ซัน หรือ นายอาทิตย์ ทอแสง ชายหนุ่มหัวไฟสีส้มอิฐ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วเข้มพาดเฉียง ใบหน้าเรียวได้รูป พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ขี้เล่น ช่างแกล้ง หากแต่ใครจะรู้ ความคิดที่มีอยู่ภายในจิตใจ.... เบส หรือ คุณหนูเบส นายรพีพัฒน์ ราชบดินทร์ หนุ่มหล่อมาดนิ่ง เส้นผมสีดำสนิท นัยน์ตาเย็นชา แววตาที่เย็นชานั้นมีความลับที่ซุกซ่อนอยู่ ที่เก็บความรู้สึกไว้ภายในใจเนินนานถึง 12 ปี แต่ก็ไม่คิดจะบอกออกไปเพราะหวั่นเกรงว่าจะทำลายความสัมพันธ์!!
View Moreเพี้ยะ!
“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง
“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ
“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า
“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่า
ไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....
ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....
“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตัวเองปอยๆ
“ฮึก! คุณเบสไม่อ้วน!! คุณป๊าบอกว่าคุณเบสเจ้าเนื้อ!! ไม่ใช่อ้วนนะ!!!” เด็กน้อยร้องออกมา มองจ้องหน้าของเด็กผู้ชายที่อายุไม่ต่างกันเท่าไหร่นักด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
“ฮ่าๆ อีลูกคุณหนู ที่นี่ไม่ต้อนรับ!! ไปเล่นคนเดียวนู้นไป!!” เด็กชายที่เป็นหัวโจกของกลุ่ม เดินเข้ามาผลักเด็กชายตัวกลมจนล้มกลิ้งไปบนพื้นทราย เส้นผมสีดำมีฝุ่นทรายติดอยู่ เด็กน้อยเองก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งในทันทีเช่นกัน สูดน้ำมูกรุนแรง ก่อนจะคลานเข้าไปหา
“ให้คุณเบสเล่นด้วยนะ คุณเบสไม่มีเพื่อน นะๆ” เหตุเพราะเขาพึ่งจะย้ายบ้านมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นาน สภาพแวดล้อมที่แตกต่างทำให้ไม่คุ้นชิน ทำให้เด็กน้อยที่เติบโตในเขตเมืองหนาวตั้งแต่เกิด จนตอนนี้ก็อายุ 7 ขวบ พึ่งจะได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน ใช่ เขาเกิดที่เยอรมัน เป็นคนเยอรมัน สัญชาติเยอรมัน และพึ่งจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยตามครอบครัวมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนไทยแท้ๆ ไม่มีสายเลือดต่างชาติเจือปน แต่เพราะหน้าที่การงานของทั้งพ่อและแม่ ทำให้ต้องไปอยู่ต่างประเทศ และพอหมดสัญญาจ้าง พ่อและแม่ของเขาก็เลือกที่จะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย เริ่มก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ทำให้เด็กน้อยตัวกลมไม่มีเพื่อนเลยสักคน และแอบหนีพ่อแม่มาเล่นคนเดียวที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เอาจริงๆ ไม่ต้องหนีหรอ... เดินออกมาให้เห็นโต้งๆ เลยนี่ละ แต่ถามว่าสนใจไหม? ก็ไม่น่ะสิ เพราะมีงานที่รัดตัวมากกว่าจะมาสนใจลูกชายเพียงคนเดียวนี่ยังไงละ
“ไม่เอา!! ไม่เล่นด้วยหรอ อ้วนขนาดนี้แค่เดินยังหอบเลยมั้ง!! ไม่ให้เล่น!!!”
“ฮึก ให้คุณเบส ฮึก เล่นด้วยนะ”
“พวกมึงดูดิ คำพูดคำจา อีตุ๊ด!”
“ฮึก ฮึก” เด็กน้อยตัวกลมได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้น ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเดินเข้ามาใกล้ เทน้ำหวานที่ถืออยู่ในมือรินรดบนหัวของเขา จนเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่เคยสะอาดสะอ้านมีคราบน้ำเหนียวๆ สีเขียวปรากฏ
“อี๋ สกปรก ชิ้วๆ ๆ ๆ ไปไกลๆ เลยไป๊” เด็กคนที่เป็นคนเทน้ำหวานใส่เขาเองกับมือแกล้งพูดขึ้น ทำให้เด็กๆ คนอื่นพากันหัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน ต่างจากเขาที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“ฮึก ฮืออออ ฮึก ฮึก” ในตอนนั้นเองที่มีคนในกลุ่มเด็กๆ นั้น เดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือของเด็กคนนั้น จับกระชากตัวเขาให้ลุกขึ้นอย่างรุนแรง
“ฮืออออ ไปไหน ไม่ไป ไม่ไปนะ คุณเบสไม่ไป” เขาพยายามร้องเรียก และไขว่คว้าสิ่งของตามทาง รวมถึงพยายามจะจับมือพวกเด็กๆ ที่ยืนล้อมอยู่ แต่ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเขาสักคน กลับมองการกระทำของเพื่อนตัวเองนิ่งๆ อย่างสนอกสนใจ จนเด็กคนนั้นลากเขามาหยุดอยู่ที่ข้างสระน้ำและ.....
ตู้ม!!!
เขาถูกผลักให้ตกลงไปในสระน้ำที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายให้โผล่พ้นจากน้ำ ก่อนที่จะมีอีกเสียงตามมาติดๆ
ตู้ม!!!!
แขนอวบๆ ของเด็กชายตัวจ้อย ถูกจับดึง แล้วลากขึ้นไปที่ริมสระน้ำ ทำให้เขาสำลักน้ำออกมาแล้วร้องไห้จ้าทันที
“ฮึกๆ แงงงงงงง ฮือออออ แงงงง” เขาร้องไห้ไป ปาดน้ำตาของตัวเองไป ก่อนจะได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านข้าง
“เงียบน่า ก็ลงไปช่วยแล้วไง” เสียงนั้นทำให้เขาหันหน้าไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวกันกับที่ลากเขามา และผลักเขาตกน้ำอย่างไม่ปรานี และก็เป็นคนเดียวกันนี้ที่กระโดดน้ำลงไปช่วยเขาขึ้นมาเช่นกัน ทำให้เขาเงียบเสียงที่กำลังแหกปากร้องลงอย่างุนงง ก่อนที่เด็กชายคนข้างๆ จะยันตัวขึ้น แล้วฉุดให้เด็กชายตัวกลมลุกตาม เดินจับมือพากลับบ้าน ไม่สนใจเด็กๆ ที่รายล้อมอยู่สักนิด
“ไอ้ซัน จะไปไหนอะ” เด็กคนที่ว่าหยุดชะงัก หันกลับมาบอกพวกเพื่อนๆ ของตัวเอง
“พวกมึงไม่อยากมีเขาเป็นเพื่อน แต่กูอยาก จบนะ” พูดพลางกอดคอเด็กชายตัวกลมจนไขมันกระเพื่อมแล้วออกแรงลากให้เดินตามกันไป เด็กชายตัวกลมก็เดินตามไปอย่างงงๆ จนเมื่อถูกพามาที่บ้านหลังหนึ่ง ขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ดูอบอุ่นแตกต่างจากบ้านของเขาลิบลับ
“อ้อ กูชื่อซันนะ ส่วนมึงก็เบสใช่ไหม กูขอละ เลิกเรียกตัวเองว่าคุณเบสเถอะ สาวแตกฉิบ แบบนี้หาเพื่อนไม่ได้หรอก” พูดจบก็เดินนำเข้าบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหวีดร้องของคนเป็นแม่ดังลอยออกมา
“ซัน! ทำไมตัวเปียกแบบนี้ละลูก ไปทำอะไรมา! แล้ว เจ้าหนูนี่เป็นใคร” คนพูดจับลูกตัวเองหมุนซ้ายหมุนขวา ก่อนจะมองเลยมาที่เขาซึ่งกำลังกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์ซักเท่าไหร่
“เพื่อนใหม่ มันโดนแกล้งอะ ก็เลยพาไปล้างตัว” คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะถามอย่างงงๆ
“แล้วล้างตัวยังไง ทำไมถึงเปียกแบบนี้”
“พาลงน้ำ” คนตอบก็ตอบหน้าซื่อ แต่ทำให้คนเป็นแม่ตาโต
“ลงน้ำที่ไหน!”
“ที่สวน”
“ซัน!! เกิดเขาจมน้ำตายขึ้นมาทำไง แม่ไม่มีปัญญาไปทำใช้คืนเขาหรอกนะ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ แล้วนี่พ่อแม่เขารู้เรื่องไหมเนี้ย!!”
“แม่ หนวกหู” เด็กที่ชื่อซันยกมือขึ้น ทำท่าปิดหูของตัวเอง เหมือนกับว่าเสียงของแม่ตัวเองน่ารำคาญเสียเต็มประดา ก่อนจะร้องบอกออกมาอีกครั้ง
“ซันก็ไปช่วยมันแล้วไงแม่ ไม่เห็นจะตายสักหน่อย” พูดพลางยักไหล่ คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง
“ไป พาเพื่อนไปอาบน้ำแต่งตัวไป เราก็ด้วย ซนนัก” ดังนั้นแล้วเขาจึงถูกลากขึ้นมาที่ชั้นบน เข้าห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีเตียงเดี่ยวลายอุนตร้าแมน กับของเล่นจำนวนหนึ่งกองไว้ที่มุมห้อง มีโต๊ะทำการบ้านพร้อมกับโคมไฟ ถูกจัดเรียงอย่างลวกๆ เอาจริงๆ ก็เรียกได้ว่า รก....
เจ้าของห้องทำการดุนดันหลังของเขาให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด แล้วหันมาบอกเขาด้วย
“มึงก็ถอดดิ ไม่คันไง” ว่าจบก็เดินเข้าไปใต้ฝักบัว แล้วเปิดน้ำออกจนสุด เริ่มต้นอาบน้ำ เขาเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วจึงพาร่างตุ้ยนุ้ยไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว แย่งกันอาบน้ำถูสบู่ เล่นแชมพูสระผมกันไปมา จนเมื่อแม่ของอีกฝ่ายมาตามและพบว่าห้องน้ำเต็มไปด้วยฟองลื่นๆ จึงถูกดุไปตามระเบียบ แล้วจึงรีบเร่งอาบน้ำอย่างจริงๆ จังๆ และปัญหาก็มาเยือนอีกครั้งตอนที่ต้องใส่เสื้อผ้า
“กูว่านะ มึงต้องลดๆ บ้างนะของกินน่ะ” อีกฝ่ายนั่งเท้าค้างมองอยู่กับพื้นห้อง เมื่อตอนนี้เด็กชายตัวกลมสวมใส่เสื้อผ้าของเขาซึ่งแทบจะปริขาด เสื้อเปิดพุงออกครึ่งหนึ่ง ปิดได้เพียงยอดอกเล็กๆ ทั้งสองข้าง ยาวลงมาเหนือสะดือเล็กน้อย ส่วนกางเกงนั้น.... ติดอยู่ที่ต้นขา ไม่สามารถสวมใส่เข้าไปได้
“ซัน คุณเบสอึดอัด” เขาร้องบอกเพื่อนหมาดๆ ของตัวเองเบาๆ ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เจ้าของห้องถึงได้ไปรื้อเสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้เขาถอดเสื้อผ้าออก แล้วให้ใส่ผ้าขนหนูแทน พาลงไปที่ด้านล่างของบ้าน
“ตายแล้ว ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าละลูก!”
“มันอ้วนอะแม่ ซันไม่มีชุด”
“อ่อ” คนเป็นแม่ถึงกับอึ้งไป เมื่อมองขนาดตัวของลูกชาย กับเพื่อนใหม่ที่ถูกพามา เมื่อลูกชายของเธอนั้นออกจะล่ำๆ ไปสักหน่อย ตัวก็สูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แถมยังผอมเพรียว ปราดเปรียวและว่องไว แต่เพื่อนที่ถูกพามานั้น ดวงตาเล็กแคบ ตาตี่ แก้มยุ้ยเป็นพวง แขนเป็นปล้องๆ ไหนจะพุงน้อยๆ ที่กลมโตจนเป็นชั้น
ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดหาทางหาเสื้อผ้าให้เด็กชายตัวกลมได้สวมใส่ เสียงออดก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เรียกความสนใจของคนทั้งหมดให้หันไปมอง ก่อนจะพากันเดินออกไปดู ส่วนเขาเองก็โดนลากออกไปด้วยเช่นกัน โดยเด็กชายที่ชื่อว่าซันนี่เอง
“ขอโทษนะครับ เห็นคุณหนูเบสไหมครับ พิกัดบอกว่าอยู่ที่บ้านหลังนี้”
“อ่อ คนนี้หรอคะ” เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อแม่ของเพื่อนผายมือมาทางเขา ทำให้เห็นคนสนิทที่ดูแลเขามาตั้งแต่เล็กๆ ในชุดสูทสีดำ รถคันโก้ที่จอดนิ่งสนิทอยู่ ก่อนจะตอบรับเบาๆ
“ครับ คุณหนูเบสครับ คุณท่านแจ้งว่าให้แต่งตัวเป็นการด่วนครับ คุณท่านจะพาออกงานคืนนี้” ดังนั้นแล้วเขาจึงพยักหน้ารับน้อยๆ หันไปยกมือไหว้สวัสดีแม่ของเพื่อน ไม่ลืมที่จะบอกลาเพื่อนใหม่
“ไปก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆ จะมาหา”
“เออ” อีกฝ่ายตอบรับกลับมาเบาๆ ก่อนจะร้องเรียกออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
“?” เขาหันกลับไปมองอย่างสงสัย ก่อนที่จะถูกกระตุกผ้าเช็ดตัวลายอุนตร้าแมนออกจากเอวหนา เปิดเผยเรือนร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนที่หน้าบ้าน ทำให้เขากะพริบตาปริบๆ ด้วยความอึ้ง ไม่ต่างจากแม่ของเพื่อนสักเท่าไหร่ที่ยกมือทาบอก อ้าปากเหวอ
“นี่ผ้าโปรดกู” ในขณะที่ยืนอึ้งอยู่นั้น เสื้อสูทสีดำก็ถูกสวมทับลงมาแทบจะทันที ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกยกขึ้น ทำให้เขาได้สติคืนมา หันไปร้องบอกคนสนิทเบาๆ
“เสื้อผ้าน้องเบสอยู่ในบ้าน”
“เอาไว้เดี๋ยวฉันซักให้ก็ได้ค่ะ ไว้น้องเบสมาเมื่อไหร่ค่อยมาเอาไปนะลูก” เขาทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วหันมาสนใจพี่เลี้ยงที่ลมหายใจหอบหน่อยๆ
“พี่คม เป็นอะไรครับ”
“ปะ เปล่าครับคุณหนูเบส กลับกันเถอะครับ” แม้คนพูดจะตอบปฏิเสธ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าแขนที่กำลังโอบอุ้มเขาอยู่สั่นน้อยๆ ลมหายใจหอบแรงขึ้น และเมื่อเขาถูกวางให้นั่งลงที่เบาะเรียบร้อย พี่เลี้ยงคนสนิทก็ค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม ไม่มีอาการตัวสั่นแขนสั่น หรือลมหายใจหอบกระชั้นออกมาให้ได้ยิน
เขานั่งมองรถที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านหลังขนาดกลางนั้นช้าๆ ดวงตามองจ้องเพื่อนคนแรกของเขาในประเทศไทย ที่กำลังถือผ้าขนหนูลายอุนตร้าแมนเอาไว้แน่น จนหายออกไปจากสายตา เมื่อหันกลับมาก็พบว่าถึงบ้านของตัวเองพอดี บ้านของเขาอยู่ในสุด ลึกสุด ท้ายซอย ในขณะที่บ้านของเพื่อนใหม่ อยู่กลางซอยค่อนไปทางด้านหน้า และมีสวนสาธารณะอยู่ตรงกลาง เพื่อให้สมาชิกลูกบ้านมาพักผ่อนหย่อนใจ
และนั่นเป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ของเพื่อนที่คิดไม่ซื่อเช่นเขา.....
“ไงมึง โดนมาอีกแล้วอะดิ”
“เออ” เขาตอบรับเพื่อนสนิทเพียงเบาๆ มองเพื่อนของเขากับหญิงสาวอีกคนด้วยแววตาที่อ่านได้ยาก เมื่อคนๆ นั้นกำลังกอดคอแฟนสาว แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้ม
“ไงพลอย”
“หวัดดีเบส” เขาทักแฟนสาวของเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกที่เจ็บอยู่ลึกๆ ข้างใน แต่ก็แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ก่อนจะหันไปสนใจเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“แล้วนี่จะพากันไปไหน” เขาถามพลางชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้ใบโตของทั้งคู่ เพื่อนเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมานิดๆ แววตาขี้เล่น แล้วเอ่ยตอบ
“ไปเสม็ด จะพาพลอยไปเสร็จว่ะ ฮ่าๆ ๆ” จบคำที่ว่า สาวเจ้าก็ฟาดเข้าที่อกดัง อัก! เขาก็แกล้งทำเป็นหัวเราะขบขัน หากแต่ในใจกลับร่ำไห้ออกมาเบาๆ เพราะรู้ว่าแม้มันจะแกล้งพูดเล่น แต่ในความเป็นจริงคือเรื่องจริงล้วนๆ และอดที่จะมองหญิงสาวด้วยความเห็นใจไม่ได้ เมื่อรับรู้ว่าพอกลับมาแล้วอีกคนก็คงจะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี
“เออ ขอให้สนุกแล้วกัน” เขาตอบรับกลับไปเพียงแค่นั้น แล้วเดินมุ่งตรงไปที่รถคันงามที่จอดรออยู่ พอปิดประตูรถได้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้าพิงไปกับเบาะรถ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยปาก
“ออกรถ” เขายกยิ้มเศร้าส่งให้เพื่อนสนิท ที่คงไม่มีทางได้มองเห็น ก่อนจะถอนสายตากลับมา มองตรงไปข้างหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู นิ้วมือเลื่อนไปช้าๆ ในแต่ละรูปภาพในความทรงจำ คิดไปถึงคำพูดของแฟนเก่าหมาดๆ ที่พึ่งจะฝากฝังรอยนิ้วทิ้งเอาไว้
“ไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่นี้กูก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว.....”
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ
Comments