี้รึเปล่า"
นิสรายื่นโทรศัพท์ให้ยูมิดูรูปของผู้ชายที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนา ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นก็พยักหน้าหงึกหงัก
"ใช่เจ๊ คนนี้แหละ" เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของอีกฝ่าย ยูมิก็อดสงสัยไม่ได้
"ทำไมหรือเจ๊ เขาดังมากเลยหรือ"
"ไม่ใช่ว่าดังแบบที่ใครก็ต้องรู้จักหรอก แต่คนในระดับบิ๊ก ๆ เขาจะรู้จักกัน คนนี้น่ะชื่อปก เป็นหลานของป๋านิรุตติ์ เจ้าพ่อในแถบภาคอีสานน่ะ ความจริงแล้วตระกูลนี้เขามีอำนาจมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นทวดแล้ว พ่อคุณปกเขาก็เคยเล่นการเมืองนี่นา แต่เป็นส.ส.ในกรุงเทพฯ นะไม่ได้เป็นแถวนี้ แถมยังรวยด้วยแกเอ๊ย เป็นดีลเลอร์รถซูเปอร์คาร์เชียวนะ นี่เห็นว่ากำลังจะเปิดศูนย์ซูเปอร์คาร์ที่นี่ด้วย" นิสราป้องปากพูดเสียงเบา ยูมิฟังแล้วได้แต่อ้าปากค้าง
"ป๋านิรุตติ์ก็เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อคุณปกนั่นแหละ" นิสราพูดถึงตรงนี้ก็ลดเสียงให้เบาลงกว่าเดิมอีกก่อนพูดต่อ
"ป๋าเขาเลี้ยงมือปืนไว้เยอะ พวกนักการเมืองท้องถิ่นหรือพวกที่อยากสร้างคอนเน็กชันให้ตัวเองส่วนใหญ่ก็มักเข้าหาป๋ากันทั้งนั้น ป๋าแกไม่มีลูกก็เลยรักคุณปกเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง กิจการหรืองานอะไรส่วนใหญ่ก็ให้คุณปกดูแล แต่เรื่องพวกนี้มีแต่คนวงในที่รู้กันเท่านั้น พวกชาวบ้านร้านตลาดหรือคนทั่วไปไม่รู้กันหรอกว่าคุณปกเขาเป็นมือขวาให้ป๋านิรุตติ์"
"แล้วเจ๊รู้ได้ยังไง"
"เอ๊าอีนี่! เจ๊ทำธุรกิจอะไร หล่อนแหกตาดูซิ จะบิ๊กไบค์หรือซูเปอร์คาร์มันก็วงการเดียวกันนั่นแหละ"
ยูมิได้ฟังก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เฮ้อ...ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ไหวว่ะเจ๊ คนอย่างไอ้ลินมันชอบความสงบ ไอ้เรื่องเจ้าพ่อหรือพวกคนมีอิทธิพลอะไรพวกนี้มันไม่ชอบเลยล่ะ"
"แต่ผู้หญิงติดเขาเยอะ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีสาวมาอ่อยแล้ว แต่เจ๊ไม่เคยได้ยินนะว่าเขาบังคับหรือฉุดผู้หญิง ถ้าไอ้ลินมันไม่ชอบเดี๋ยวเขาก็คงเลิกยุ่งไปเองนั่นแหละ แต่เจ๊เห็นด้วยกับแกนะว่าอย่าให้ไอ้ลินไปยุ่งกับเขาเลย อันตรายว่ะ"
"เนอะ แต่ก็เสียดายอยู่นะเนี่ย อุตส่าห์เจอคนที่เหมาะกับไอ้ลินแล้วแท้ ๆ เฮ้อ..." ยูมิถอนหายใจอีกครั้ง จะว่าไปแล้วก็ถือว่าโชคดีที่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นก่อน มิเช่นนั้นป่านนี้เธอคงเชียร์ และแอบช่วยเขาไปแล้ว
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้