ยังไม่ทันที่หลินปิงจะเข้าใจอะไร ในห้องก็พลันปรากฏแรงดึงดูดอันรุนแรง ดูดร่างของเธอเข้าไปทันทีปัง!ประตูปิดลงโดยอัตโนมัติไม่นาน เสียงของหลินปิงก็ดังออกมาจากในห้อง เป็นเสียงผสมระหว่างความโกรธกับการร้องขอความเมตตา ดังอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน…เย่ซิวจัดการผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้อย่างสาสม แล้วถึงได้ยอมปล่อยเธอไปหลินปิงหนีออกไปทันทีก่อนจะไป เธอหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาอาฆาตแค้นไม่รู้จบแต่เย่ซิวไม่ใส่ใจเลยสักนิดหากพลังไม่พอ ต่อให้จะอาฆาตมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าแล้วจะทำอะไรได้?เย่ซิวนำภาพร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนจะลูบเบา ๆ บนผิวมัน จากนั้นก็ส่งพลังจิตเข้าสู่ภายในด้านในเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกลางพื้นที่นั้นมีร่างหญิงสาวรูปร่างงดงามนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั่วร่างของพวกเธอกำลังปล่อยไอสีดำออกมาเหล่าดวงวิญญาณของหญิงสาวหนึ่งร้อยคนต่างหันหน้าไปทางร่างของตน แล้วอ้าปากดูดกลืนไอสีดำเข้าสู่ร่าง ก่อนจะเริ่มกระบวนการกลั่นพลังกระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า“คารวะคุณชาย”“ทำไมคุณชายถึงมาที่นี่ได้ ที่นี่มีมลทินรุนแรงมาก เกรงว่าจะส่งผลไม่ดีต่อท่าน”เย่ซิวส่ายหน้า “ไม่ต้องห่
เขาเห็นหลินปิงถือกับแกล้มอยู่ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือขวดเหล้าหลายขวดด้านหลังของเธอมีหญิงงามหกคนยืนเรียงกัน แต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตน ไม่ว่าจะเป็นแนวใสซื่อหรือเย้ายวนเย่ซิวเข้าใจทันทีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่แต่เธอไม่มีทางทำสำเร็จหรอกขนาดเฉินอิ๋งอิ๋งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แล้วพวกเธอจะทำอะไรเขาได้?หลินปิงวางของไว้ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นพูดขึ้นว่า “พี่สาวหกคนนี้ได้ยินว่าคุณรอดกลับมาจากท่านอาจารย์ เลยเลื่อมใสคุณชายเย่ซิวมาก เลยอยากมาขอเรียนรู้สักหน่อย คุณชายเย่ซิวคงไม่หวั่นหรอกใช่ไหม”ผู้หญิงทั้งหกมีพลังในระดับถอดจิตแต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ประจำตัวที่เย้ายวนโดยธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นคนไหน หากออกไปปรากฏตัวภายนอก ก็คงทำให้ผู้ชายมากมายคลั่งไคล้ได้สิ่งที่หลินปิงทำในครั้งนี้ เธอได้ขออนุญาตจากเฉินอิ๋งอิ๋งเรียบร้อยแล้วถึงได้กล้าพามาเย่ซิวมองเธอพลางยิ้ม “ฉันไม่หวั่นหรอก งั้นเธอก็มาร่วมด้วยสิ”หลินปิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที ในดวงตาฉายแววระแวดระวัง “ขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณเล่นกันไปเลย ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนค่ะ”พูดจบก็รีบหนีออกไปทันทียังไม่วายปิดประตูห้องให้ด้วยแต่เ
เย่ซิวมองผู้หญิงที่ไม่เคยลงรอยกับเขาคนนี้ “ฉันบอกอาจารย์ของเธอไปแล้วนะ จากนี้ไปเธอมีหน้าที่คอยดูแลปรนนิบัติฉันโดยเฉพาะ”“เพ้อเจ้อ ท่านอาจารย์ไม่มีทางยอมในเรื่องแบบนี้แน่นอน” หลินปิงถึงกับสบถด้วยความโกรธ “หลีกไป ฉันจะไปหาท่านอาจารย์เอง”เย่ซิวหยิบตราที่เฉินอิ๋งอิ๋งให้เขาออกมา แล้วโบกให้เธอดูตรงหน้า “นี่เป็นของที่อาจารย์เธอให้ฉันมา เธอน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”เมื่อเห็นตรา ร่างของหลินปิงถึงกับสั่นสะท้านจากนั้นก็ร้องกรี๊ดออกมาเสียงแหลม “ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด ท่านอาจารย์จะยกฉันให้คนเลวแบบนายได้ยังไง”เธอไม่อาจยอมรับความจริงได้เลย“ถอยไป ฉันจะไปถามท่านอาจารย์ให้รู้เรื่อง”อารมณ์ของหลินปิงปะทุขึ้นจนถึงขีดสุด แถมร่างกายยังแผ่จิตสังหารออกมาอย่างชัดเจนแต่ก่อนที่เธอจะได้ลงมือ เสียงของเฉินอิ๋งอิ๋งก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ“เขาพูดถูกแล้ว จากนี้ไปเธอต้องคอยปรนนิบัติเขา”สีหน้าของหลินปิงซีดเผือดในทันที ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา “ท่านอาจารย์ ทำไมกัน? ทำไมกันล่ะคะ?! ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์ที่อาจารย์รักที่สุดเหรอ ทำไมถึงผลักฉันลงไปในนรกแบบนี้”เรื่องนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้กับเธออย่างรุ
เฉินอิ๋งอิ๋งเช็ดริมฝีปากเบา ๆ “ถือว่านี่คือคำขอบคุณของฉันก็แล้วกัน ถ้าไม่มีนาย พลังของฉันก็คงไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ในเวลาอันสั้นหรอก”ตอนนี้ต่อให้เธอจะกลับไปยังสำนักสหัสราคะโดยไม่ต้องพึ่งแม่ของตัวเอง ก็ยังสามารถเป็นผู้อาวุโสได้ด้วยตัวเองแถมยังไม่ใช่ผู้อาวุโสลำดับล่างอีกด้วยเย่ซิวเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเฉินอิ๋งอิ๋งจะทำเรื่องแบบนั้นผ่านไปสักพัก เขาจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ระหว่างเราก็ถือว่าเคลียร์กันแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปได้หรือยัง”เฉินอิ๋งอิ๋งยกยิ้มมุมปาก “ขอโทษด้วยนะ นายยังไปไม่ได้ จากนี้ไปนายต้องอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลาเพื่อช่วยฉันฝึกฝน”เย่ซิวขมวดคิ้ว “เธอนี่มันคนอกตัญญูชัด ๆ”“ไม่หรอก เมื่อกี้ฉันก็ตอบแทนนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”เย่ซิว “...”โถ่ นี่สินะ จุดที่รออยู่จริง ๆเย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกเขาลูบตรงจุดที่เธอตบไปก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลยพลังของผู้หญิงคนนี้ยังเหนือกว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่ง ในตอนนี้จะต่อต้านก็ทำไม่ได้แต่ถ้าเย่ซิวทะลวงเข้าสู่ระดับปฐมญาณได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถสลัดการควบคุมของเธอได้เช่นกันในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ในระยะนี้ เย่ซิวก็เล
เมื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามสำเร็จ วิชาโลกีย์หลอมเซียนก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นสมดุลระหว่างเขากับเฉินอิ๋งอิ๋งก็พังทลายลงในพริบตา“อ๊า…”เธอร้องเสียงเล็ก ๆ ออกมาอย่างตกใจ รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้วความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจอย่างมิอาจควบคุมหรือว่าเย่ซิวกำลังใช้วิชาที่ทรงพลังยิ่งกว่าเธอ และจะดูดกลืนพลังบำเพ็ญที่เธอฝึกฝนมานานหลายปีไปทั้งหมด?!แต่ทิศทางของเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิดไว้เย่ซิวไม่ได้ดูดกลืนพลังบำเพ็ญหรือพลังชีวิตของเธอ แต่กลับก่อให้เกิดกระแสพลังหมุนเวียนที่แข็งแกร่งมหาศาลขึ้นกระแสพลังนี้โคจรผ่านร่างของทั้งสองคน และทุกครั้งที่โคจรผ่าน พลังของทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เฉินอิ๋งอิ๋งเบิกตากว้างด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่นาน เธอก็ไม่สามารถคิดเรื่องพวกนี้ได้อีกแล้วตอนนี้จิตใจเธอจดจ่ออยู่กับการซึมซับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวดของตนเองเธอไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเย่ซิวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่วิชาโลกีย์หลอมเซียนเข้าสู่ระดับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพหรือระดับพลัง ก็ล้วนยกระดับขึ้นทั้งหมดพ
เย่ซิวเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอเตรียมมาทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้เขาทนได้นานขึ้นอีกสักหน่อย แต่เขาเองก็มั่นใจในตัวเองไม่น้อยตามที่เฉินอิ๋งอิ๋งสั่งไว้ เย่ซิวนอนลงบนเตียงที่สร้างจากศิลาสุริยัน ทันใดนั้นก็มีพลังความร้อนไหลซึมเข้าสู่ร่างกายหากได้อยู่บนเตียงเช่นนี้นานพอ ก็จะเป็นผลดีต่อการเพิ่มพูนพลังของตนเองเช่นกันจากนั้นก็เห็นเฉินอิ๋งอิ๋งประสานมือร่ายอาคม และใช้วิชาสุดแกร่งที่เธอฝึกฝนมานานหลายปี หมอกสีชมพูจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากรูขุมขนของเธอ ก่อนจะรวมตัวกลายเป็นอักขระโบราณจำนวนนับไม่ถ้วน ห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้แล้วก็…เพียงแค่เริ่มต้น เย่ซิวก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อยวิชาที่เฉินอิ๋งอิ๋งฝึกนั้นช่างทรงพลังเกินคาด ราวกับจะสูบพลังของเขาไปจนหมดสิ้นเพียงชั่วพริบตาเขาไม่อาจชะล่าใจแม้แต่น้อย จึงรีบเร่งหมุนเวียนวิชาโลกีย์หลอมเซียนขึ้นมาต้านทานทันที กลายเป็นแรงต่อต้านที่สมน้ำสมเนื้อกับอีกฝ่ายเฉินอิ๋งอิ๋งเองก็ตกใจไม่น้อย สีหน้าสงบนิ่งในตอนแรกหายวับไปในพริบตา “วิชาอะไรของนาย? ทำไมถึง…” เธอไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยวิชาที่เธอฝึกนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่ได้มาจากถ้ำของยอดฝีมือคนหน