โฮเวิร์ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ได้สิ” ชารอนเข้าไปในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ เธอเห็นลูกชายของเธอนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มือที่ถูกลวกของเด็กน้อยถูกพันด้วยผ้าพันแผล เธอไม่สามารถบอกได้เลยว่าลูกชายเจ็บปวดขนาดไหน “คุณหมอคะ ลูกชายฉัน...” ทันทีที่ชารอนอ้าปาก แพทย์ก็พูดขึ้นทันที “อาการบาดเจ็บของเด็กน้อยร้ายแรงไม่น้อย ถ้ามาถึงโรงพยาบาลช้ากว่านี้ เขาคงจะสูญเสียมือไปแล้วล่ะครับ” ชารอนไม่ได้คิดเลยว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายจะรุนแรงถึงขนาดนี้ เธอแทบเสียการทรงตัว ร่างกายของชารอนสั่นเล็กน้อย แต่ไซม่อนก็กางแขนออกเพื่อรับเธอเอาไว้ ถึงอย่างไร มีเพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่เข้าใจความเจ็บปวดของเด็กน้อยในตอนนี้! ชารอนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองแซลลี่ ดวงตาของเธอเดือดพล่านไปด้วยความโกรธ คุณหมอกล่าวต่อ “แต่ตอนนี้แผลได้รับการรักษาแล้ว เขาควรอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการสักพัก ตราบใดที่เราดูแลเขาอย่างระมัดระวัง อาการบาดเจ็บก็จะหายเป็นปกติได้ครับ” “ขอบคุณนะคะ คุณหมอ” ชารอนคว้าแขนของไซม่อนไว้แน่น ตอนนี้เธอรู้สึกอ่อนแอจริง ๆ หลังจากนั้น คุณหมอได้อธิบายในสิ่งที่พวกเขาควรระวังก่อนเดินออกไปกับพยาบาล
เมื่อเห็นหน้าเซบาสเตียนเต็มไปด้วยน้ำตา ดักลาสก็แทบอยากจะเช็ดออกแทน ดักลาสรักหลานชายคนนี้มาก บางที ดักลาสอาจเป็นคนเดียวที่สามารถลงโทษแซลลี่ได้ในเวลานี้ เมื่อดักลาสได้ยินคำพูดของเซบาสเตียน เขาขมวดคิ้วอย่างลึกล้ำ ดวงตาที่แก่ชราแต่สง่างามหันไปหาแซลลี่ น้ำเสียงของเขาล่ำลึกราวกับระฆังโบราณ “เธอทำร้ายเซบาสเตียนหรือเปล่า?” วันนี้ดักลาสรู้สึกไม่สบาย ดังนั้น เขาจึงพักผ่อนอยู่ในห้องโดยไม่ได้เล่นกับเซบาสเตียนเลย ถ้าแม่บ้านไม่วิ่งมาบอกเขาว่าหลานชายของเขาถูกน้ำร้อนลวก เขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ แซลลี่รู้สึกอึดอัดอย่างมากทันทีที่ถูกดักลาสจ้องมอง ณ จุดนี้ เธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ? แซลลี่กัดฟันและสบตากับดักลาส เธอทำท่าทางเศร้าโศก “คุณปู่คะ หนูไม่ทำนะคะ หนูเพิ่งจะสูญเสียลูกไป หนูไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความรักที่มีให้เด็กน้อยในตอนนี้ หนูจะทำร้ายเซบาสเตียนได้ยังไงกันล่ะคะ?” โฮเวิร์ดรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ทุกคนกำลังรังแกภรรยาของเขาอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแค่อากาศเท่านั้น? “คุณปู่ครับ แซลลี่บอกผมแล้ว นี่เป็นความเข้าใจผิด เธอแค่อยากจะดื่มน้ำ จึงเทน้ำร้อนลงในแก้วบนโต๊ะเด็กคนนี้กลับเล่นซนแ
“อย่ากังวลไปเลย ถ้ามีปู่อยู่ใกล้ ๆ หลานจะได้รับความยุติธรรมแน่นอน” ดักลาสตบไหล่เซบาสเตียน ไซม่อนกดหมายเลขบนโทรศัพท์ แซลลี่ตัวสั่นไม่หยุดเลย ใบหน้าแซลลี่แดงจนทำให้ผิวของเธอซีดเผือด เธอรู้สึกกลัวและวิตกกังวล เธอถึงกับต้องคิดแล้วคิดอีกว่าช่วงเวลานั้นมีใครอยู่ห้องนั่งเล่นหรือเปล่า เธอทำร้ายเซบาสเตียนอย่างหน้าไม่อาย แต่เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า... โฮเวิร์ดสัมผัสได้ถึงความกลัวและความสงสัยในตัวแซลลี่ มันเป็นฝีมือของเธองั้นเหรอ? ความคิดหลายอย่างแวบเข้ามาในหัวของโฮเวิร์ดก่อนจะตัดสินใจ ไม่ว่าเธอจะทำมันจริงหรือไม่ โฮเวิร์ดก็จะต้องปกป้องเธอ เพราะถ้าเธอต้องพบเจอกับปัญหาร้ายแรง เขาก็จะถูกลากเข้าไปด้วยอยู่แล้ว “แซลลี่ เป็นอะไรไปล่ะ? ไม่สบายเหรอ? ให้ผมพาคุณกลับบ้านก่อนดีไหม” โฮเวิร์ดต้องการพาเธอกลับบ้าน ดักลาสตะโกรทันที “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่มีใครออกไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเรื่องทั้งหมดจะกระจ่าง!” “คุณปู่ครับ แซลลี่ยังไม่หายดีเลยนะครับ” โฮเวิร์ดพยายามจะหนี ดักลาสขัดจังหวะขึ้นมา “แค่ครู่เดียวเองแหละน่า พ่อใช้เวลาไม่มากหรอก สุขภาพของแซลลี่คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?” โฮเวิร์ดไม่มีทางหักล้างค
"พอได้แล้ว! ยังกล้าปฏิเสธอีกงั้นรึ? ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีกับเธอเกินไปแล้วนะ อุตส่าห์อนุญาตให้มาอยู่บ้านเพื่อพักฟื้น แต่เธอกลับทำร้ายหลานชายของฉันแทน เขาเป็นแค่เด็กนะ กล้าทำอย่างนี้กับเขาได้ยังไงกัน? เธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมากจริง ๆ!” ดักลาสรักเซบาสเตียนมาก เมื่อเห็นเขาถูกลวกเช่นนั้น ดักลาสก็แทบควบคุมความโกรธของตัวเองไม่ได้ “สำหรับเรื่องที่เธอตกบันได ฉันคงต้องกลับไปคิดใหม่แล้วสินะ ดูเหมือนว่าเธอจะมีปัญหาพอตัว เก็บกระเป๋าแล้วออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย!” ดักลาสออกคำสั่งและขับไล่โดยไม่ลังเล จิตใจของแซลลี่ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง เธอเบิกตากว้างอย่างกะทันหัน หลังจากนั้น เธอก็ได้สติ “ไม่นะคะ คุณปู่ หนูผิดเอง หนูยอมรับความผิดพลาด หนูไม่ควรทำร้ายเซบาสเตียนแบบนั้น” เธอร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นและอ้อนวอน ดักลาสทำหน้าเยือกเย็นพูดกับแม่บ้านที่เพิ่งพาหมอมา "ช่วยเก็บของของทั้งคู่แล้วโยนทิ้งออกไปนอกประตูเดี๋ยวนี้!” “คุณปู่ครับ!” ในที่สุด โฮเวิร์ดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “แกเองก็ด้วย รีบพาเธอออกไปเดี๋ยวนี้เลย นายยังอยู่ในบ้านหลังนั้นได้อยู่ แต่ฉันขอห้ามผู้หญิงคนนี้เข้ามาอีก!” กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดักลาสปฏิเ
ชารอนตกใจและพยักหน้าทันที ใช่แล้ว ไซม่อนเองก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าเขาจะยุ่งแค่ไหน ถ้าลูกชายป่วย เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ชารอนหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้ลูกชาย เธอคอยดูอุณหภูมิร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา ทว่า เซบาสเตียนกลับสะดุ้งตื่น เขาลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าทั้งพ่อและแม่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกโล่งใจมาก “เซบาสเตียน ลูกเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ชารอนยังไม่สบายใจ เซบาสเตียนพยักหน้า “นิดหน่อยครับแม่” “ลูกยังเจ็บมืออยู่หรือเปล่า?” “ผมยังทนได้ครับ แต่... ท้องผมร้องไม่หยุดเลย ผมหิว” ความวิตกกังวลของชารอนหายไปลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เด็กน้อยกำลังหิวนั้นเอง “แม่ขอให้พ่อครัวที่บ้านเตรียมโจ๊กให้ลูกไว้แล้ว ตอนนี้ลูกยังกินอะไรได้ไม่มาก แต่ถ้าอาการบาดเจ็บของลูกหายดีและไม่มีไข้ พ่อครัวจะเตรียมอาหารดี ๆ เพื่อชดเชยให้ลูกเยอะแยะเลยล่ะ ตกลงไหม?” เซบาสเตียนขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาอยากกินเนื้อ เนื้อทุกชนิด แต่ทุกครั้งที่เขาป่วย แม่จะเตรียมโจ๊กให้เสมอ เด็กน้อยไม่มีทางเลือกมากนัก “ก็ได้ครับ แต่สัญญาก่อนนะแม่ ถ้าดีขึ้น ผมอยากกินเนื้อ” “ได้เลยจ่ะ” ชารอนเคาะจมูกลูกชาย เธอตั
ไซม่อนพักค้างคืนที่โรงพยาบาลโดยไม่ได้ออกไปไหน แม้ว่าเขาจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ชารอนดูแลลูกคนเดียวไซม่อนขอให้แฟรงกี้ส่งเอกสารที่ตนต้องจัดการเพื่อที่จะได้นั่งทำงานในห้องของเซบาสเตียนได้ พร้อมกับมองดูชารอนดูแลลูกไปด้วยตามที่เซบาสเตียนพูด ชารอนดูแลเขาตลอดทั้งคืน ชารอนทั้งเช็ดเหงื่อและเปลี่ยนผ้าเช็ดตัว เธอวัดอุณหภูมิร่างกายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกลัวว่าลูกชายจะเป็นไข้อีก เซบาสเตียนรับประทานยาไปในตอนกลางคืนและนอนหลับสนิท ชารอนหันไปมองชายที่กำลังยุ่งอยู่กับเอกสารซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลนักเธอลุกขึ้นเดินไปหาไซม่อน “พักผ่อนบ้างนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณจะต้องหัวปั่นกับงานที่บริษัทอีก” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา ทว่า นี่เป็นห้องผู้ป่วยระดับพรีเมียม มันมีทั้งเตียงเสริมและโซฟา ดังนั้น ถ้าเหนื่อย เขาก็สามารถพักผ่อนได้ ไซม่อนเงยหน้าขึ้นมองชารอน ผมของเธอยุ่งเล็กน้อยเพราะเธอหมกหมุ่นอยู่กับการดูแลเซบาสเตียน แสงสว่างภายในห้องทำให้เกิดแสงสลัวบนเรือนร่างของเธอ ในตอนนี้ ชารอนกลายเป็นคุณแม่สุดอ่อนโยนไปแล้วถึงอย่างไร ไซม่อนเองก็สูญเสียแม่ไปทันทีที่เขาได้เกิดมา ดังนั้น เขาจึงไม่เคย
ทว่า ไซม่อนไม่ได้อยู่ในห้อง ในระหว่างที่ชารอนสงสัยว่าเขาไปไหน พยาบาลก็เข้ามาให้บริการอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพแก่ทั้งสอง“ตื่นแล้วเหรอคะ? ท่านประธานแซคคารี่เตรียมอาหารเช้าให้พวกคุณทั้งคู่แล้วคะ ท่านฝากมาบอกด้วยว่าท่านไปบริษัทแล้ว” พยาบาลสาวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชารอนตกตะลึง ไซม่อนไปทำงานแต่เช้าตรู่เลยเหรอ?ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจในระหว่างที่เธอจ้องไปยังอาหารเช้าตรงหน้าทั้งนี้ ชารอนยังคงต้องดูแลลูกชายอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปจนกว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาลได้ เมื่อเธอกลับไปที่บ้านของตระกูลแซคคารี่ บาดแผลบนมือของลูกชายส่วนใหญ่ก็หายดีแล้ว ชารอนรู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อยเนื่องจากมีคนดูแลเซบาสเตียนแล้ว ชารอนจึงสามารถไปทำงานได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลยทันทีที่ชารอนกลับมาที่ห้องมำงาน เพื่อนร่วมงานของชารอนก็บอกว่ามีผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบคนใหม่เข้ามาทำงานในแผนกออกแบบ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงามชารอนยิ้มให้กับข่าวที่ได้ยิน เธอแอบสงสัยว่าเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับไซม่อนได้หรือไม่เมื่อเธอนำร่างการออกแบบไปที่ห้องทำงาน ชารอนก็พลันประหลาดใจทันทีที่รู้ว่าใครคือผู้อำนวยการออกแบบคนใหม่“โฮเวิร์ด
โฮเวิร์ดเผยรอยยิ้ม “ไม่เข้าใจหรือยังไงกัน? ผมกำลังบอกว่าลุงไซม่อนไม่เคยพูดถึงเรื่องการแต่งงานของเขาออกมาเลย สุดท้าย คุณเองก็ต้องหย่ากับเขาอยู่ดี และอีกไม่นาน คุณก็อาจถูกไล่ออกจากตระกูลแซคคารี่ด้วย” เขากล่าวโฮเวิร์ดหยุดพูดและมองชารอนด้วยสายตาแห่งความสงสาร “อย่ามาตกหลุมรักลุงไซม่อนเลย ไม่อย่างนั้น ชีวิตตุณพังแน่นอน” โฮเวิร์ดกล่าวชารอนครุ่นคิด โฮเวิร์ดกำลังจะสื่อว่าดักลาสจะเข้ามาขัดขวางการแต่งงานของพวกเขางั้นหรือ?“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกเราหรอกค่ะ อย่างน้อยในตอนนี้ คุณลุงดักลาสก็ไม่ได้คัดค้านความสัมพันธ์ของเรา” ชารอนกล่าวอย่างฉุนเฉียว“ใครบอกคุณว่าเป็นคุณปู่กันล่ะ? คุณยังไม่เจอคนที่ผมพูดถึงเลย เธอน่ากลัวและสยดสยองกว่าคุณปู่มากเลยล่ะ ขนาดลุงไซม่อนยังไม่กล้าขัดกับคำพูดของเธอสักคำ” เขากล่าวชารอนขมวดคิ้ว ไซม่อนจะกลัวใครอีกล่ะ?"งั้นเหรอ? งั้นคนที่คุณพูดถึงคือใครกันล่ะ?”“อยากพบเธอมากเลยใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องห่วง ในอีกไม่นาน ผมเชื่อว่าคุณจะต้องได้พบเธอแน่ เธอคือผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลแซคคารี่เลยล่ะ” เขากล่าวอย่างตั้งใจทันใดนั้น โทรศัพท์ของชารอนก็ดังขึ้น เธอกลับมามีสติและก้มมอง เ