Share

บทที่ 2

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของหลู้เหวินโจวก็เย็นชาลงทันที

ดวงตาดำขลับสุดลึกล้ำจ้องมองไปที่เฉียวอี

“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันจะไม่แต่งงาน ถ้ารับไม่ได้ ก็อย่าตกลงแต่แรก”

หางตาของเฉียวอีแดงก่ำ “เพราะว่าตอนแรกมันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสามไปแล้ว”

“เธอไม่ได้คุกคามเธอ”

เฉียวอียิ้มให้กับตัวเอง

"เธอโทรมาแค่สายเดียวก็ทำให้คุณทิ้งฉันไว้ตามลำพังได้ ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย หลู้เหวินโจว คุณบอกฉันหน่อยสิ ว่ายังไงถึงจะเรียกว่าคุกคาม"

ความโกรธในดวงตาของหลู้เหวินโจวนั้นชัดเจน:"เฉียวอี แค่ปวดท้องประจำเดือนทำไมเธอต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย?"

“แล้วถ้าฉันท้องล่ะ?”

"อย่าพยายามเอาเรื่องลูกมาเป็นข้อแก้ตัว ฉันป้องกันดีทุกครั้ง!"

น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

ถ้าลูกนั้นยังอยู่ เขาก็คงจะลากเธอไปเอาออกซะ

ภาพเพ้อฝันเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ในใจของเฉียวอีก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

มือทั้งสองข้างของเธอกำหมัดเอาไว้แน่น จนเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้ว่าเล็บจะเจาะเข้าไปในเนื้อของเธอแล้วก็ตาม

เธอยกคางขึ้น และยิ้มอย่างขมขื่น

“คุณเคยพูดเอาไว้ว่า เราอยู่ด้วยกันจะคุยกันแต่เรื่องความรู้สึกเท่านั้น และไม่คุยเรื่องแต่งงานกัน ถ้าวันไหนที่มีคนหนึ่งเบื่อแล้ว เราคบกันและเลิกกันได้ง่าย ๆ เลย”

หลู้เหวินโจว ฉันเบื่อแล้ว เราเลิกกันเถอะ!"

เธอพูดออกมาอย่างชัดเจนและรัดกุม อย่างไม่เยิ่นเย้อ

แต่ไม่มีใครรู้ ว่าขณะนี้มีเลือดสูบฉีดออกมาจากหัวใจของเธอ

เส้นเลือดที่หลังมือของหลู้เหวินโจวโป่งขึ้นมา และเขาก็จ้องมองเฉียวอีอย่างดุเดือด

“เธอรู้ผลของการพูดแบบนี้ไหม!”

“ฉันรู้ว่าการพูดแบบนี้ออกมาจากของฉันมันทำให้คุณไม่พอใจเอามาก ๆ แต่หลู้เหวินโจว ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันไม่ต้องการความรักแบบคนสามคน”

ในอดีตเธอคิดในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นจริงได้มากเกินไป โดยมักจะคิดอยู่เสมอว่าตราบใดที่คนสองคนรักกัน ก็ไม่สำคัญว่าจะต้องแต่งงานกันหรือไม่

แต่เธอคิดผิดไป เพราะหัวใจของหลู้เหวินโจวไม่เคยอยู่ที่เธอเลย

หลู้เหวินโจวบีบคางของเฉียวอี

“จะบังคับให้ฉันแต่งงานกับเธอด้วยวิธีนี้เหรอ? เฉียวอี เป็นฉันที่ประเมินเธอต่ำไป หรือเธอคิดว่าตัวเองแน่มากเกินไป”

เฉียวอีมองเขาด้วยความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง "ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร วันนี้ฉันก็จะย้ายออกไปจากที่นี่"

พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นจากเตียง และกำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกหลู้เหวินโจวดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

ริมฝีปากที่เปียกและร้อนกัดเข้าที่ริมฝีปากของเธออย่างแม่นยำ

เสียงอันน่าดึงดูดที่ทุ้มลึกก็ดังขึ้นมาพร้อมกับความเยือกเย็น

“หลังจากที่แยกทางกับฉันแล้ว ไม่กลัวหรือว่าตระกูลเฉียวจะย้อนกลับไปเป็นดั่งอดีต? นี่คือสิ่งที่เธอใช้ความเยาว์ทั้งสามปีแลกมานี่”

ทันใดนั้นสมองของเฉียวอีก็เหมือนดั่งเกิดระเบิดขึ้นมา และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“คุณพูดให้ชัดเจนว่าความเยาว์ทั้งสามปีมันคืออะไร?”

แล้วปลายนิ้วอันเย็นเฉียบของหลู้เหวินโจวก็บดขยี้รอยกัดบนริมฝีปากของเธออย่างไม่ใส่ใจ และยิ้มขึ้นตรงมุมริมฝีปากของเขาอย่างเยาะเย้ย

“เธอวางกับดักให้ฉันช่วยเธอ และเต็มใจที่จะติดตามฉันแม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยพ่อของเธอกอบกู้ตระกูลเฉียว แล้วเธอมีเหตุผลอื่นใดที่จะให้ฉันเชื่อหรือเปล่าล่ะ?"

เมื่อสามปีที่แล้วตระกูลเฉียวต้องเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หลังจากที่หลู้เหวินโจวคบกับเธอ เขาก็ช่วยให้ตระกูลเฉียวมีธุรกิจมากมาย และหลุดพ้นจากวิกฤติมาได้

ในตอนนั้นเธอคิดว่าหลู้เหวินโจวชอบเธอ ดังนั้นจึงเต็มใจที่จะช่วยเหลือ

เฉียวถามด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาว่า “ดังนั้นในช่วงสามปีมานี้ ความเมตตากรุณาทั้งหมดที่คุณมีต่อฉันก็เป็นเพียงเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ อยู่เลยอย่างงั้นเหรอ?”

หลู้เหวินโจวโกรธมากกับคำพูดของเฉียวอีจนเส้นเลือดที่หน้าผากของเขาพุ่งขึ้นมา

เขากัดฟันพูดขึ้นว่า: "เกมที่ใช้ท้องน้อยไม่ได้ใช้ใจ เธอคิดว่าฉันจะจริงจังกับมันเหรอ?"

ประโยคสั้น ๆ นี้ทำให้ใจของเฉียวอีเจ็บปวด

เธออุทิศตนอย่างสุดซึ้งมาเป็นเวลาสามปี แต่ได้รับการปฏิบัติจากหลู้เหวินโจวเสมือนเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินกับเซ็กส์

เธอเป็นเพียงคนเดียวที่โง่ที่คิดไปว่าเขาจะรักเธอ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉียวอีก็รู้สึกราวกับว่าผิวหนังในทุกตารางนิ้วของเธอกำลังถูกสุนัขล่าสัตว์ฉีกเป็นชิ้น ๆ อยู่

แล้วความเศร้าโศกในดวงตาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ความเยาว์สามปีก็น่าจะเพียงพอที่จะตอบแทนน้ำใจของประธานหลู้ได้แล้ว ตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว จากนี้ไป เราก็ต่างคนต่างอยู่กันอย่างสันติ!”

หลู้เหวินโจวจ้องมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ดื้อรั้นของเฉียวอีด้วยความโกรธในดวงตาของเขาที่เริ่มรุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ

“เฉียวอี ฉันจะให้เวลาเธอคิดทบทวนให้ชัดเจนหนึ่งคืน แล้วค่อยมาคุยกับฉัน!”

ชายหนุ่มหันหลังกลับและเดินออกไปพร้อมกับรัศมีที่เย็นชา

เฉียวอีถูกทิ้งให้ขดตัวอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ก็ไหลลงมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

ความรักเจ็ดปีของเธอ และการดูแลอย่างพิถีพิถันตลอดสามปีของเธอ ได้กลายเป็นข้อตกลงที่คลุมเครือในสายตาของหลู้เหวินโจว

ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ใครหวั่นไหวก่อน คนนั้นก็จะแพ้

ยิ่งไปกว่านั้นเธอนั้นตกหลุมรักหลู้เหวินโจวเมื่อสี่ปีก่อน

เธอจึงพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ และเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้

หลังจากที่เฉียวอีเศร้า เธอก็เก็บสัมภาระและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

——

ในอีกฝั่ง

รถโรลส์-รอยซ์ คัลลิแนนสีดำได้พุ่งทะยานผ่านถนนอันเงียบสงบไปราวกับสายฟ้า

ในหัวของหลู้เหวินโจวเต็มไปด้วยท่าทางอันเด็ดเดี่ยวของเฉียวอีที่พูดคำว่า'เราเลิกกันเถอะ'ออกมา

เพียงเพราะว่าไม่ได้ฉลองวันเกิดกับเธอ เพียงเพราะความหึงหวง

เธอถึงได้จะเลิกกับเขา

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องดูแลคนเจ้าแง่แสนงอนนี้ให้ดี

หลู้เหวินโจวโกรธมากจนฉีกเนคไทและโยนมันทิ้งไป

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาหลายครั้งกว่าเขาจะรับสาย

"มีอะไร?"

เสียงคนเสเพลดังมาจากสายอีกด้านหนึ่ง

“ทำอะไรอยู่ ไม่รับโทรศัพท์เสียตั้งนาน”

"ขับรถ!"

ซู่เหยียนจือหัวเราะอย่างชั่วร้าย:"ขับรถคันไหนล่ะ? คันของเลขาเฉียวเหรอ? ฉันรบกวนนายหรือเปล่า?"

“นายว่างมากเหรอ?”

"เปล่า ฉันก็แค่ถามดู คลับไนท์บาร์มาเปล่า? อาเฉินเลี้ยง"

สิบนาทีต่อมา

ณ คลับไนท์บาร์

ซู่เหยียนจือยื่นแก้วเหล้าให้หลู้เหวินโจว แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์

“หน้าจะลากพื้นอยู่แล้ว เป็นอะไร เลิกกับเฉียวอีแล้วเหรอ?”

หลู้เหวินโจวจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา"ไม่เคยเห็นคู่รักหนุ่มสาวที่แง่งอนกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์เหรอ?"

“อุ๊ย! นายหลงรักใครคนหนึ่งมานานแล้วเหรอ?”

ซู่เหยียนจือจงใจเน้นคำบางคำ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ดูดุร้ายและเสเพล

หลู้เหวินโจวเตะเขาอย่างไร้ความปราณี:"ออกไป!"

“ได้ ฉันจะไป แต่อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายนะ ถ้าคุณชอบเฉียวอี ก็ขีดเส้นตายกับซ่งชิงหยาให้มันชัดเจน อย่ารีบไปหาเธอเพียงโทรมาแค่สายเดียวแบบนั้นอีก พอถึงเวลานั้นที่เมียของนายหายไปแล้วก็อย่ามาร้องไห้กับฉันก็แล้วกัน”

หลู้เหวินโจวขมวดคิ้ว:"ฉันบอกเธอไปแล้วว่าเธอไม่อาจคุกคามอะไรเธอได้ แต่เธอไม่เชื่อ"

"น่าจะผู้หญิงคนไหนก็ไม่เชื่อหรอก ซ่งชิงหยาเป็นคู่รักในวัยเด็กของนาย และหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก นายเคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่สามารถทนให้ผู้ชายของเธอไปหาคนรักในวัยเด็กของเขาได้ตลอดเวลาหรือเปล่าล่ะ?"

หลู้เหวินโจวหยิบบุหรี่ออกมาจากซองบุหรี่ ลดศีรษะลงแล้วจุดบุหรี่ ก่อนจะสูบเข้ามาลึก ๆ และช้า ๆ

ม่านตาสีเข้มก็ขุ่นมัวลงมาทันที

“ฉันกับเธอ…...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกผลักให้เปิดออก

ซ่งเยี่ยนเฉินเข้ามาพร้อมกับจูงมือซ่งชิงหยาเข้ามาด้วย

“ขออภัย วันนี้ชิงหยาอารมณ์ไม่ดีฉันพาเธอมาด้วย พวกนายไม่รังเกียจใช่ไหม”

ซู่เหยียนจือเหลือบมองไปที่หลู้เหวินโจวที่มีสีหน้าเศร้าหมอง แล้วหัวเราะเยาะขึ้นมา

"จะรังเกียจได้อย่างไร น้องสาวนายก็คือน้องสาวฉัน ชิงหยา มานั่งกับพี่เหยียนจือทางนี้สิ"

รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งชิงหยานั้นอ่อนโยนและเรียบง่าย ซึ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา “คุณอยู่หน้าเครื่องปรับอากาศ มันหนาวเกินไปค่ะ ฉันนั่งอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วค่ะ”

พูดจบ เธอก็นั่งลงข้าง ๆ หลู้เหวินโจว

จากนั้นก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่ละเอียดอ่อนออกมาจากกระเป๋าแล้ววางไว้ตรงหน้าของหลู้เหวินโจว

“พี่เหวินโจวคะ คราวที่แล้วพี่ต้องพลาดวันเกิดแฟนไปเพราะช่วยฉันเอาไว้ เธอไม่ได้โกรธพี่ใช่ไหมคะ?”

หลู้เหวินโจวพูดอย่างใจเย็นว่า:"ไม่"

“งั้นก็ดีค่ะ นี่คือลิปสติกที่ฉันฝากให้เธอแทนคำขอโทษค่ะ หากเธอเข้าใจผิดอะไร ฉันสามารถไปอธิบายต่อหน้าเธอให้ได้นะคะ”

หลู้เหวินโจวปฏิเสธอย่างไม่แม้แต่จะมอง

"ไม่ต้องหรอก"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของซ่งชิงหยาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที

“พี่เหวินโจว พี่โทษฉันที่ไปรบกวนพี่อยู่ตลอดหรือเปล่าคะ แต่สิ่งที่ฉันไม่ได้คิดก็คือ ฉันมักจะลืมตัวโทรหาพี่เสมอเมื่อฉันป่วยค่ะ”

พูดจบ น้ำตาเม็ดใหญ่ ๆ ก็ไหลอาบแก้มของเธอ

หลู้เหวินโจวเหลือบมองเธอ แล้วขมวดคิ้ว

เขาใส่ลิปสติกลงในกระเป๋าแล้วกระซิบว่า: "ฉันจะรับเอาไว้แทนเธอก็แล้วกัน"

จู่ ๆ ซ่งชิงหยาก็เปลี่ยนจากขุ่นมัวมาเป็นสดใส ก่อนจะยิ้มและรินเหล้าหนึ่งแก้วส่งให้กับหลู้เหวินโจว

"พี่เหวินโจว ลองชิมเหล้านี้ดูสิคะ พี่ชายฉันได้มาจากการประมูลในต่างประเทศค่ะ ซึ่งผลิตขึ้นในปีหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบสองค่ะ"

เมื่อเธอยื่นแก้วเหล้าไปให้หลู้เหวินโจว นิ้วของเธอก็ไปแตะเข้าที่ข้อมือของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

หลู้เหวินโจวหลบทันที และนำบุหรี่ที่อยู่ในปากไปเขี่ยลงที่เขี่ยบุหรี่

เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า:"วางไว้ตรงนั้นเถอะ"

เมื่อซ่งชิงหยาเห็นเขาปฏิเสธเธอเอามาก ๆ แววตาของเธอก็เย็นชาขึ้นมา

แต่ไม่นานก็กลับมามีพฤติกรรมที่ดีและเป็นคนรู้เรื่องรู้ราวขึ้นมา อีกครั้ง

ซ่งเยี่ยนเฉินชนแก้วเหล้ากับหลู้เหวินโจวแล้วพูดว่า"ฉันยังไม่เคยได้เจอแฟนนายเลย พาเธอมานั่งด้วยกันสักวันสิ"

ซู่เหยียนจือยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์:"ช่วงนี้อาจจะไม่ได้นะ ทั้งสองกำลังทะเลาะกันอยู่น่ะ"

ซ่งเยี่ยนเฉินมองดูใบหน้าที่ขุ่นมัวของหลู้เหวินโจวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า:"ทะเลาะก็ส่วนของทะเลาะ ง้อนิดง้อหน่อยเดี๋ยวก็ดีกันแล้ว แต่อย่าเป็นเหมือนสามีของหญิงสาวที่ฉันเคยช่วยชีวิตเอาไว้ในวันนั้น ที่เธอกำลังจะตายจากการแท้งลูกและตกเลือด โทรหาเขายังไงก็ไม่รับสาย และได้ยินมาว่าอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอยู่”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status