เช้าตรู่วันเสาร์ ลานจอดรถหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์คึกคักไปด้วยความวุ่นวาย นักศึกษาวิศวกรรมสาสตร์ปี 1 กว่าร้อยชีวิตพร้อมกระเป๋าเดินทางกำลังรอที่จะขึ้นรถบัสไปค่ายพัฒนาชนบท ขบวนรถบัสสีขาวจอดเรียงรายอยู่ห้าคัน รุ่นพี่ปี 2 ปี 3 กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยและขานชื่อนักศึกษาตามรายชื่อ เลโอยืนรอที่ข้างรถบัสคันที่สาม กระเป๋าเป้ใบเดียวที่เขาเตรียมมาดูน้อยกว่าคนอื่น แต่เพียงพอสำหรับการไปค่ายสามวันสองคืน
"เฮ้ย กระเป๋ามึงน้อยจัง แน่ใจนะว่าเอาของมาครบ?" พีทที่ยืนข้างๆ ทัก เขามาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และเป้สะพายหลัง
"พอแล้ว แค่นี้ก็เกินพอ" เลโอตอบ
"น้องๆ คนไหนอยู่รถคันที่สาม รีบมาเช็คชื่อได้แล้วครับ!" เสียงรุ่นพี่ตะโกนเรียก
พีทและเลโอเดินไปเช็คชื่อที่โต๊ะลงทะเบียน เมื่อเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัส พีทเลือกที่นั่งแถวกลางฝั่งซ้าย เลโอนั่งข้างๆ วางกระเป๋าไว้บนตัก
"อยากนั่งริมหน้าต่างมั้ย?" เลโอถาม
"มึงนั่งเหอะ กูไม่ค่อยชอบมอง ง่วงอะ ตื่นแต่เช้ามืดเลย" พีทตอบ
นักศึกษาปีหนึ่งทยอยขึ้นรถบัสจนเกือบเต็ม บรรยากาศคึกคักด้วยเสียงพูดคุยและหัวเราะ น้ำตาลและเพื่อนๆ ที่เคยอยู่ทีมเดียวกันในกิจกรรมสร้างหอคอยเดินเข้ามาในรถ น้ำตาลโบกมือทักเลโอกับพีทอย่างร่าเริง ก่อนจะไปนั่งแถวด้านหลัง
"สาวคนนั้นชอบมึงนะเนี่ย" พีทสะกิดเลโอ
"ช่างเหอะ" เลโอตอบเรียบๆ
รุ่นพี่ปีสองสองคนขึ้นมาบนรถ หนึ่งในนั้นคือไทเกอร์ในชุดเสื้อคณะสีเหลืองสด กางเกงขายาวสีดำดูสะอาดและเนี้ยบเหมือนเคย
"นั่งอยู่ดีๆ กันนะครับน้องๆ เรายังอยู่รถคันที่สาม เดี๋ยวพี่ไทเกอร์จะเป็นผู้ดูแลหลักของรถคันนี้ ส่วนพี่จะไปขึ้นรถคันที่สี่" รุ่นพี่อีกคนพูดผ่านไมโครโฟนบนรถ ไทเกอร์รับไมโครโฟนมา
"สวัสดีครับน้องๆ พี่ไทเกอร์นะครับ เป็นพี่รหัสของน้องหลายคนด้วย วันนี้พี่จะเป็นผู้ดูแลรถคันนี้ ขอให้น้องๆ สนุกกับการเดินทาง แล้วถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้เลยนะครับ"
เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดเบาๆ จากนักศึกษาหญิงดังขึ้น ไทเกอร์ยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะเดินไปนั่งที่เบาะด้านหน้าสุดฝั่งคนขับ
"เฮ้อ ไม่นึกว่าจะต้องอยู่รถเดียวกับไอ้ไทเกอร์" พีทถอนหายใจ
"ไม่เป็นไรหรอก เขาคงไม่สนใจพวกเราหรอกแต่เขาเป็นพี่รหัสกูว่ะ" เลโอตอบ
"นั่นอ่ะดิแต่หวังว่าจะไม่มายุ่งนะ กูจะงีบหน่อย ปลุกด้วยถ้าถึง" พีทพยักหน้า แล้วเอนตัวพิงเบาะ
รถบัสเริ่มออกเดินทางออกจากมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนชนบทที่นักศึกษาจะไปทำกิจกรรมค่ายอาสา เลโอมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีครามสดใสและแสงแดดส่องสว่าง รถบัสเริ่มออกจากกรุงเทพฯ เข้าสู่ทางด่วน เลโอหยิบหูฟังออกมาเสียบกับโทรศัพท์ ฟังเพลงเบาๆ พลางมองวิวที่ผ่านไป
บรรยากาศในรถคึกคักด้วยเสียงพูดคุยและหัวเราะของนักศึกษา ไทเกอร์ลุกขึ้นยืนถือไมโครโฟนอีกครั้ง
"น้องๆ ครับ ตอนนี้เราจะมีกิจกรรมเล็กๆ บนรถกัน พวกเราจะร้องเพลงประจำคณะกัน แล้วหลังจากนั้นจะมีการเล่นเกมง่ายๆ ใครชนะจะได้รับขนมเป็นรางวัล" ไทเกอร์ รุ่นพี่ปี 2 ประกาศ
เสียงฮือฮาดังขึ้น นักศึกษาส่วนใหญ่ดูตื่นเต้น ไทเกอร์เริ่มนำร้องเพลงประจำคณะ ทุกคนร่วมร้องตาม แม้แต่พีทที่ตื่นขึ้นมาก็ยังร่วมร้องด้วย เลโอร้องเบาๆ ตาม เขาไม่ใช่คนชอบกิจกรรมกลุ่มมากนัก แต่ก็ไม่อยากแปลกแยก
หลังจากร้องเพลงจบ ไทเกอร์เริ่มเล่นเกมถามตอบเกี่ยวกับประวัติคณะและมหาวิทยาลัย ซึ่งเลโอสามารถตอบได้หลายข้อ ทำให้เขาได้ขนมมาสองชิ้น เขาแบ่งให้พีทหนึ่งชิ้น
"น้องๆ ครับ เรามาถึงจุดพักรถแล้วนะครับลงไปพักเข้าห้องน้ำได้ 15 นาที แล้วกลับมาขึ้นรถต่อนะครับ" ไทเกอร์ประกาศเมื่อรถบัสจอดที่ปั๊มน้ำมันใหญ่แห่งหนึ่ง
ทุกคนทยอยลงจากรถ เลโอและพีทลงไปเข้าห้องน้ำและซื้อน้ำดื่ม เมื่อทุกคนกลับขึ้นรถครบแล้ว การเดินทางก็ดำเนินต่อไป
"อีกนานมั้ยวะกว่าจะถึง?" พีทถามขณะกัดแซนด์วิชที่ซื้อมาจากปั๊มน้ำมัน
"อีกประมาณชั่วโมงนึงมั้ง" เลโอตอบพลางดูแผนที่บนโทรศัพท์
รถบัสแล่นไปบนถนนท่ามกลางทัศนียภาพของทุ่งนาและภูเขาไกลๆ บรรยากาศในรถเงียบลงเมื่อนักศึกษาหลายคนเริ่มง่วงและหลับไป เลโอยังคงตื่น พีทเอนหลับพิงไหล่เขา
ฝนเริ่มโปรยปรายเล็กน้อย หยดน้ำเกาะพราวบนกระจกหน้าต่าง เลโอมองออกไปด้านนอก ถนนเริ่มเปียก แต่คนขับยังคงขับรถในความเร็วเท่าเดิม
อยู่ๆ เลโอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เขาสังเกตเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งแล่นสวนมาในเลนตรงข้าม และดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะเสียหลักเล็กน้อย
ทันใดนั้น เสียงบีบแตรดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงล้อรถเบรกอย่างแรง เลโอเห็นรถบรรทุกพุ่งเข้ามาในเลนของพวกเขา
"ระวัง!" เลโอตะโกน
คนขับรถบัสพยายามหักหลบ แต่ถนนลื่น รถบัสเสียหลักและพลิกคว่ำ เลโอรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรง ร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกกับเบาะและหน้าต่าง ความมืดเข้าปกคลุมชั่วขณะ
เมื่อเลโอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างกลับด้านหมด รถบัสคว่ำนอนอยู่ข้างถนน เสียงร้องและเสียงครวญครางดังระงม บางคนพยายามปีนออกจากหน้าต่าง บางคนยังติดอยู่ในเบาะที่บิดเบี้ยว
"พีท!" เลโอเรียก เพื่อนร่วมห้องของเขา
"กูอยู่นี่ "มึงเป็นไงบ้าง?" เสียงของพีทตอบกลับมา เขามีแผลเล็กๆ ที่แขน แต่ดูไม่ได้รับบาดเจ็บมาก
"ยังไหว" เลโอตอบ เขารู้สึกเจ็บที่ไหล่ข้างซ้าย แต่ยังสามารถขยับได้
"เราต้องออกไปจากรถ" เลโอบอกกับพีท
ทั้งสองช่วยกันปีนออกทางหน้าต่างที่แตก ข้างนอกฝนยังตกปรอยๆ มองเห็นรถบรรทุกจอดอยู่ไม่ไกล คนขับกำลังโทรศัพท์อย่างร้อนรน คงเป็นการโทรเรียกรถพยาบาล
"ช่วยด้วย! มีคนติดอยู่ข้างใน!" เสียงนักศึกษาหญิงร้องตะโกน
เลโอและพีทวิ่งไปดู พบว่าน้ำตาลและเพื่อนกำลังพยายามดึงเพื่อนร่วมรถที่ยังติดอยู่ข้างใน บางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บางคนสลบไป
"มีใครมีสติอยู่บ้าง? นับจำนวนคนหน่อย ดูว่าขาดใครไปมั้ย" เลโอถาม
ทุกคนเริ่มนับและตรวจสอบเพื่อน เลโอพยายามช่วยดึงคนที่ยังติดอยู่ในรถออกมา
"เฮ้ย! ไทเกอร์ยังอยู่ในรถ! ตอนรถคว่ำเขาอยู่ด้านหน้า!" น้ำตาลร้องขึ้น
เลโอมองไปที่ส่วนหัวของรถบัส ซึ่งเสียหายหนักที่สุด ผู้คนเริ่มมุงดูและช่วยเหลือ แต่ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปในรถส่วนหน้าที่บิดเบี้ยว
"มีใครเห็นไทเกอร์บ้าง?" เลโอถามเสียงดัง
"เขาติดอยู่ข้างใน ที่นั่งเขาโดนกระแทก เขาติดอยู่และสลบไป!" เสียงรุ่นพี่ตะโกนตอบ
"ทำยังไงดีคะ? รถพยาบาลยังไม่มา" น้ำตาลเริ่มร้องไห้
เลโอลังเลเพียงชั่วครู่ ไทเกอร์อาจเป็นคนที่เขาไม่ถูกกัน แต่ชีวิตคนสำคัญกว่าความขัดแย้งส่วนตัว
"กูจะเข้าไปดู" เลโอตัดสินใจ
"อย่านะเลโอ! อันตราย ! รถอาจจะระเบิดได้!" พีทห้าม
"แต่ถ้าไม่มีใครช่วย เขาอาจตายได้" เลโอตอบ
เลโอไม่รอฟังคำทัดทานจากใคร คลานเข้าไปในรถบัสผ่านกระจกหน้ารถที่แตกละเอียด ข้างในมืดและอับชื้น โลหะบิดเบี้ยวรอบตัว เลโอต้องระวังไม่ให้โดนเศษกระจกบาด
"ไทเกอร์ ไทเกอร์!" เลโอเรียก
เขาได้ยินเสียงครางเบาๆ จากด้านหน้า ไทเกอร์ติดอยู่ระหว่างเบาะคนขับที่ยุบตัวและผนังรถที่บุบเข้ามา เลือดไหลจากแผลที่ศีรษะและขาของเขาถูกบีบอัดระหว่างซากรถ
"เฮ้ย! ไทเกอร์ รู้สึกตัวมั้ย?" เลโอร้อง รีบคลานเข้าไปหา
"เลโอ...? กู... ออกไม่ได้..." ไทเกอร์ครางเบาๆ ใบหน้าซีดเผือด
"ช่วยกูดันตรงนี้" เลโอพยายามดันเบาะที่ทับขาไทเกอร์อยู่ แต่มันไม่ขยับ
"ปล่อยกูไปเถอะ เดี๋ยวรถอาจระเบิด..." ไทเกอร์พูดเสียงแผ่ว
"กูไม่ทิ้งมึงหรอก ยันไหล่กูตรงนี้ แล้วพยายามดึงขาออกมา" " เลโอยืนยัน
ตอนพิเศษบทส่งท้าย NCหลังจากที่เลโอเปิดสำนักงานใหม่ของบริษัททวีวงศ์กรุ๊ปสาขากรุงเทพฯแล้ว การบริหารงานของเลโอก็ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง 6 เดือน สามารถปิดดีลงานได้หลายโครงการจนต้องมีการปิดรับดีลใหม่เพื่อทำงานที่รับมาแล้วให้มีมาตรฐานที่สุด และยังสามารถดีลกับบริษัททัวร์ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติด้วย เรียกว่าเสริมให้เลโอกลายเป็นนักธุรกิจไฟแรงแนวหน้าของประเทศ ซึ่งตอนนี้เขาออกสื่อมากขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ดูโดดเด่นมากส่วนไทเกอร์ตอนนี้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาดูแลบริษัทในเคลือของครอบครัวทั้งหมดจากแต่ก่อนนั้นที่เขาดูแลเพียงบริษัทของตัวเองคือบริษัทภูริกรุ๊ป ตอนนี้คุณพ่อวางมือให้ไทเกอร์บริหารงาน 100% แล้ว ดังนั้นงานบริหารต่างๆ จึงตกอยู่ที่ซีอีโอหนุ่มไฟแรงคนนั้นเช่นกันตั้งแต่เลโอกลับเข้ามาในชีวิตไทเกอร์ เขาพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยเขาเองรู้แล้วว่าเลโอ คือ คนที่มีความสำคัญต่อชีวิต ต่อจิตใจ ต่อทุกสิ่งอย่างของเขา เขาจะไม่มีทางทำให้เลโอเสียใจอีกครั้งเป็นอันขาด"เอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้วครับ คุณภูริ"ไทเกอร์เงยหน้าขึ้นจากแบบแปลนที่กำลังตรวจสอบ เห็นธันย์ผู้ช่วยคนใหม่ยื่นแฟ้มเอกสา
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้น 37 หัวใจของไทเกอร์เต้นแรงขึ้น เขากำลังกลับบ้านที่มีเลโอรออยู่ ความคิดนั้นทำให้เขารู้สึกตื้นตันจนแทบหายใจไม่ออก เขากดรหัสประตูเพนท์เฮาส์และพบว่าไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ กลิ่นอาหารหอมฟุ้งมาจากห้องครัว"เลโอ?" เขาเรียก"ในครัว!" เสียงตอบกลับมาไทเกอร์เดินเข้าไปในห้องครัว และพบเลโอกำลังยืนหันหลังให้ คนตัวสูงในเสื้อยืดขาวกับกางเกงยีนส์กำลังคนอะไรบางอย่างในหม้อ"มึงทำอาหารเหรอ?" ไทเกอร์ถามพลางวางกระเป๋าเอกสารลงบนเคาน์เตอร์"อืม ระหว่างรอมึงกลับ กูขอรับผิดชอบเรื่องอาหารเย็น มึงติดประชุมนานกว่าที่คิด" เลโอหันมายิ้ม"โทษทีนะ พวกนักลงทุนจีนโทรมาเพิ่มเติม กูเลยต้องคุยกับพวกเขาต่ออีกชั่วโมง""ไม่เป็นไร" เลโอตอบ "กูว่าเอาไว้คุยกันที่โต๊ะอาหารเถอะ อีกห้านาทีก็เสร็จแล้ว" ไทเกอร์มองนาฬิกา เห็นว่าเกือบทุ่มแล้วไทเกอร์ยืนมองเลโอที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหาร รู้สึกราวกับกำลังฝัน หลายปีที่ผ่านมา เขานึกภาพเลโอในบ้านของเขาบ่อยครั้ง นึกถึงความรู้สึกที่จะกลับมาเจอเลโอหลังเลิกงาน แต่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นจริงๆ เขาเดินเข้าไปหาเลโอ โอบกอดจากด้านหลัง ซุกใบหน้าลงกับต้นคอ
ท้องฟ้าเป็นสีเทาอ่อนในเช้าวันที่ไทเกอร์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เขาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างเชื่องช้า เหลือบมองโทรศัพท์เป็นระยะ รอการติดต่อจากเลโอ แต่ไม่มีข้อความหรือสายเรียกเข้าใดๆห้าวันผ่านไปตั้งแต่ค่ำคืนที่เขาไปหาเลโอที่บ้าน ตลอดห้าวันนี้ ไทเกอร์แทบไม่ได้เจอเลโอเลย ได้ยินแต่ข่าวจากทีมงานว่าเลโอติดประชุมต่อเนื่อง และมีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ ไทเกอร์ส่งข้อความไปอีกครั้งเมื่อคืนก่อนเดินทางTKPuri: พรุ่งนี้กูบินกลับแล้ว มึงจะมาส่งกูที่สนามบินไหม?"ไม่มีคำตอบกลับจากเลโอไทเกอร์ถอนหายใจยาว เขารู้อยู่แล้วว่าทางเลือกนี้อาจจบลงแบบนี้ การที่เลโอไม่ตอบข้อความบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่พร้อม ทั้งที่ใจหนึ่งหวังว่าจะได้เห็นหน้าเลโออีกครั้งก่อนจากไป แต่ในอีกใจหนึ่งก็เข้าใจรถของโรงแรมมารับไทเกอร์ตามเวลานัด เขาเหลือบมองโทรศัพท์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋า ระหว่างทางไปสนามบิน เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ของสุราษฎร์ธานีเคลื่อนผ่านไป บางที นี่อาจเป็นจุดจบของเรื่องราวระหว่างเขากับเลโอ บางทีการจากกันครั้งที่สองนี้อาจเป็นการจากกันครั้งสุดท้าย"คุณดูเศร้านะครับ ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ
ตืด ตืด เสียงวิทยุติดตามตัวดังขึ้น"ข่าวดีครับ! น้ำลดแล้ว และทีมช่วยเหลือกำลังมาที่นี่ พวกเขาบอกว่าจะถึงภายในชั่วโมงนี้""ดีมาก" ไทเกอร์ตอบกลับคนขับรถ"แล้วเรื่องพื้นที่ก่อสร้างล่ะครับ?" เลโอถาม"ทางสำนักงานบอกว่าให้กลับไปก่อน พวกเขาจะส่งทีมสำรวจมาตรวจสอบความเสียหายก่อน แล้วค่อยนัดวันใหม่" " คนขับรถตอบทั้งไทเกอร์และเลโอพยักหน้า เริ่มเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ ขณะที่เลโอกำลังพับเสื้อใส่กระเป๋า ไทเกอร์เข้ามาใกล้และกระซิบ"เป็นไงบ้าง? หลับสบายไหม?" ไทเกอร์พยักหน้า แล้วมองไปที่เลโอ"ดีที่สุดในรอบหลายปี" เลโอตอบพร้อมรอยยิ้ม"กูเหมือนกัน" ไทเกอร์ยิ้มตอบ" เมื่อคืนกูนอนฝันดีมาก""ฝันถึงอะไร?" เลโอถาม"ฝันว่าพวกเราได้กลับมาได้รักกัน" ไทเกอร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม "นั่นไม่ใช่ความฝันแล้วล่ะ"เลโอยิ้มตอบทั้งสองมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ไม่มีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่อีกต่อไป มีเพียงความหวังสำหรับอนาคตที่ดีกว่า และโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งคืนแห่งการเปิดใจในบ้านพัก กลางป่า อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่คู่นอน อีกต่อไป แต่อาจเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งและมั่นคงกว่า... สิ่ง
หลังจากต่างคนต่างบอกฝันดีซึ่งกันและกันแล้ว ไทเกอร์นอนมองดูแผ่นหลังของเลโอที่นอนตะแคงข้างหันหลังให้เขาอยู่ ไทเกอร์อยากเข้าไปนอนกอดเหลือเกิน เขาจะทำยังไงดีนะคะ และแล้วไทเกอร์ก็ตัดสินใจดันตัวเข้าไปหาเลโอแล้วพลิกอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดของเขา เลโอไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดตอนนี้เขาอยาจจะปล่อยไปตามหัวใจตัวเองถึงแต่อยากจะขอเวลาก็ตาม"กูให้เวลามึงเต็มที่เลยแต่คืนนี้กูขอมัดจำก่อนได้ไหม นะครับนะ" เสียงไทเกอร์กระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นปะทะซอกคอ ส่งความร้อนซ่านไปทั่วร่างเลโอชะงัก แขนแข็งค้างอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ หัวใจเต้นระรัวขณะที่คำว่า "มัดจำ" ยังก้องในหัว เขาควรปฏิเสธ สมองส่วนที่มีเหตุผลบอกให้หยุด ให้เวลาตัวเองก่อนแต่ร่างกายกลับตอบสนองต่างออกไป"เลโอ.. อย่าให้กูต้องรออีกเลยนะ " ไทเกอร์เรียกชื่อเขาอีกครั้ง ฟังดูอ้อนวอนและเร่งเร้า มือหนารั้งร่างของเลโอให้แนบชิดยิ่งขึ้น"มึง..." เลโอกลืนน้ำลาย พยายามเก็บน้ำเสียงให้มั่นคง"มึงไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรองนะ""แต่มึงรู้ว่ามึงต้องการกูเหมือนกัน" ไทเกอร์ขยับตัว เบียดร่างเข้าใกล้มากขึ้นให้เลโอได้รู้สึกถึงความรู้สึกของเขาที่เริ่มตื่นตัวเลโอสูดลมหายใจเข้าลึก
สามวันผ่านไปอย่างอึดอัดหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น เลโอทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับไทเกอร์ เขามาถึงที่ประชุมในนาทีสุดท้าย รีบออกทันทีที่ประชุมเสร็จ และอ้างว่ามีงานเร่งด่วนทุกครั้งที่ไทเกอร์พยายามขอคุยเป็นการส่วนตัวไทเกอร์นั่งอยู่ในห้องทำงานชั่วคราวที่บริษัททวีวงศ์กรุ๊ปจัดให้ สายตาจ้องที่เอกสารตรงหน้า แต่ความคิดล่องลอยไปไกล เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ"เข้ามาได้" ไทเกอร์เอ่ย"รบกวนเวลาหน่อยได้ไหม?" คุณประพัฒน์ พ่อของเลโอ เปิดประตูเข้ามา"ได้ครับ" ไทเกอร์รีบลุกขึ้นยืน "มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?""พรุ่งนี้ต้องการให้คุณไปตรวจพื้นที่ก่อสร้างกับเลโอ พวกวิศวกรรายงานว่ามีปัญหาเรื่องพื้นที่ด้านทิศตะวันออก เราอาจต้องปรับแบบบางส่วน" คุณประพัฒน์พูดพลางเดินมานั่งที่โซฟาในห้อง “ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณเลโอจะสะดวก" ไทเกอร์พยักหน้าแต่เขาลังเลเล็กน้อยเพราะกลังว่าเลโอจะไม่อยากไปด้วย"ผมสั่งเขาไปแล้ว เขาต้องไป ไม่มีทางเลือก" คุณประพัฒน์ยิ้มน้อยๆไทเกอร์อึ้งไปเล็กน้อย ดูเหมือนคุณประพัฒน์จะรับรู้ถึงความตึงเครียดระหว่างเขากับเลโอ"ผมจะให้คนขับรถพาพวกคุณไป" คุณประพัฒน์ว่