“เปล่า... คุณอาทิตย์เป็นผู้ใหญ่ใจดี เขาเป็นคนใจเย็นมาก ตั้งแต่อยู่กันมาฉันกับเขาแทบไม่เคยทะเลาะกัน”
อรทัยบอกไปตามตรง บางครั้งภายหลังจากสามีภรรยาหย่ากันก็ไม่จำเป็นต้องวางตัวเป็นศัตรูกันเสมอไป แม้ไม่เหลือความเป็นสามีภรรยา... แต่มิตรภาพดีๆ ก็ยังมีอยู่
“อ้าว!... แล้วทำไมจะหย่ากันล่ะ”
ดาริกาอยากรู้
“มีหลายๆ อย่างที่เราเข้ากันไม่ได้”
อรทัยตอบเลี่ยงๆ เธอไม่อยากสาธยายลึกลงไปในรายละเอียด เมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าบางอย่างสมควรเก็บไว้เป็นความลับส่วนตัวมากกว่า
“แล้วเธอล่ะ... ทำไมตัดสินใจหย่ากับมอร์แกนล่ะ”
อรทัยนึกอยากรู้เหมือนกัน ว่าเหตุใดดาริกาจึงตัดสินใจจบชีวิตคู่กับมอร์แกนซึ่งเป็นหนุ่มต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลาเสียจนเพื่อนๆ นึกอิจฉา
“ก็เข้ากันไม่ได้หลายๆ อย่าง... ”
ดาริกาตอบเสียงเศร้า เธอรู้ว่าการแต่งงานไม่ใช่บทสุดท้ายของความรักที่สุกงอม หากแท้จริงแล้วมันคือการเริ่มต้น ‘ความอดทน’ ในการครองคู่ของคนสองคนต่างหาก และวันนี้ความอดทนของเธอมาถึงที่สุดแล้ว
“เธอกับมอร์แกนทะเลาะกันบ่อยหรือ น่าจะค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันก่อน ค่อยๆ แก้ปัญหา... อย่าใจร้อนไปตามอารมณ์ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ”
อรทัยให้กำลังใจเพื่อนรัก แนะนำในสิ่งซึ่งตัวเธอเองก็ไม่สามารถทำไม่ได้
“เรื่องหย่าเราทั้งคู่ตัดสินใจดีแล้ว”
ดาริกาตอบ ก่อนเหลือบไปมองรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีตะกั่วคันหรู แล่นฝ่าประกายแสงแดดของยามสายเข้ามาจอดในลานจอดรถบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอ
“โน่นแน่ะ มอร์แกนมาแล้ว... ขอตัวก่อนนะอร”
ดาริกายกกาแฟที่เหลือครึ่งแก้วขึ้นมาดื่มแล้วเดินจากมา ปล่อยให้อรทัยนั่งมองด้วยสีหน้างุนงง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าดาริกากับมอร์แกนกำลังจะหย่ากัน
เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ
ในระหว่างที่อรทัยกำลังนั่งรอคุณอาทิตย์ผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีของเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ดาริกากับมอร์แกนที่เพิ่งจดทะเบียนหย่าเสร็จสิ้นก็พากันเดินลงมาจากอำเภอ ทั้งสองตรงรี่มายังร้านกาแฟซึ่งอรทัยยังนั่งอยู่
“สวัสดีค่ะ”
อรทัยเอ่ยทักทายมอร์แกนเมื่อเห็นว่าเขาเหลือบมองมาที่เธอ แอบนึกชื่นชมเค้าโครงหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ในใจ มอร์แกนเป็นชายชาวต่างชาติซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่มาก ส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรทำให้เขาดูโดดเด่นสะดุดตา
“สวัสดีครับคุณอร”
มอร์แกนส่งยิ้มกว้างทักทาย เขาพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว เพราะอยู่เมืองไทยมานานหลายปี
อรทัยรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นว่าท่าทางของมอร์แกนกับดาริกาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งหย่ากันเลยสักนิด ทั้งสองไม่เคร่งเครียดหรือเศร้าโศกกับชีวิตรักที่ต้องปิดฉากลง
“งั้นฉันกลับก่อน... บังเอิญมีธุระด่วน”
ดาริกายกมือขึ้นโบกลาอดีตสามีและเพื่อนสนิท ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา ก้าวฉับออกมาจากร้านกาแฟด้วยท่าทางรีบร้อน ตอนนั้นมอร์แกนกำลังยืนสั่งกาแฟอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์
“ทานกาแฟหรือยังครับ?”
ร่างสูงใหญ่ทำท่าว่าจะสั่งกาแฟให้อรทัย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ... ขอบคุณค่ะ”
หล่อนยิ้มให้เขา มอร์แกนถือถ้วยกาแฟร้อนเดินเข้ามาทรุดร่างสูงใหญ่ลงนังใกล้ๆ กับอรทัย
“เมื่อสักครู่ดาริกาบอกว่าคุณจะขายบ้านแล้วย้ายกลับไปอยู่ต่างประเทศใช่ไหมคะ”
อรทัยถามด้วยความอยากรู้ เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะขายบ้านหลังใหญ่ที่อาทิตย์ยกให้ภายหลังหย่า แล้วจะซื้อบ้านชั้นเดียวเอาไว้อยู่อาศัยต่อไป
“อ๋อ... ครับ ผมกำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปอยู่อิตาลีครับ”
มอร์แกนตอบก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
“ถ้าจะขายบ้านบอกฉันนะคะ... ฉันกำลังมองหาบ้านอยู่พอดี”
อรทัยทำเสียงจริงจัง
“จริงหรือครับ”
มอร์แกนทำหน้าประหลาดใจ
“จริงค่ะ... ”
อรทัยเคยแวะไปที่บ้านของมอร์แกนมาแล้วหลายครั้ง ก็เพราะว่าดาริกาชอบจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านแล้วชักชวนบรรดาเพื่อนฝูงไปร่วมดื่มกินสังสรรค์กันบ่อยๆ
อรทัยยังจดจำได้ว่าบ้านที่มอร์แกนอาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณรอบๆ ปลูกหญ้าและต้นไม้เล็กๆ เอาไว้ได้อย่างน่ารักลงตัว และที่สำคัญมันเป็นบ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบขนาดย่อม อรทัยชอบบรรยากาศริมน้ำ
“งั้นผมขอเบอร์โทรคุณได้ไหม”
มอร์แกนมองใบหน้าสะสวยของอรทัย เธอรีบบอกเบอร์โทรศัพท์ ชายหนุ่มกดบันทึกแล้วโทรเข้าเครื่องของ
ตะวันช้อนสายตามองหน้าเธอ เหมือนเด็กที่จ้องมองผู้ใหญ่ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “รู้ไหมว่าพี่ไม่เหมือนคนอื่นๆที่ผมเคยเจอ” เขาชม อมยิ้ม มองเธอ แต่เปลี่ยนมาใช้สายตาแบบหนุ่มมองสาว และมันทำให้รำเพยรู้สึกเหมือนเป็นสาวแรกรุ่นที่เริ่มออกเดทครั้งแรก กับชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า “พี่ดูพิสดารมากใช่ไหม...ในสายตาเธอ” น้ำเสียงปนหัวเราะ………. “มีอะไรบางอย่างในตัวพี่...มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจ รู้สึกอยากคุยกับพี่ อยากรับรู้เรื่องของพี่มากกว่านี้”“บางเรื่องเกี่ยวกับพี่…รู้แล้วเธออาจจะไม่สบายใจ” รำเพยเอ่ยเป็นนัย“สามีพี่ล่ะ” ตะวันย่นหน้าผาก อยากรู้“พี่เลิกกับสามีแล้ว” “พี่มีลูกกับเขาหรือเปล่า” “มีลูกสาวคนนึง อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ” “ผมถามอะไรอีกอย่างได้ไหม...” ตะวันหยุดคิดนิดนึง เหมือนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะถามนั้น จะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอเกินไปหรือเปล่า…..“ได้สิ!...ถึงขั้นนี้แล้ว พี่คงไม่มีความลับกับเธอ”“ทำไมพี่เลิกกับสามี” “เขานอกใจพี่...หลายครั้งหลายคราว”“ครั้งนี้…พี่เลยเอาคืนบ้าง”“เปล่า…ค
เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงโทรศัพท์ของรำเพยดังขึ้น เธอรีบรั้งมือชายหนุ่มที่ยังเอกเขนก พิรี้พิไรเหมือนไม่อยากลุกไปจากเตียง ให้รีบไปอาบน้ำ จากนั้นเธอก็รีบก้าวไปกดรับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเรียกอยู่ในกระเป๋าถือของเธอที่วางอยู่บนหลังตู้เย็น “แม่อยู่ไหนคะ” ต้นสายถาม เป็นเสียงของแอนนา “เอ่อ...ม..ม..แม่ออกมากับเพื่อนน่ะ” คนเป็นแม่ตกใจจนน้ำเสียงตะกุกตะกัก ลูกสาวได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปี นอกจากดูละครหลังข่าว ถักโครเช แล้วนอนอ่านนิยายโรมานซ์ ก็ไม่เคยเห็นแม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ไหน “เพื่อนที่ไหนคะ?” น้ำเสียงของแอนนาเต็มไปด้วยความดีใจปนสงสัย ที่รำเพยออกมาเปิดหูเปิดตา หลังจากเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวจนต้องไปรักษาอาการซึมเศร้าอยู่พักใหญ่“เพื่อนเก่าแม่จ้ะ...บอกไปหนูก็ไม่รู้จักอยู่ดี” เธอเสเพื่อไม่ให้ลูกสงสัย “ดีแล้วค่ะแม่ หนูดีใจที่แม่ออกไปเจอผู้เจอคนบ้าง ว่าแต่คืนนี้หนูไม่กลับนะ ไปนอนคอนโดค่ะ” “จ้ะ…” รำเพยตอบเพียงสั้นๆ กลัวลูกสาวซักไซร้ “ว่าแต่ตอนนี้ตีสองแล้วนะแม่” ลูกสาวเตือน รำเพยพลิกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา “ตายจริ
ไวต่อความรู้สึก ทำให้เธอเผลอลู่ไหล่ บิดเรือนกายเบาๆ ลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความลืมตัว “เชื่อแล้ว…ว่าเป็นครั้งแรกของพี่” มีความภาคภูมิใจอยู่ในน้ำเสียงที่กล่าวออกมา จากนั้นเขาก็ขยับออกมาพินิจดวงหน้าสวยที่เผยสู่แสงไฟ ยามที่เธอทอดร่างลงกลางเตียงนอนอย่างว่าง่าย รั้งลำคอบึนหนาของเขาให้พรมจูบไปตามลาดไหล่ เขาละเลงริมฝีปากลงไปอย่างหิวกระหาย จากนั้นจึงค่อยๆกระซิบตอบจนริมฝีปากชิดใบหู เล็มเลียเหมือนจงใจแกล้ง “พี่สวยเหลือเกิน”“เธอกำลังจะทำให้พี่ขาดใจ” ลมหายใจของรำเพยพ่นพรูออกมาพร้อมกับคำพูดรำเพยพ่นลมหายใจออกมาพร้อมคำพูด “พี่ชอบผมใช่ไหม” “ใช่…ชอบมาก” หล่อนแอบยิ้มท้ายประโยค “พี่ยิ้มสวย...ผมชอบ” “สวยแค่รอยยิ้มหรือ?” รำเพยทำเสียงเหมือนสาวแรกรุ่น “อยากฟังผมพูดตรงๆไหม” “อยาก” ตอบพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ตะวันแกล้งกัดนิ้วเธอเบาๆ “พี่สวยมาก ไม่น่าเชื่อว่ายังมีสามีหน้าโง่ที่ไหนปล่อยให้พี่ต้องมาใช้บริการผม” “ช่างเถอะ...ในที่แบบนี้ อย่าเอ่ยถึงใครอื่นอีกเลย” เธอดึงเขากลับมาสู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ถ้าพี่รู้สึกผิด...เราเปลี่ยนใจ ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ” เขากล่าวเสียงเรียบ เสนอทางเลือกให้เธอ บอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาส เขาอยากให้มันเป็นไปด้วยความสมัครใจมากกว่า “จะเสียเวลาเธอ” “ไม่เป็นไรครับ” “อุตส่าห์นั่งแท็กซี่มาไกล ไหนจะต้องตากฝนจนเปียกปอน” เธอทำน้ำเสียงเห็นใจ “ช่างเถอะ...ถ้าพี่ไม่อยากทำ” “รู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่อยาก” “เห็นพี่ลังเล” “เปล่าลังเล...การที่พี่ใจกล้ามานั่งอยู่ในห้องที่ลับหูลับตาคนแบบนี้ เพราะพี่ตัดสินใจดีแล้วในสิ่งที่ทำ” เธอยังคงยืนยันถึงเจตนารมย์อันแน่วแน่ ว่าจะใช้บริการเขา“มันไม่เกี่ยวกับกล้าหรือไม่กล้า…แต่มันเป็นเรื่องของการยอมรับ พี่ยอมรับได้ใช่ไหม ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ตลอดไป และพี่ต้องยอมรับมันได้”“เคยมีคนที่มาแล้วเปลี่ยนใจด้วยหรือ” รำเพยทำน้ำเสียงอยากรู้“มีครับ”“แต่พี่คิดดีแล้ว…” เธอยืนยัน “ได้คุยกันก่อนก็ดีเหมือนกัน” “แล้วปกติ เธอไม่ค่อยได้คุยกับลูกค้าเลยหรือ” รำเพยย่นหน้าผาก “บางคนมีเวลาน้อย พอเจอหน้ากันก็ไม่พูดพล่ามท
“เอ่อ เดี๋ยวก็ได้...” เธอยื้อ ชายหนุ่มหันมาทำหน้าฉงน “ผมกลัวพี่จะเหม็นเหงื่อ” เขาให้เหตุผล เพราะเพิ่งฝ่าฝนมาหมาดๆ “ไม่เหม็นหรอก” เธอส่ายหน้ามันทำให้ตะวันย้อนระลึกไปถึงลูกค้าคนหนึ่งที่เคยเจอ เธอไม่ชอบให้เขาอาบน้ำ ให้เหตุผลว่ากลิ่นเหงื่อกลิ่นกายของหนุ่มๆ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เธอสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าเบื่อหน่ายกลิ่นน้ำหอมแห้งๆของสามีแก่ๆ และตะวันเดาเอาว่ารำเพยอาจรู้สึกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น “ตามใจพี่ครับ…ผมยังไงก็ได้” น้ำเสียงที่ตอบออกมาอย่างตามใจลูกค้า สมกับเป็นผู้ให้บริการ เขาคิดในใจว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร คนเรามีความชอบที่แตกต่างกัน “เอ่อ...พี่ชอบแบบไหนครับ” เขาถาม แม้จะตรงไปตรงมา แต่ดูจากความตั้งใจในน้ำเสียงก็เชื่อได้ว่าคงอยากบริการเธอให้ดีที่สุดรำเพยรู้สึกถึงเลือดในกายตัวเองที่ฉีดแรง ตอนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ก็ไม่รู้สึกถึงความต้องการเท่าไรนัก ทว่าเมื่อได้มาอยู่ในบรรยากาศจริง รูป รส กลิ่น เสียง คำพูดของหนุ่มแปลกหน้ากลับมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอขึ้นมารุนแรง“เอ่อ!...ย..ย..ยังไงดีล่ะ” รำเพยเค้นคำพูดออ
เหนือริมฝีปากและคางมีไรหนวดเคราเขียวๆระบายเอาไว้ ขนคิ้วเป็นแพดกหนา มีความอบอุ่นอยู่ในดวงตาสีนิลประกายรำเพยอดเสียดายอนาคตของเขาขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่น่ามายึดอาชีพนี้“ข้างนอกฝนกำลังตกหนักครับ” เขาชวนเธอคุย “พี่รู้…” เธอตอบเรียบๆ พยายามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ดูตื่นเต้นจนเกินไป ที่รู้ว่าฝนตกก็เพราะเธอเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาได้ไม่นาน ซึ่งตอนนั้นฝนก็ลงหนักแล้ว แม้ตอนที่กำลังคุยกัน ฝนก็ยังเปาะเปะ พิรี้พิไรไม่ขาดสาย “เอ่อ…” รำเพยเก้ๆกังๆ ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอะไรก่อนชายหนุ่มดึงบุหรี่หนึ่งมวนออกมาจากซอง คาบไว้ด้วยริมฝีปาก เสยผมหนึ่งที ค่อยๆตะแคงใบหน้าจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็คอย่างใจเย็น รู้สึกแปลกใจที่เห็นความประหม่าในแววตาของผู้หญิงตรงหน้า“ผมชื่อตะวันนะครับ จำได้ว่าบอกไปแล้ว ตอนที่แชทกัน แต่พี่อาจจะลืม”“ค่ะ” บางจังหวะเธอก็พูดแทบจะนับคำ “ทำตัวตามสบายนะครับ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องรีบร้อน” เขากล่าวยิ้มๆ ให้กำลังใจเธอ เหมือนรู้เท่าทันอาการตื่นเต้นของรำเพย“ขอพี่อาบน้ำเดี๋ยวนะ” เธอว่า“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ก้าวไปทรุดกายรอบนโชฟาร์รำเพยพาร่างหายลับเข้าไปในห้องน้ำ ครู่สั้นๆก็กลับออกมาใ