'ดูสภาพของเธอตอนนี้สิ''เธอสวมชุดกระโปรงสุดเซ็กซี่ ใบหน้าของเธอถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางหนาหลายชั้น และดวงตาของเธอก็ดูแดงมากจากอาการเมา แต่เธอก็ยังดึงดันที่จะดื่มต่อ!'สำหรับเฟิร์น การดื่มของเธอเท่ากับการหาเงิน ปัจจุบันเธอต้องการเงินสดจำนวนมาก เธอจะดื่มมากเท่าไหร่ก็ได้ ตราบใดที่เธอได้รับเงินในขณะเดียวกัน ยูจีนก็แย่งแก้วไวน์ของเธอไป และการกระทำของเขาก็เปรียบเสมือนการแย่งเงินไปจากเธอ แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก!เธอเดินโซเซ ก่อนจะกระโจนไปข้างหน้า โดยหมายจะแย่งขวดไวน์คืนจากเขา “เอาไวน์ของฉันคืนมานะ! คืนมันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ยูจีนจับมือที่ยื่นออกมาของเธอ แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นเขาก็กัดฟันพร้อมกับคำราม "ตั้งสติหน่อยสิ! ทำไมคุณถึงปล่อยให้ตัวเองมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้?"“ฉันจะเอาไวน์ เอาไวน์ของฉันคืนมา!” เธอไม่มีอารมณ์ที่จะฟังเรื่องไร้สาระของยูจีน สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือไวน์ของเธอยูจีนไม่สามารถระงับความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในอกของเขาได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจทุบขวดไวน์นั้นทิ้งอย่างรุนแรงเขาคิดว่าการกระทำของเขาจะสามารถหยุดเธอได้ แต่เขาคิดผิด ตอนนี้เธอไม่ต่า
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเฟิร์นตื่นขึ้นมา เธอก็ตระหนักว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องพักของโรงแรม เธอได้สติและลุกขึ้นนั่ง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอร่วมดื่มสังสรรค์กับคนอีกหลายคน นอกจากนี้ พวกเขายังตกลงที่จะจ่ายเงินให้เธอ หากเธอยอมดื่มไวน์ตามคำสั่งของพวกเขาเพื่อเห็นแก่ค่ารักษาพยาบาลของลูกสาว เธอจึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เธอรู้ว่าเธออาเจียนเพราะดื่มมากเกินไป แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นจากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมาในห้องของโรงแรม เธอกำลังสงสัยว่าหลังจากที่เธอเมาอย่างหนัก มีผู้ชายที่คิดไม่ซื่อบางคนพาเธอมาที่โรงแรม และล่วงเกินหรือเปล่า?เธอตกใจและรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เธอจึงรีบพลิกผ้าห่มขึ้น มีใครบางคนนำเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยนให้เธอ นอกจากนั้นแล้ว เธอก็ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดอยู่บนร่างกายเลย และเธอก็ดูสะอาดมาก 'มีคนอาบน้ำให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?'นอกเหนือจากอาการเมาค้างอย่างรุนแรงแล้ว เธอยังไม่สามารถรวบรวมพละกำลังได้แม้แต่นิดเดียว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ และไม่สังเกตเห็นร่องรอยที่น่าสงสัยใด ๆ บนร่างกายของเธอเลย'เป็นไปได้ไหมที่มีคนใจดีพาฉันมาส่งที่โรงแรม
“นี่มันเป็นเรื่องที่น่าละอายและน่าขยะแขยงที่สุด...”งานวิวาห์ที่ควรจะโรแมนติกกลับกลายเป็นความวินาศสันตะโรท่ามกลางคำครหานินทาของผู้คน ชารอนเงยหน้าขึ้นมองจอภาพยักษ์ใหญ่ตรงหน้าที่มีการฉายรูปภาพรูปหนึ่งให้เห็น ผู้หญิงในภาพนั้นคือเธอเอง แต่ทว่า ชายที่อยู่บนเตียงของเธอกลับไม่ใช่เจ้าบ่าวโฮเวิร์ด แซคคารี่! ในตอนนั้นเอง ชารอนถึงกับตกตะลึง 'เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงมีภาพอะไรแบบนี้ด้วย?'ทั้งมุมและระยะของภาพถ่ายนั้นเผยให้เห็นใบหน้าของชารอนอย่างชัดเจน ส่วนผู้ชายที่อยู่บนเตียงเผยให้เห็นเพียงแผ่นหลังและด้านข้างเท่านั้น ทว่า ชารอนไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!ชารอนหันไปมองโฮเวิร์ดโดยไม่รู้ตัว โฮเวิร์ดจ้องมองเธอกลับ หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของโฮเวิร์ดมืดลง ดวงตาของเขาเริ่มเปล่งประกายด้วยความโกรธออกมา“คุณ! คุณกล้านอกใจผมแบบนี้ได้ยังไงกัน?!”โฮเวิร์ดตบเข้าหน้าชารอนโดยไม่รออธิบายจากเธอด้วยซ้ำ!ชารอนถูกตบและล้มลงกับพื้น แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและเริ่มบวมขึ้นทันที ชารอนจับใบหน้าของตัวเองและเงยหน้าขึ้น เธอรีบกล่าวคำพูดแก้ต่างออกมา “โฮเวิร์ด มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ มันต้องเป็นเร
หลังจากผ่านไปห้าปีเจ้าหน้าที่สนามบินประกาศการลงจอดของเครื่องบิน หลังจากนั้นไม่นาน ผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งก็ออกจากจุดตรวจความปลอดภัย“แม่ครับ อากาศร้อนจัง ผมอยากกินไอติม” เซบาสเตียน ยีนส์ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสากล่าวคำพูดออกมาระหว่างกุมมือคุณแม่เอาไว้ เด็กน้อยกระพริบตาขอร้องชารอนเหลือบมองลูกชายอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทีที่น่าสงสารของเซบาสเตียนทำให้เธอต้องยอมแพ้ ถึงแม้ว่าชารอนจะรู้ดีว่าลูกชายแสร้งทำเป็นบีบน้ำตาก็ตาม"แต่ลูกซื้อได้แค่แท่งด้วยนะ" ชารอนหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าและกล่าวคำพูด “ซื้อเสร็จแล้วรีบกลับมานะ แม่จะรอลูกอยู่ตรงนี้แหละ” ชารอนลากกระเป๋าเดินทางและพูดกับลูกชาย“ครับ! คุณแม่ผู้น่ารักของผม!” เซบาสเตียนจูบแม่ของตัวเองก่อนจะวิ่งออกไป พร้อมกับจับสมุดโน้ตในมือเอาไว้แน่นชารอนยังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ ทว่า ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น“ว่าไงไรลีย์ ฉันกลับมาแล้ว... ได้เลย เดี๋ยวฉันจะนั่งแท็กซี่ไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ”มันเป็นสายจากเพื่อนสนิทของเธอ ไรลีย์ กาเบรียล ในอดีต แซลลี่ ไรลีย์ รวมถึงชารอนเองเคยพักอยู่ในหอพักเดียวกันระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกัน พว
ไซม่อน แซคคารี่เผยสีหน้าแปลกไป "อย่ากังวลไปเลย ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ คุณก็แค่ต้องดูแลลูกชายตัวเองให้ดีกว่านี้หน่อย"“ใช่ เสื้อผ้าที่ท่านประธานแซคคารี่ใส่อยู่เป็นของสั่งทำพิเศษเชียวนะ คุณคิดว่าตัวเองจะจ่ายค่าชดเชยไหวไหมล่ะ?” แฟรงกี้ ซิมเมอร์ ผู้ช่วยของไซม่อนที่ยืนอยู่ข้างหลังพลันกล่าวคำพูดออกมา ก่อนหน้านี้ แฟรงกี้นี่แหละเป็นคนที่ดุลูกชายของชารอนแฟรงกี้จ้องไปที่ชารอน 'กล้ามากเลยนะ! ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้ท่านประธานแซคคารี่ขนาดนี้มาก่อน!'“มันก็แค่กางเกงตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอครับ? ผมจ่ายเองก็ได้!” เซบาสเตียนพูดขึ้น ในเมื่อเขาเป็นคนก่อปัญหา เซบาสเตียนจึงไม่อยากปล่อยให้แม่ของตัวเองต้องรู้สึกอับอายขายขี้หน้า ไซม่อนจ้องไปที่เด็กน้อยเซบาสเตียน เขาขมวดคิ้วทันทีและรู้สึกว่าตนคุ้นเคยกับเด็กน้อยตรงหน้าไม่น้อยแฟรงกี้เผยเสียงหัวเราะ “เด็กน้อย หนูจะชดเชยยังไงล่ะ?”เซบาสเตียนหยิบกระปุกออมสินที่อยู่ในกระเป๋าเป็ดสีเหลืองของตนออกมา จากนั้น เขาก็เทเงินสดที่มีทั้งหมดออกมา “นี่ไง เท่านี้พอไหมล่ะครับ?”ไซม่อนมองไปที่เงินในกระเป๋า ดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่างออกในระหว่างที่กำลังเผยสีหน้าสุดเ
“เจ้าหนู แม่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอเป็นใคร หยุดคิดถึงพ่อได้แล้วล่ะ ตอนนี้แค่มีแม่ทูนหัวก็พอแล้วแหละใช่ไหม?” ไรลีย์เคาะหัวเด็กน้อย 'เธอไม่ชอบป้าขนาดนั้นเลยเหรอ?'“ผมไม่สน แม่สัญญากับผมแล้วว่าแม่จะพาผมมาหาพ่อ!” เด็กน้อยยังคงอ้าปากกล่าวคำพูดเมื่อเห็นท่าทีจ้ำม่ำของเซบาสเตียน ไรลีย์ก็อดใจไม่ไหวจนจูบเด็กน้อยเข้าที่แก้ม “แก้มเธอจะเด้งนิ่มไปไหนล่ะเนี่ย?”เซบาสเตียนเผยหน้าซีดแทน “แม่ครับ... ป้าคนนี้แอบแต๊ะอั๋งผม!”ทั้งนี้ ชารอนเลี้ยงได้ดูเซบาสเตียนด้วยตัวเองและเธอเองก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับคนอื่น ดังนั้น เซบาสเตียนจึงเป็นเหมือนเด็กติดแม่และไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่นมากนัก“จูบถือว่าเป็นการแต๊ะอั๋งงั้นเหรอ?” ไรลีย์หัวเราะชารอนเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ก่อนที่เธอจะ 'ช่วย' ลูกชายของตนให้พ้นจากอ้อมแขนของเพื่อนสนิท “เจ้าตัวเล็กแค่กลัวคนแปลกหน้าน่ะ แต่ถ้าเขาได้อยู่กับเธอมากขึ้น เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองแหละ”ไรลีย์เลิกคิ้ว “เอาล่ะ งั้นป้าจะให้เธออยู่กับป้าหนึ่งวันเต็ม ๆ เลย!" ไรลีย์กล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับเซบาสเตียนพ่นลมหายใจและหันกลับมากอดแม่ของตัวเองพร้อมกับเผยยิ้มด้วยความดีใจ
ไซม่อนเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธาน ส่วนแฟรงกี้เองก็เดินตามหลังมา“ท่านประธานแซคคารี่ครับ ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นมาแล้วครับ” แฟรงกี้กล่าวไซม่อนเพียงแค่นั่งลงและขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น "ว่ามา" แฟรงกี้หยิบรายงานประวัติออกมา “ผู้หญิงคนนั้นชื่อชารอน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอย้ายออกมาจากนอร์เทิร์น ซิตี้และไปเรียนต่อที่เมืองเอ็มคันทรี่ เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอได้รับรางวัลการออกแบบตกแต่งภายในระดับโลก และบังเอิญ... เธอได้สมัครเข้าทำงานเป็นนักออกแบบภายในของบริษัทเราด้วยครับ"ไซม่อนจับริมฝีปากของตนและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ 'งั้นก็หมายความว่าตอนนี้เราเป็นหัวหน้าของเธองั้นเหรอ?'เมื่อห้าปีที่แล้ว เธอย้ายออกมาจากนอร์เทิร์น ซิตี้...ไซม่อนพลันนึกถึงคืนหนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศและกำลังเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อจากตระกูลแซคคารี่ ในระหว่างพิธีการเข้ารับตำแหน่ง ไซม่อนได้ดื่มไวน์แก้วหนึ่งที่ใส่ยาลงไป หลังจากนั้น เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแต่ทว่า เมื่อตื่นขึ้นจากการหลับใหลในวันรุ่งขึ้น ไซม่อนไม่พบเจอผู้หญิงคนไหนเลย ถึงอย่างไร ไซม่อนก็สังเกตเห็
เมื่อได้ยินเสียงของโฮเวิร์ด ชารอนก็ถึงกับตกตะลึง ภาพงานวิวาห์ของเธอในคืนนั้นเริ่มท่วมท้นเข้ามา ความโหดร้ายของโฮเวิร์ดและการขาดความเชื่อใจในตัวเธอทำให้ชารอนค่อนข้างรู้สึกผิดหวังโฮเวิร์ดวางซองเอกสารไว้บนโต๊ะทำงาน เมื่อก้มลงมอง เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทันใดนั้น สีหน้าของโฮเวิร์ดพลันเปลี่ยนไป เขาถึงกับต้องหรี่ตามอง “เธอ... ชารอนเหรอ?!” การปรากฏตัวของชารอนทำให้โฮเวิร์ดประหลาดใจไม่น้อย 'เธอกลับมางั้นเหรอ?'ทว่า ชารอนไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา ทันใดนั้น ไซม่อนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารพลันเหลือบมองทั้งสองด้วยความรู้สึกสนใจ “เป็นอะไรไปล่ะ? รู้จักกันด้วยเหรอ?”"ไม่ค่ะ!" ชารอนตอบกลับโดยไม่ได้คิดซ้ำสองเลยด้วยซ้ำ โฮเวิร์ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “อันที่จริง เราไม่รู้จักกัน ชารอนที่ฉันเคยรู้จักตายไปนานแล้ว”ท้ายที่สุดแล้ว ชารอนก็เงยหน้าขึ้นมองโฮเวิร์ด ทั้งสองสบตากัน บรรยากาศรอบกายเริ่มตึงเครียด สุดท้าย ชารอนก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะนี่เป็นวันแรกที่เธอต้องรายงานตัวต่อบริษัท ถ้าเธอต้องมาต่อกรหรือมีปัญหากับโฮเวิร์ด หลายสิ่งหลายอย่างคงไม่ออกมาด