ชารอนจ้องไปที่ผลลัพธ์ของผลตรวจด้วยความประหลาดใจ 'เด็กคนนั้นเป็นลูกของโฮเวิร์ดจริง ๆ เหรอ?'เป็นไปได้ยังไงกัน?' เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างแซลลี่กับศัลยแพทย์หนุ่มคนนั้นแล้วนะ 'เด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณหมอเวย์น!'เราเข้าใจผิดไปหมดเลยเหรอ?''ไม่สิ ถ้าเราเข้าใจผิด แซลลี่คงไม่พูดเรื่องนั้นออกมาที่คฤหาสน์ของตระกูลแซคคารี่หรอก เธอคงไม่ได้ทิ้งตัวลงบันไดเพื่อทำแท้งหรอก แต่ทว่า เธอทำอย่างนั้นไปก็เพราะว่ากลัวลูกในท้องจะเป็นภัยต่อตัวเองไม่ใช่หรือยังไงกัน?!''เราแน่ใจมากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ด เป็นไปได้ไหมนะว่าผลการตรวจนี้จะ...'ชารอนเงยหน้าขึ้นมองไซม่อนอย่างลังเล 'เขาเข้าใจผิดหรือเปล่านะ?'แต่ทว่า ชายตรงหน้าเธอก็คือไซม่อน แซคคารี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพื่อหลอกชายคนนี้อยู่แล้ว 'คน ๆ นั้นยอมขุดหลุมฝังศพตัวเองและยอมทำผลตรวจปลอมนี้ขึ้นมาเลยงั้นเหรอ?'“เป็นไปได้ยังไงกัน?” สายตาของชารอนจับจ้องไปที่ผลลัพธ์ของการตรวจ นอกจากนี้ เธอยังได้สติกลับมายังไม่เต็มที่อีกด้วย 'ไม่แปลกใจเลยที่เขาพุ่งเข้าไปต่อยโฮเวิร์ดแทนที่จะโชว์ผลการตรวจดีเอ็นเอให้เขาดู ก็เพราะว่าเด็กคนนั้นลูกเป็นของโฮเวิร์ด'ภาพเงาสูงตร
'นางชารอน ทั้งหมดเป็นเพราะมัน เราถึงต้องมาลงเอยแบบนี้!'ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออกด้วยความรุนแรง ปัง! เสียงนั้นทำให้แซลลี่ตกใจไม่น้อย เธอรีบหันกลับไปมอง แต่ทว่า เธอกลับพบว่ามันเป็นโฮเวิร์ด เขาเข้ามาด้วยท่าทางสุดเย็นชา“โฮเวิร์ด?” แซลลี่มองไปยังชายผู้ที่กำลังเผยออร่าแห่งความอาฆาตแค้นออกมา เธอรู้สึกตกใจและงุนงง ไม่นานนัก แซลลี่ก็ถามขึ้นอย่างแผ่วเบา “อะไรเข้าสิงคุณกันน่ะ?”ตู้ม! หมัดของโฮเวิร์ดซัดเข้ากับผนังข้างเตียงของโรงพยาบาลจนทำให้แซลี่ตกใจอีกครั้ง“ชารอน เธอเป็นผู้หญิงที่เลวมาก! ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะกล้าทำขนาดนี้ จนกระทั่งเธอหลอกล่อลุงไซม่อนได้!” โฮเวิร์ดตะโกนออกมาอย่างไร้ความปรานี แต่ทว่า เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมอารณ์ของตัวเองได้ ดวงตาของแซลลี่เป็นประกาย สรุปแล้ว ปรากฎว่าทั้งหมดเป็นเพราะชารอน แซลลี่เผยยิ้มสุดเยือกเย็นออกมาทันทีที่เห็นว่าสามีของตัวเองกำลังโกรธจัด 'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ชารอนก็จะไม่มีวันแย่งโฮเวิร์ดไปจากเราได้อีก!'“โฮเวิร์ด คุณ…” ระหว่งที่แซลลี่กำลังพูดบางอย่างออกมา โฮเวิร์ดก็พลันเอนตัวไปทางแซลลี่ เขาวางฝ่ามือไว้ด้านข้าง
นั่นเป็นเรื่องจริง ไซม่อนยังมีธุระอีกหลายเรื่องให้ต้องจัดการที่บริษัทในวันนี้ เมื่อเห็นว่าชารอนไม่เป็นไรแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นและตอบกลับ “ก็ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น รีบโทรหาผมเลยนะ” หลังจากนั้น ไซม่อนก็หันหลังและเดินจากไปทว่า เรื่องที่น่าแปลกใจคือชารอนกลับตะโกนออกมา “เดี๋ยวก่อนค่ะ”ไซม่อนถึงกับหยุดชะงัก เขาหันกลับมาและจ้องมองไปยังชารอน “ทำไม? มีอะไรหรือเปล่า?” ริมฝีปากบาง ๆ ของไซม่อนพลันขดเป็นรอยยิ้มโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นชารอนแอบมองไปยังไซม่อนและหลับตาลง เธอจับชายเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่นและตะโกนออกมา “ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันไม่ได้ผลักแซลลี่”ทั้งนี้ ชารอนรู้ดีว่าหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นในตระกูลแซคคารี่ ไซม่อนจะต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากครอบครัวขนาดไหน พวกเขาจะต้องบังคับให้ไซม่อนหย่ากับเธอ หรือไม่ก็ไล่ชารอนออกไปอยู่ข้างนอกแน่ อันที่จริง ถึงแม้ว่าเมื่อเขารับแรงกดดันมากมายขนาดไหน ชารอนก็ไม่อยากให้ไซม่อนหมดศรัทธาในตัวเธอเลย ก่อนหน้านี้ ไซม่อนเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับชารอนเลยว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อในตัวเธอ ชารอนไม่รู้เลยว่าไซม่อนคิดอะไรอยู่ ทั้งหมดที่ชารอนต้องการทำคือบอกทุก
ทันทีที่เห็นไซม่อนออกไป ชารอนก็ตรงไปโรงพยาบาลเธอขอหมายเลขห้องของแซลลี่จากนางพยาบาลและวิ่งตามหาชารอนผลักประตูห้องออกทันที ทว่า ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยยกเว้นแซลลี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของแซลลี่พลันเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นชารอน ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความระแวง เธอดูโทรมและอ่อนแอไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงเผยท่าทีร้ายกาจออกมาอยู่ “แกมาทำอะไรที่นี่กัน? มาดูสภาพปางตายของฉันหรือยังไง? หรืออยากจะผลักฉันอีกครั้งล่ะ?”ชารอนยืนอยู่ที่ปลายเตียง เธอมองไปยังแซลลี่อย่างสงบ “ผมแค่มาเยี่ยมน่ะ”“มาเยี่ยมฉันเหรอ? หือ? เลิกเล่นละครน้ำเน่าได้แล้วล่ะมั้ง! ออกไปให้พ้น! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคนอย่างแก” แซลลี่รู้สึกกระวนกระวายใจ หลังจากพูดเพียงประโยคเดียว แซลลี่ก็หายใจอย่างหนักหน่วง เธอเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่ทว่า แซลลี่เองก็ยังคงจ้องมองไปยังชารอนด้วยสายตาอันดุร้าย ทั้งนี้ ชารอนสังเกตเห็นว่าหน้าผากของแซลลี่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ชารอนรับรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเจ็บปวด ถึงแม้ว่าเธอจะยังดุดันอยู่ก็เถอะ ทันทีที่เห็นเช่นนั้น ชารอนก็ตระหนักได้ถึงคำพูดที่โฮเวิร์ดกล่าวเอาไว้ก่อนหน
ชารอนถึงกับต้องตั้งรับ ฟิโอน่าตบไม่โดนหน้าเธอด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะชารอนคว้ามือของฟิโอน่าเอาไว้“คุณป้าฟิโอน่าคะ หนูไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของเด็กคนนั้น หนูแค่มาเยี่ยมแซลลี่เองนะคะ” ชารอนสามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้แม้จะต้องเผชิญหน้ากับฟิโอน่าที่กำลังรู้สึกโกรธเคืองทว่า ฟิโอน่าเชื่อไปแล้วว่าเป็นชารอนเป็นคนผลักแซลลี่ตกบันได และเมื่อชารอนอ้างว่าเด็กในท้องแซลลี่ไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ด มันเพียงแต่จะทำให้ชารอนดูแย่ในสายตาของฟิโอน่าก็เท่านั้น ถึงอย่างไร ชารอนพลันสังเกตเห็นว่าท่าทีของแซลลี่เปลี่ยนไป ก่อนที่แซลลี่จะเสียลูกในท้อง เธอยอมรับไปแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ดถึงกระนั้น หลังจากสูญเสียเด็กไป แซลลี่ก็หมดความกลัวเพราะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตัวตนของเด็กอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น โฮเวิร์ดจึงไม่มีวันได้รู้อีกต่อไปแล้วว่าแซลลี่กำลังนอกใจเขาอยู่ฟิโอน่าก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่พลาดตบไม่โดนชารอน เธอกระชากมือกลับไปและคำรามใส่ชารอน “คอยดูเถอะ! หลังจากที่แกเอาชีวิตของหลานฉันไป ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้คนอย่างแกหนีรอดไปได้แน่!” ฟิโอน่าสาบานว่าจะขับไล่ชารอนออกจากตระกูลแซคคารี่เ
ฟิโอน่าสาบานว่าจะทำให้รีเบคก้าเข้ามาแทนที่ชารอนให้ได้!สำหรับคราวนี้ ชารอนทำร้ายทั้งแซลลี่และคร่าชีวิตหลานของเธอไป ถึงแม้ว่าไซม่อนจะปกป้องเธอ แต่ดักลาสคงไม่ยอมรับให้ชารอนเป็นลูกสะใภ้แล้วแน่ตราบใดที่ดักลาสมองชารอนเป็นขวากหนาม เขาจะสนับสนุนรีเบคก้าในการเข้ารับตำแหน่งแทนที่ชารอนอย่างแน่นอน"จริงเหรอคะ? พวกคุณจะคอยหนุนหลังหนูใช่ไหม?" ทว่า ความคิดที่ว่าไซม่อนปฏิบัติต่อตนด้วยสีหน้าสุดเย็นชาพลันทำให้รีเบคก้ารู้สึกอึดอัด“แน่นอน เชื่อป้าสิ ตราบใดที่หนูไม่ยอมแพ้ ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฝ่ายหญิงของครอบครัวเราจะต้องตกเป็นของหนูในไม่ช้าแน่นอนจ้ะ”ดวงตาของรีเบคก้าเปร่งประกาย เธอไม่ได้สนใจเรื่องการเป็นหัวหน้าตระกูลเลย เธอแค่อยากจะเป็นภรรยาของไซม่อนเท่านั้น...ในวันจันทร์ ชารอนมาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ เธอถือโครงร่างการออกแบบและเดินไปยังห้องทำงานของไซม่อน เธอต้องการบอกไซม่อนเกี่ยวกับการออกแบบครั้งที่แล้วก่อนการประชุมทว่า มันยังเช้าเกินไป ไซม่อนยังมาไม่ถึงบริษัทเลยด้วยซ้ำ ถึงกระนั้น เลขาควินน์ก็อนุญาตให้ชารอนเข้าไปนั่งรอก่อนทันทีที่เข้าไป ชารอนก็พบว่ามีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังถือสูทและเสื้อผ้
ชารอนเม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไรออกมา บางที ดักลาสอาจคิดว่าเธอเป็นนางผู้หญิงชั่วร้ายที่ผลักแซลลีลงบันไดไปแล้วก็ได้ ดูเหมือนว่าเขาคงไม่ยอมรับชารอนเป็นลูกสะใภ้อีกแล้วแน่ชารอนมองไปที่ไซม่อน 'เขาจะยอมตกลงรับผู้หญิงที่คุณปู่ดักลาสส่งมาไหมนะ?'ไซม่อนขมวดคิ้ว ในตอนแรก เขาปฏิเสธข้อเสนอของพ่อตัวเองไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ารีเบคก้าจะกลับมาอีกครั้งแบบนี้“เอาเสื้อผ้าพวกนั้นไปเก็บด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะทำอะไรแบบนี้” ไซม่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชา นั่นเป็นเพราะเขามีแม่บ้านที่คอยทำหน้าที่ซักเสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่แล้ว และเขาจะไม่พอใจมาก ๆ หากมีใครคนอื่นมาแตะต้องสิ่งของพวกนี้"แต่ว่า..."“ออกไป” ไซม่อนพูดแทรกขึ้นมาอย่างเย็นชาไซม่อนทั้งเย็นชาและไร้ความปรานี คำพูดเหล่านั้นทำให้ดวงตาของรีเบคก้าแดงก่ำ นั่นทำให้เธอดูเปราะบางและเกือบจะน่ารักในสายตาของคนอื่น แต่ทว่า ท่าทีเหล่านั้นใช้ไม่ได้กับไซม่อนเลยแม้แต่น้อย“ก็ได้คะ ถ้าอย่างนั้น... ฉันจะออกไปเรียนรู้งานเลขาจากคุณควินน์ข้างนอก ถ้าคุณต้องการอะไร ก็เรียกได้เลยนะคะ” คราวนี้ รีเบคก้าจะไม่ยอมเป็นคนโง่และเดินออกจากห้องไปง่าย
"อ๊าย...” ชารอนส่งเสียงร้องออกมาทันทีที่ถูกกาแฟร้อนลวก เธอรู้สึกตกใจและรีบกระโดดออกจากเก้าอี้กาแฟหกหกกระเด็นใส่ต้นขาของชารอน เสื้อของเธอเปียกโชกด้วยกาแฟด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นกาแฟร้อน มันลวกชารอนเสียจนทำให้เธอหน้าเจื่อนไป ก่อนที่รีเบคก้าจะตั้งสติได้ เธอถูกผลักจากด้านหลัง ไซม่อนรีบวิ่งผ่านรีเบคก้าไปทันทีไซม่อนซึ่งเดิมทีนั่งอยู่ตรงข้ามชารอนปรากฏตัวต่อหน้าชารอนอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วทันทีที่มองไปยังคราบกาแฟขนาดใหญ่แถวต้นขาของชารอน หลังจากนั้น ไซม่อนก็รีบอุ้มชารอนและรีบไปยังห้องรับแขกไปโดยไม่พูดอะไร รีเบคก้านั่งลงบนพื้น เธอยังคงตกใจอยู่ เธอจ้องไปยังไซม่อนที่กำลังอุ้มชารอนออกไปอย่างกังวลใจ เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนสร้างปัญหาไซม่อนอุ้มชารอนเข้าไปในห้องน้ำภายในห้องรับแขก เขารีบหยิบฝักบัวออกมาและกดน้ำเย็นลงบนต้นขาของชารอนในตอนแรก ชารอนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนและไม่ได้สนใจการกระทำของไซม่อนก่อนหน้าเลย แต่ทว่า ทันทีที่ความเจ็บปวดเริ่มหายไป เธอจึงได้สติกลับมาทันใดนั้น ชารอนรู้สึกถึงความร้อนผ่าว เธอเอื้อมมือไปจับหัวฝักบัว “เอ่อ... ฉันทำเองได้ค่ะ คุณ... ออกไปก่อนก็ได้”ไซม่อนหันมาส