ซูหนิงเซียวออกจากบ้านหลังทานอาหารเช้าเพื่อไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิง กับกู่ซิงก็นั่งคุยกันเรื่องสัญญาการจ้างงานที่ซูหนิงจิงส่งให้กู่ซิงอ่านดูก่อน
“ขอบคุณมากนะคะน้องซูที่ไว้ใจพี่ พี่ลงชื่อเลยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะพี่กู่ ขอบคุณพี่กู่ด้วยนะคะที่ยอมทำงานกับน้อง หวังว่าหลังจากนี้เราจะช่วยกันดูแลงานและหนิงเซียวไปพร้อม ๆ กันได้อย่างดีด้วยค่ะ”
กู่ซิงลงชื่อในเอกสารทั้งสองฉบับ โดยส่งฉบับหนึ่งให้ซูหนิงจิงเก็บเอาไว้ ส่วนเธอก็เก็บสัญญาเอาไว้กับตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน
“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ น้องซูไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้แค่รอให้หนิงเซียวทำงานเพลงออกมาได้เสียก่อน พี่จะค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว่ยป๋อไปก่อนสำหรับซิงเกิ้ลแรก ส่วนเรื่องการวางแผนงานระยะยาว พี่อยากรอให้หนิงเซียวเรียนจบก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินสายแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองถ้าเพลงของหนิงเซียวติดตลาดและมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นนะคะ”
“ควา
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราค่อยคิดกันหลังจากดูหนิงเซียวอีกสักปีสองปีก็ได้ค่ะ อย่างไรถ้าเราต้องใช้โปรดิวเซอร์จริง ๆ ก็ไม่น่าจะหายากนัก”ซูหนิงจิงพยักหน้าเห็นด้วยกับกู่ซิง ไม่นานนักพวกเธอก็ทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านเพื่อไปซื้อหนังสือกันต่อ หลังจากซื้อหนังสือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กู่ซิงกับซูหนิงจิงก็ได้หนังสือหลายเล่มมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นที่กู่ซิงสนใจอีกด้วย ทั้งสองคนจ่ายค่าหนังสือต่าง ๆ แยกกันเพราะกู่ซิงไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาจ่ายเงินสำหรับหนังสือและสมุดโน้ตส่วนตัวของเธอ ซึ่งซูหนิงจิงก็ไม่ได้ขัดกู่ซิง เธอเข้าใจดีว่ากู่ซิงคงเกรงใจเหมือนเคย“น้องซูคิดว่าเรื่องธุรกิจออนไลน์น่าสนใจเหรอคะ พี่เห็นน้องซื้อมาอ่านหลายเล่มเลย”“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ยังไง น้องเลยอยากศึกษาเอาไว้เผื่อว่าเราจะสามารถนำความรู
วันต่อมา ซูหนิงเซียวที่นั่งรอเพื่อนอยู่ก็ทบทวนเนื้อเพลงที่เธอแต่งได้เมื่อวานเพิ่มมาอีกหนึ่งท่อนโดยร้องคลอเบา ๆ พอเห็นว่าเนื้อเพลงเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็อัพเดทเว่ยป๋อเล่าเรื่องที่เธอกำลังแต่งเพลงให้กับผู้ติดตามของเธอฟังก่อนเข้าเรียนเหล่าผู้ติดตามที่เห็นข้อความของซูหนิงเซียวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าอยากฟังเพลงที่เธอแต่งกันเสียแล้ว ทำให้ซูหนิงเซียวได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่อย่างน้อยยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากฟังเพลงของเธอ เธอรับปากพวกเขาว่าถ้าเธอแต่งเสร็จแล้วจะบันทึกเสียงและอัพเดทให้พวกเขาฟังเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะลาทุกคนในเว่ยป๋อเพื่อรอเข้าเรียนพร้อมเพื่อนที่เพิ่งมาถึงไม่นาน“นี่ ๆ เมื่อวานฉันแต่งได้ท่อนนึงแล้วนะเพลงเปียโน แต่ฉันคิดว่าชอบแนวป็อปร็อกมากกว่าอ่ะ” โจวเสี่ยวเซียนรีบนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง“ส่วนฉันชอบป็อปสบาย ๆ เหมือนหนิงเซียวมากกว่า ฉันก็แต่งได้ท่อนนึงเหมือนกัน วันนี้กลับไปฉันจะไปนั่งแต่งต่อให้ได้มากที่สุด ยังไงพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ก็วันหยุด ฉันว่าน่าจะแ
ซูหนิงเซียวได้แต่เสียใจแทนฟ่านเหลียนที่ถูกอาจารย์คาดโทษ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฟ่านเหลียนทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตัดสินโทษไปแล้ว เธอจึงได้ขอตัวกลับพร้อมเพื่อน ๆ และบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆอาจารย์ประจำชมรมและรุ่นพี่ปีสอง ปีสามที่เห็นซูหนิงเซียวมีบอดี้การ์ดเป็นครั้งแรกต่างมั่นใจแล้วว่าเธอไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งธรรมดา ๆ เพราะปกติแล้วขนาดรุ่นพี่ที่เป็นดารามาเรียน พวกเขายังไม่เคยมีบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเลย ที่นี่ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาง่าย ๆ อีกด้วย แสดงว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษแน่“เรื่องซูหนิงเซียว ทุกคนก็อย่าไปก่อกวนเธอเข้าล่ะ จะได้ไม่มีปัญหา เท่าที่อาจารย์ดูมา กลุ่มของเธอไม่เคยทำตัวไม่ดีเหมือนกลุ่มของฟ่านเหลียน ดังนั้นก็ดูแลพวกเธอให้เหมือนรุ่นน้องที่ดี ๆ คนอื่น ๆ ก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะอาจารย์ พวกเราเข้าใจดีค่ะ อีกอย่างพวกน้อง ๆ ให้ความร่วมมือกับชมรมมาตลอด เวลาพูดคุยก็ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราด้วยค่ะ”
กว่าซูหนิงเซียวจะตื่นก็เกือบ 11 โมงแล้ว เธอรีบอาบน้ำแล้วไปหาข้าวทานในครัวอย่างรู้หน้าที่ โดยทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งคุยกันและอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก่อนจะไปทานอาหารเช้ารวมมื้อเที่ยงด้วยเลย เธออยากเอาทำนองเข้าใส่ในเนื้อเพลงมากจริง ๆ และอยากรู้ว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้ดีหรือไม่ด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงต่างนั่งอ่านหนังสือรอให้ซูหนิงเซียวทานอาหารเสร็จก่อนจะได้สอบถามว่าเมื่อคืนนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่รอไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ออกจากห้องครัวมานั่งเล่นกับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนจะเข้าไปทำงานในห้องอัด“เมื่อคืนทำงานเป็นยังไงบ้างหนิงเซียว”“หนูแต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วค่ะป้ากู่ วันนี้ว่าจะลองใส่ทำนองและร้องลองดูค่ะ”“ดึกมั้ยลูกเมื่อคืน”“ประมาณตีหนึ่งค่ะแม่ แต่วันนี้หนูได้นอนเต็มที่แล้วนะคะ เที่ยงนี้หนูยังอิ่มอยู่ แม่กับป้ากู่กินข้าวกันสองคนไปก่อนนะคะ มื้อเย็นเดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าว”
หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียน ซูหนิงเซียวและอาจารย์ต่างนั่งฟังเพลงบรรเลงที่กำลังเปิดอยู่อย่างตั้งใจ ซึ่งเพลงที่พวกเธอได้ฟังนั้นเป็นเพลงแจ๊สในแนวสนุกสนาน ฟังสบายจนทำให้ทุกคนต่างยิ้มตามจังหวะดนตรีไปด้วย เพลงของหานลู่หรงใช้เวลาเล่นอยู่นานเกือบ 5 นาที กว่าจะถึงตอนจบของเพลงบรรเลงคนอื่น ๆ ในห้องต่างปรบมือให้หานลู่หรงที่สามารถแต่งเพลงสนุก ๆ แบบนี้ได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งเพลงของเธอยังไม่มีจุดไหนสะดุดหรือติดขัดแต่กลับลื่นไหลไปตามโน้ตที่เธอเล่นออกมาตามอารมณ์ในขณะอัดเสียง หลังเสียงปรบมือหยุดลง อาจารย์ก็ให้คำแนะนำหานลู่หรงตามประสบการณ์ที่เธอมี“การบรรเลงทำได้อย่างดีเยี่ยม สมแล้วที่เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กนะหานลู่หรง เพียงแต่บางท่อนยังคล้ายกับเพลงของนักเปียโนอื่นอยู่บ้าง ทำให้ความเป็นตัวเองของเธอไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ในเพลงบรรเลงบทนี้ ต่อไปลองไม่ฟังเสียงเปียโนคนอื่นดูแล้วแต่งไปตามอารมณ์และเป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ว่าเพลงจะออกมาแบบไหน ก็ใช้อารมณ์ตอนนั้นเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาบทเพลงบรรเลงให้เป็นตัวเอ
ซูหนิงเซียวกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น เธอรีบทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกพร้อมรอยยิ้ม“วันนี้ทำไมกลับเย็นนักล่ะลูก”“นั่นสิ ปกติวันนี้หนิงเซียวเลิกเร็วไม่ใช่เหรอ”“หนูกับเพื่อนส่งเพลงให้อาจารย์ช่วยฟังและขอคำแนะนำอยู่น่ะค่ะ เลยกลับช้าไปหน่อย แม่กับป้ากู่ไปกินข้าวกันเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูเก็บของแล้วจะรีบตามไป”ซูหนิงจิงกับกู่ซิงพยักหน้ารับคำซูหนิงเซียว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อรอทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวร่วมกับแม่และป้ากู่ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่าอาจารย์ให้คำแนะนำกับเธอเรื่องเพลงที่ทำออกมาอย่างไรบ้าง และเธอจะแก้ไขงานเพลงที่ทำไปทีหลัง ตอนนี้ใกล้ช่วงสอบกลางภาคแล้ว เธอจึงจะต้องทบทวนตำราเรียนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ“ลูกทำตารางอ่านหนังสือเอาไว้หรือยังเทอมนี
สิบโมงเช้า คนของเจิ้งจุนก็มาถึงคอนโดของซูหนิงจิง เธอทักทายก่อนจะชวนให้เขานำใบเสนอราคามาอธิบายเบื้องต้นให้เธอกับกู่ซิงฟังก่อนจะรับเอกสารเอาไว้และฝากบอกเขาให้แจ้งเจิ้งจุนว่าจะโทรให้คนกลับมารับเอกสารหลังจากที่เธอตรวจสอบราคาเสร็จเลขาของเจิ้งจุนเป็นคนมาส่งเอกสารเองรับปากกับซูหนิงจิงว่าจะนำข้อความของเธอไปแจ้งให้เจิ้งจุนทราบ ก่อนจะขอตัวกลับไป ซูหนิงจิงจึงลุกขึ้นไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วกลับมานั่งตรวจสอบใบเสนอราคาในแฟ้มเอกสารที่ได้รับมากู่ซิงเห็นว่าซูหนิงจิงกำลังตรวจสอบครั้งแรกตามปกติ เธอจึงนั่งอ่านหนังสือรอจนกว่าซูหนิงจิงจะส่งเอกสารบางส่วนมาให้เธอตรวจสอบซ้ำอีกครั้งกวานจื้อจิวกับทีมงานในบริษัทประชุมวางแผนการก่อสร้างเสร็จในช่วงบ่ายของวันนี้ เขาสั่งให้ใช้ทรัพยากรในการทำโครงการนี้ให้เต็มที่เพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยทีมงานเผื่อระยะเวลาการก่อสร้างเอาไว้ถึงสามเดือนเนื่องจากเป็นอาคารหลังใหญ่และมีถึง 30 ชั้น แต่ละชั้นยังมีรายละเอียดแตกต่างกัน รวมระยะเวลาการก่อสร้างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ซูหนิงเซียวเดินออกจากห้องครัวแล้วมานั่งเล่นที่โซฟากับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำอ่านหนังสือก่อนนอน“เหนื่อยมากมั้ยลูกวันนี้”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะแม่ ตอนนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้ว พวกหนูเลยจะเริ่มอ่านหนังสือกันแล้วนะคะ อาจารย์ไม่ได้ให้การบ้านอะไรมากมาย เพียงแต่สอนในห้องเพิ่มเท่านั้นเองค่ะ”“อ้าว นี่หนิงเซียวใกล้สอบกลางภาคเรียนแล้วเหรอ เร็วจังเลยนะจ๊ะ”“ก็ไม่เร็วเท่าไหร่ค่ะป้ากู่ ยังดีที่หนูกับเพื่อนเตรียมพร้อมกันก่อนล่วงหน้า ช่วงสอบจะได้ไม่เหนื่อยอ่านหนังสือกันมากนักค่ะ”“วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแบบนี้ก็ดีแล้วนะลูก อีกไม่กี่เดือนลูกก็จะต้องสอบปลายเทอมก่อนขึ้นปีสองแล้วนี่นา”“ใช่ค่ะแม่ สอบปลายภาคน่าจะยากกว่ากลางภาคเยอะเลยค่ะ พวกหนูเลยอยากสะสมคะแนนช่วงกลางภาคให้มากสักหน่อยค่ะ เกรดจะได้ออกมาดี ๆ เหมือนเทอมที่แล้ว”
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ