“ฉันจะกัดนายให้ตายเลย!”ชูตงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอัดอั้นจูบแรกที่เธอถนอมรักษาไว้อย่างดีตลอดหลายปีกลับต้องเสียไปให้กับผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดทันทีที่เย่ซิวปล่อยตัวเธอ เธอก็ก้มลงกัดแขนของเขาเต็มแรงอย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ซิวแล้วมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้เธอกัดไปตามใจชอบแต่เมื่อผ่านไปสามสี่นาทีเธอก็ยังไม่ยอมปล่อย เย่ซิวจึงเริ่มไม่พอใจ “พอได้แล้ว ปล่อยได้แล้ว”ถ้าเป็นคนธรรมดาคงโดนกัดจนเนื้อขาดไปแล้ว แต่ชูตงกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยสักนิด แถมยังทำหน้าจริงจังเหมือนตั้งใจจะกัดไปจนวันสิ้นโลกเย่ซิวขมวดคิ้ว “ถ้ายังไม่ปล่อย ระวังผลที่ตามมานะ”แต่เธอก็ยังคงกัดแน่นไม่ยอมปล่อยเย่ซิวเอื้อมมือไปจี้ที่ใต้รักแร้ของเธอ ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกและปล่อยปากออกในทันทีจากนั้นเย่ซิวก็จับตัวเธอพาดบ่าพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องนอนคราวนี้ชูตงเริ่มตกใจ พยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ปล่อยฉันนะ เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง”เย่ซิวยิ้มเย็น เขาให้โอกาสแล้วแต่เธอกลับไม่รู้จักคว้าไว้ จึงโทษใครไม่ได้เมื่อระยะห่างจากห้องนอนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ชูตงก็ยิ่งหวาดกลัวจนยอมลดท่าทีลงพร้อมกับอ้อนวอน “ข
น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบนิ่งราวกับไม่ได้พูดถึงการฆ่าคน แต่เป็นเพียงการบดขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้นแม้จะเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่เย่ซิวก็อดชื่นชมชายคนนี้ไม่ได้เขาเป็นคนที่บริสุทธิ์ใจจนเย่ซิวเกิดความรู้สึกอยากรับเขาไว้เป็นพวก แต่เขาก็รู้ดีว่าคนเช่นนี้ไม่มีทางเปลี่ยนเจตจำนงของตัวเองได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากชักชวนเย่ซิวลุกยืนตรงด้วยสีหน้าจริงจัง “จัดมาเลย ฉันจะให้นายได้ตายอย่างสมเกียรติ”ชายคนนั้นเริ่มลงมือทันทีกระบี่ไม้ในมือถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์ส่องกระทบใบกระบี่ที่ฟันลงมากระแสกระบี่ที่แหลมคมดุจเส้นลวดพุ่งทะลวงออกไปอย่างรุนแรงความเร็วของกระบี่นี้รวดเร็วจนตามองแทบไม่ทัน อีกทั้งพลังยังถูกควบคุมไว้อย่างมิดชิดจนไม่อาจสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนได้เลยเย่ซิวเอ่ยชมด้วยความทึ่ง “วิชากระบี่ของนายใกล้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว หากฝึกฝนต่อไปอีกสักสิบปีเกรงว่านายคงกลายเป็นจ้าวกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแน่”กระบวนท่ากระบี่ของชายคนนั้นแฝงไปด้วยความลึกซึ้งเกินหยั่งถึง ในเสี้ยววินาทีที่ฟาดฟันลงมา ปราณกระบี่ถูกอัดแน่นถึงเก้าชั้น ซึ่งแม้แต่เย่ซิวในตอนนี้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเหมือนการอัดแผ่นหินข
เย่ซิวทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชายคนนั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว เขาได้ทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดลงไปในกระบวนท่าสุดท้ายเมื่อครู่ไปหมดสิ้น เพื่อให้สามารถสร้างบาดแผลแก่ผู้มีพลังระดับสร้างรากฐานปราณขั้นสูงสุดอย่างเย่ซิวได้เย่ซิวใช้นิ้วชี้แตะลงไปตรงตำแหน่งหัวใจของชายคนนั้น ก่อนจะส่งพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อผนึกชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยไว้“ฉันสนใจกระบวนท่ากระบี่สะบั้นโลกันตร์ของนาย รวมถึงวิธีการบีบอัดพลังกระบี่เมื่อกี้ด้วย นายจะถ่ายทอดให้ฉันได้ไหม วิชานี้จะได้ไม่สูญหายไป”ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนพยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวค่อย ๆ ประคองเขาไปพิงกับกำแพงอย่างระมัดระวัง ชายคนนั้นหอบหายใจหนัก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชากระบี่สองกระบวนท่าที่เขาเชี่ยวชาญให้แก่เย่ซิวเย่ซิวตั้งใจฟังเงียบ ๆ โดยไม่ขัดจังหวะต้องยอมรับว่าชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะด้านวิถีกระบี่อย่างแท้จริง วิธีฝึกฝนสองกระบวนท่านี้ช่างล้ำลึกและแปลกประหลาดจนแม้แต่เย่ซิวก็ยังนึกไม่ถึงหลังจากชายคนนั้นถ่ายทอดทุกอย่างเสร็จสิ้น เย่ซิวกำลังจะถามชื่อเขาแต่ก็พบว่าชายผู้นั้นได้สิ้นใจไปแล้วเย่ซิวจับ
เย่ซิวนั่งจ้องมองหญิงสาวบนเตียงน้ำแข็งนานกว่าสิบนาที ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหลจนเกิดความคิดอยากจะอยู่เฝ้าที่นี่ไปชั่วชีวิตเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะละสายตาได้ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น ตั้งจิตสำรวจตัวเอง ฝึกฝนจิตใจและเสริมสร้างความมุ่งมั่นของตนเองอย่างเงียบ ๆ โดยใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะสงบใจได้การเสริมสร้างความมุ่งมั่นยังช่วยพัฒนาและเพิ่มพูนพลังจิตได้อีกด้วยเย่ซิวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังจิตของตนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต้องรู้ก่อนว่าการเพิ่มพูนพลังจิตนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่มีวิชาใดที่ช่วยได้จากนั้นเขาก็เริ่มดึงพลังงานจากเตียงน้ำแข็งและเข้าสู่การฝึกฝน……หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการฝึกของเขาเย่ซิวเก็บเตียงน้ำแข็งและรับสายโทรศัพท์หลังจากฟังปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็วางสายไปเป็นสายโทรเข้ามาจากเวินหว่านเอ๋อร์ ซึ่งแจ้งว่าเธอได้ที่อยู่ของหลิวคุนแล้ว พร้อมบอกพิกัดให้เขาทราบทันทีที่วางสาย ร่างของเย่ซิวก็หายวับไปจากตรงนั้นทันทีในเมืองหลวง ภายในคาราโอเกะหรูหราแห่งหนึ่งภายนอกดูเหมือนเป็นแค่คาราโอเกะทั่วไป แต่แท้จริงแล้
"กรี๊ดดด!!!"ผู้หญิงสองคนในห้องส่วนตัวเองก็กรีดร้องขึ้นมา แต่ที่มากยิ่งกว่านั้นคือความโกรธชายคนนี้ถึงกับขัดขวางการทำงานของพวกเธอแต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ในดวงตาของผู้หญิงทั้งสองคนก็ปรากฏดาวดวงเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนว้าว ผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อยิ่งกว่าดาราในวงการบันเทิงพวกนั้นเสียอีกเย่ซิวยืนอยู่ที่ประตูและมองไปที่ผู้หญิงทั้งสองคน "แต่งตัวแล้วออกไปจากที่นี่"เนื่องจากเย่ซิวหล่อมาก ผู้หญิงทั้งสองคนจึงมีความคิดที่จะให้บริการฟรีแก่เขาพวกเธอเชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนใดจะสามารถปฏิเสธตัวเองได้ดังนั้นจึงยืนขึ้น และบิดเอวเซ็กซี่ของตัวเอง เดินเข้าไปหาเย่ซิวทีละก้าว ๆกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกลอยมากระทบใบหน้าผู้หญิงทั้งสองคนกำลังเตรียมที่จะใช้กำลังทั้งหมดเพื่อจับชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอคนนี้โดยไม่คาดคิดเย่ซิวจับจ้องไปที่พวกเธอด้วยสายตาแสนเย็นชา เพียงการมองแค่ครั้งเดียวของเขา ก็ทำให้ไฟปรารถนาในตัวของพวกเธอหายวับไปอย่างสมบูรณ์ ร่างทั้งร่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น“ไสหัวไป!”ผู้หญิงทั้งสองคนไม่กล้าเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก พวกเธอเกือบจะคลานลงไปเก็บเสื้อผ้าที่พื้น แล้วหนีออกไปอย่างทุลักทุเลหล
เนื่องจากไม่ได้ปิดซ่อนออร่าไว้ ดังนั้นเซี่ยซิ่วซิ่วจึงสัมผัสได้ในทันทีเธอหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นเย่ซิวก็โยนแล็ปท็อปทิ้ง แล้วโผขึ้นไป กระโดดเบา ๆ ก็กระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวเย่ซิวใช้ขายาวคู่นั้นพันรอบเอวของเย่ซิ่วไว้ แค่นเสียงฮึ่มที่แสนออดอ้อนออกมา "ฉันรอนายนานมาก สมควรถูกลงโทษ"เย่ซิวยิ้มอย่างรักใคร่ "ขอโทษที ทำให้คุณต้องรอนานแล้ว อีกเดี๋ยวผมจะชดเชยให้คุณอย่างเต็มที่เลย"เซี่ยซิ่วซิ่วกัดริมฝีปากสีชมพูของเธอเบา ๆ และถามอย่างรู้อยู่แก่ใจว่า "นายจะชดเชยให้ฉันยังไง?"เย่ซิวใช้มือดึงหูของเธอ "คืนนี้ผมจะให้คุณก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้า"“อ้า...” เซี่ยซิ่วซิ่วร้องอุทานออกมา ชักจะตั้งตารอเล็กน้อยแล้ว แต่ก็กลัวอยู่บ้างเหมือนกัน "นั่นไม่เท่ากับฉันต้องบำเพ็ญตนตลอดทั้งสัปดาห์เลยเหรอ ฉันจะไหวได้ยังไง"ตอนนี้เธอเป็นจอมยุทธ์ระดับแปด ภายใต้สถานการณ์ปกติ จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้นจริง ๆแต่ตอนนี้เย่ซิวมีทรัพยากรเหลือเฟือแล้ว บวกกับด้วยความช่วยเหลือจากน้ำพุวิญญาณ ในด้านของเวลาจึงสามารถย่นให้สั้นลงได้เขาอุ้มเซี่ยซิ่วซิ่วเดินไปที่ข้างเตียง ก้มตัวแล้ววางเธอลงไปเย่ซิวหยิบกาน้ำขนาดใหญ่มา และเติม
วันนี้เย่ซิวให้พวกเธอทั้งหมดลางาน ไม่สามารถไปทำงานได้เลย เพราะฝึกตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แม้ร่างกายจะไม่ล้า แต่จิตใจรู้สึกเหนื่อยล้ามากเพื่อรักษาประสิทธิภาพของพลังต่อสู้และยกระดับความแข็งแกร่งให้พวกเธอไปในเวลาเดียวกัน เย่ซิวจึงได้นำน้ำพุวิญญาณจำนวนห้าสิบกิโลกรัมออกมาและเติมใส่เข้าไปไม่ขาดเวลาล่วงมาจนถึงตอนกลางคืน ความแข็งแกร่งของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดลู่เสวี่ยเอ๋อร์มาถึงจอมยุทธ์ขั้นต้นระดับเก้าแล้วหลิ่วเมิ่งอิ๋นมาถึงขั้นสูงระดับแปดไป๋อวี้เจี๋ยมาถึงขั้นต้นระดับแปดหลัวอีอีกลับมาถึงขั้นกลางระดับหกการเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งนี้เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง แถมยังไม่มีอันตรายแม้เพียงนิดด้วยหลังจากบำเพ็ญตนอย่างหนักยกหนึ่ง สาว ๆ ไม่กี่คนก็หลับสนิทเย่ซิวช่วยห่มผ้าห่มให้พวกเธอ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเขาได้รับข้อความเยอะมาก ในบรรดาทั้งหมดนั้นมีข้อความซึ่งเกี่ยวกับที่หลิวคุนโอนทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขามาด้วยเขาส่งข้อความถึงเวินหว่านเอ๋อร์ทันที เพื่อขอให้เธอขายทรัพย์สินเหล่านี้เงินที่แลกเปลี่ยนมาจะถูกโอนเข้าบัญชีของบริษัท......ทางตอนเ
เฉินซิ่วน่าพยักหน้าและเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินออกไปข้างนอกการเดินทางไปยังเมืองข้าง ๆ ของเธอในครั้งนี้ ก็เพื่อไปทำเรื่องใหญ่และพบปะกับบุคคลที่สำคัญมากบุคคลหนึ่งถ้าเธอทำสำเร็จได้ เช่นนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนการใหญ่ในใจเธอก็จะเป็นจริงก่อนขึ้นรถ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามและพูดด้วยเสียงที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน“คุณเย่ บุญคุณที่คุณมีต่อฉันฉันจดจำมันไว้ในใจตลอด รอครั้งหน้าเมื่อเราพบกัน ฉันจะมอบเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้กับคุณอย่างแน่นอน ”......เย่ซิวแต่งตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูจากนั้นเขาก็มาถึงอีกห้องหนึ่งที่เซี่ยชิงชิงพักอยู่ประตูปิดอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เคาะประตู แต่ใช้วิชาทะลุกำแพงทะลุผ่านเข้าไปโดยตรงภายในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้ บรรยากาศจึงน่าขนลุกเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เห็นเซี่ยชิงชิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างทำท่าประสานแปลก ๆข้างหน้าเธอ มีเตาทองแดงขนาดเท่ากาน้ำใบหนึ่งวางอยู่ในเตาทองแดง ตะขาบ งูพิษ คางคก และสิ่งที่มีพิษอื่น ๆ กำลังกัดกินกัน จากนั้นปลดปล่อยก๊าซสีดำออกมาซึ่งก็ถูกเธอดูดซับไว้ทันใดนั้นเซี่ยชิงชิงรู้สึกใจวูบโหวง เธอเงยหน้าขึ้นและเห
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน