All Chapters of ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง: Chapter 1331 - Chapter 1340

1341 Chapters

บทที่ 1331

เอ่อ...จั๋วซือหรานคิดในใจ ซือคงเซี่ยนก็ยังน่าเชื่อถืออยู่นะแต่คำนี้ก็แค่คิดไว้ในใน บนปากกลับรู้สึกว่า...ถ้าพูดอกไปน่าจะไม่ค่อยเหมาะนางรู้สึคว่าถ้าพูดออกไป บนหน้าชายคนนี้น่าจะไม่ได้มีสีหน้าแบบนี้แล้วถึงอย่างไร นี่ก็เป็นคนที่สามารถหึงได้กระทั่งตัวเขาเองเลยนะจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้อันที่จริงไม่ค่อยสนใจว่าเขาคิดยังไง จะหึงหรือไม่หึงสมองก็พังไปแล้ว หมั้นกับหญิงสาวคนอื่นไปแล้ว มีอะไรให้สนใจกันแต่ตอนนี้...ก็เหมือนจะแตกต่างออกไปแล้วนี่ก็สารภาพความในใจกับนางมาแล้วนะดังนั้นจั๋วซือหรานพอคำพูดขึ้นมาถึงมุมปากก็รู้สึกพูดออกมาลำบากนานงหันไปมองท่านแม่กับเสี่ยวหวาย พู่ระย้าประดับมุกบนปิ่นปักผม แกว่งไปมา"แล้ว...จะไปที่หลวนหนานกับข้าหรือ?" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "แต่ว่า สิ่งแวดล้อมมันสู้เมืองหลวงไม่ได้นะ จะทำท่านแม่ลำบากเอา"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ตาของเซี่ยอวิ๋นซีก็เปล่งประกายขึ้นมาทั้งใบหน้าเหมือนเปล่งแระกาย"มีอะไรลำบากกัน!" เซี่ยอวิ๋นซีเอ่ยขึ้นตาเป็นประกาย "วันคืนที่ยากลำบากกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว"ตอนนั้นที่เป็นแม่ม่าย ทุกวันเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็กลับล้มไม่ได้ นางก็ผ่านมาแล้
Read more

บทที่ 1332

และตอนนี้ ไฟในเตา สีสันกลับเป็นหลากสีเป็นสีที่สวยมาก แต่กลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันตราย...เฟิงเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมาจั๋วซือหรานบอกว่า "โอ้ นี่คือไฟห้าสีของข้า"คิ้วที่ขมวดของเฟิงเหยียนยังไม่คลายออก มองดูนาง "เจ้า..."เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรถึงจะดี จะตำหนิ...ก็ทำใจไม่ลงจะไม่ตำหนิ ก็รู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้มันอันตราย"การผสมไฟวิเศษเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ไฟวิเศษสองสีก็อันตรายมากแล้ว แต่นี่ห้าสี?!"จั๋วซือหรานฟังออกถึงความตึงเครียดในน้ำเสียงชายหนุ่มนางยิ้มตาโค้ง "ในใจข้ารู้ขีดจำกัดตัวเองอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ไม่ใช่ของข้าโดยตรง ดังนั้นอันตรายจึงลดลงไปพอควร"เฟิงเหยียนฟังความหมายในคำพูดนางออก นางเองก็รู้ว่าตอนนั้นไฟวิเศษล้วนมาจากบนตัวของแมลงกู่ก้อนเนื้อพวกนั้นแต่ก็ยังรู้สึกว่า..."เหลวไหล"พูดถึงตรงนี้ แต่ในคำพูดกลับไม่มีท่าทีเชิงตำหนิอะไรหลังจากความประหลาดใจต่อไฟห้าสีของนางผ่านไป เฟิงเหยียนจึงสังเกตเห็นของในเตาหลอม ว่าไม่ใช่ยาเม็ดอะไรแต่เป็นของที่ดูแล้ว.... ชั่วขณะหนึ่ง เหมือนยังไม่รู้ว่าเป็นวัตถุดิบอะไรเฟิงเหยียนมองอยู่พักหนึ่ง ก็อดขมวดคิ้วถามขึ้นไม่ได้ "นี่ม
Read more

บทที่ 1333

จั๋วซือหรานเดิมทีรู้สึกว่าเกราะกระดูกทั้งตัวของอสูรกลืนแมลงนั่นค่อนข้างพิเศษเพียงแต่ว่า ถึงยังไงนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมันนางก็ไม่อาจเรียกร้องอะไรได้มากใครจะคิดว่าเจ้านี่จะอาสาบอกนางเองว่าเกราะกระดูกบนตัวมันมีวงจรผลัดของมันอยู่ความหมายประมาณว่าคล้ายๆ กับการลอกคราวของพวกสัตว์แมลงประมาณนั้นพูดให้ง่ายกว่าก็คือ ถ้าไม่ใช้ก็เสียเปล่าแล้วจั๋วซือหรานจะเกรงใจมันหรือ?นางรวบแขนเสื้อขึ้น ใช้มีดเข้าไปขูดออกมาสองชิ้น คิดจะนำมาลองดูก่อนยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้วัตถุดิบนี้มา ความคิดแรกสุดที่โผล่ขึ้นมาในสมองจั๋วซือหรานก็คือ รู้สึกว่าคุณสมบัติวัตถุนี้ ถ้านำมาทำเป็นร่มล่ะก็...น่าจะใช้การได้ดีอยู่ น่าจะเหมาะกับเฟิงเหยียนมากดังนั้น นางจึงถือโอกาสไปเรียกชิ่งหมิงมาเป็นผู้ช่วย ถึงยังไงในด้านการหลอมวัตถุ ชิงหมิงก็เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากจริงๆตอนที่เห็นวัตถุดิบนี้ ชิ่งหมิงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยง่ายนักแต่ก็คิดไม่ถึงว่า สองคนรวมพลังกันหลอมสกัดตั้งนานสองนาน กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเลยทำเอาจั๋วซือหรานรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาและหลังจากนั้น เฟิงเหยียนก็เข้ามาแล้วและตอนนี้เฟิงเหยียนก็จ้องวั
Read more

บทที่ 1334

ที่มากกว่าคือการครุ่นคิดหลังจากครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ดวงตาของนางไม่เพียงแต่ไม่หม่นลงด้วยเหตุนี้ แต่กลับเป็นประกายขึ้นมา!นางดวงตาสวยงาม ปกติก็งามจนผิดปกติอยู่แล้วสภาพที่เปล่งประกายตอนนี้ ดึงดูดเสียเหลือเกินชิ่งหมิงกับเฟิงเหยียนล้วนสังเกตเห็นแล้ว ทยอยกันมองไปทางนางชิ่งหมิงถามขึ้นเสียงต่ำ "ซือหราน ทำไมหรือ?"จั๋วซือหรานยิ้มตอบว่า "อย่าท้อแท้นะ"เฟิงเหยียนรู้ว่านางมองโลกในแง่ดี และรู้ว่านางอาจจะอยากให้เขารู้สึกสิ้นหวังดังนั้นจึงบีบนิ้วมือนางเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่เป็นไร มีหมวกผ้าคลุมกับอักขระคำสาปอยู่ ปัญหาไม่ใหญ่ ไม่ต้องกังวลข้า"จั๋วซือหรานเองก็บีบปลายนิ้วมือเขาเบาๆ แต่กลับบอกมาว่า "ท่านคิดดูสิ ถ้าเจ้าสิ่งนี้ถูกเพลิงตะวันหงส์แดงของท่านหลอมเอาง่ายๆ มันก็พิสูจน์ได้ว่าพอทำมันเป็นร่มก็คงจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไรนัก ไม่ใช่หรือ?"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนกับชิ่งหมิงก็นิ่งงันไปเพราะคำนี้...มันก็มีเหตุผลจริงๆแต่แม้เหตุผลเช่นนั้น ทว่าสถานการณ์ตรงหน้าก็ยังเป็นทางตันอยู่ดีตาของจั๋วซือหรานยังคงเปล่งประกาย พอเห็นสายตาเช่นนี้ของนาง ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่า นางนั้นทำได้ทุ
Read more

บทที่ 1335

จั๋วซือหราน ชั่วขณะหนึ่งยังไม่รู้ว่าจะกล่อมเฟิงเหยียนยังไงยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นของนางเท่านั้นด้วยดังนั้นจึงยังไม่รีบในตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงไม่พูดอะไรอีกแค่บอกว่า "เอาล่ะ เราค่อยๆ คิดเรื่องนี้ใหม่แล้วกัน"พอได้ยินคำนี้ของนาง เฟิงเหยียนก็กลัวว่านางจะเปลี่ยนใจ รีบเก็บเพลิงตะวันหงส์แดงสีส้มแดงจากในเตาหลอมกลับมาพอเปลวเพลิงนั่นถูกดึงออกไป จวงชิ่งหมิงก็มีความรู้สึกเหมือนถอนหายใจโล่งเขาแอบเช็ดเหงื่อที่หน้าผากกับปลายจมูกพอคิดถึงคำพูดที่พวกเขาพูดก่อนหน้านี้ มิน่าสภาผู้อาวุโสถึงเอาตนเองจัดไว้ที่กรมสืบสวนพิเศษของต้าชาง ด้านบนมีเฟิงเหยียนเป็นซือเจิ้งคอยกดอยู่น่าจะมีความหมายทำนองต้องการควบคุมสะกดเขาเอาไว้อยู่นั่นล่ะถึงอย่างไร เพลิงตะวันหงส์แดงก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียวแม้จั๋วซือหรานจะอ่อนข้อให้ แต่สีหน้าเฟิงเหยียนดูแล้วก็ยังเคร่งขรึมอยู่จั๋วซือหรานพอกำลังคิดจะถาม ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาดังมา "เจ้า...โกรธหรือเปล่า?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็งงงัน หัวเราะขึ้นทันที "ไม่ขนาดนั้นหรอก ท่านเองก็ไม่ใช่เพิ่งจะรู้จักข้านี่ ข้าเป็นคนโกรธใครง่ายเสียที่ไหนกัน"เฟิงเหยีย
Read more

บทที่ 1336

ปันอวิ๋นโมโหจนหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรพวกเขาพี่น้อง นอกจากถังฉือที่มาจากคนชั้นล่างแล้วชาติตระกูลของคนอื่นๆ ล้วนไม่เลวทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้ายังไม่พูดเรื่องแบกรับโชคชะตาแบบไหนอยู่ก็ล้วนเติบโตมาในตระกูลร่ำรวยทั้งนั้นซงซีเป็นคุณชายจากตระกูลชั้นสูงแคว้นเย่ เยี่ยนเหวยเป็นผู้สืบทอดมหาปุโรหิตของเผ่าหนึ่งในดินแดนทางใต้ เฟิงเหยียนเป็นซื่อจื่อตระกูลเฟิงของต้าชาง ปันอวิ๋นเป็นผู้สือบทอดหุบเขาหมื่นพิษแต่ถ้าเทียบความยุ่งยากแล้วก็ปันอวิ๋นนี่ล่ะยุ่งยากที่สุดปันอวิ๋นจุ๊ปาก "ข้ากับเจ้ามันศัตรูกันตามธรรมชาติเลย คงคุยกันไม่ได้จริงๆ"เฟิงเหยียนมองเขาผาดหนึ่ง "แล้วเจ้าคุยกับใครได้กันล่ะ?"ท่าทางเลิกคิ้วของปันอวิ๋นดูแล้วแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายประหลาด มุมปากยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง "ก็ต้องคุยกับซือหรานได้ถูกคอกว่าน่ะสิ ก่อนหน้านี้ข้าจุดเทียนคุยกับนางทั้งคืน สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยเถอะ!"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แต่สีหน้าก็แข็งไปแล้วจริงๆในสมองเหมือนจู่ๆ ก็มีภาพตนเองตอนที่ใช้ชื่อปลอมว่าเยี่ยนหรานแวบเข้ามา ในโรงเตี๊ยม เฝ้ารออยู่ข้างนอกทั้งคืน....ส่วนจั๋วซือหรานก็อยู่ในห้องกับปันอวิ๋นทั้งคืน...จุด
Read more

บทที่ 1337

มันคือการแตกหักกับสภาผู้อาวุโส การเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสนี่เป็นเส้นทางสูงชันอันตราย เป็นเหมือนสะพานไม้ซุงท่อนเดียวก็ใครรับประกันไม่ได้ ว่าจะได้ชัยชนะพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนที่ไม่ต้องการถูกกดขี่พันธนาการ...เป็นแค่กลุ่มคนกล้าหาญโดดเดี่ยวเท่านั้นถ้าเป็นตามที่จั๋วซือหรานบอกล่ะก็ นั่นคือคนที่ลุกขึ้นไม่ยอมเป็นทาส...ก่อนหน้าที่ปันอวิ๋นจะออกไปก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรียกศิษย์คนโตของตนเองเข้ามานำตราบัญชาเจ้าสำนักให้กับศิษย์คนโต"อาจารย์..." ศิษย์คนโตงงงันไป "ท่าน...ท่านไม่ใช่ว่า...จะเดินทางไกลแค่เที่ยวเดียวหรือ?"หุบเขาหมื่นพิษภายใต้การบัญชาของปันอวิ๋น ก็ค่อนข้างหย่อนยานมาตลอดเงื่อนไขต่อตัวศิษย์สำนักของเขาก็ไม่ได้สูงนัก เวลาออกไปด้านนอกอย่าทำสำนักเสียชื่อก็พอกระทั่งศิษย์สำนักเหล่านี้ แต่เขาจะไม่ได้สั่งสอนละเอียดนัก แต่ก็แทบจะไม่ได้เข้มงวดเท่าไรเลยทุกคนจึงยอมรับได้โดยดีมาตลอดกับเรื่องที่เจ้าหุบเขาออกเดินทางไกลชั่วครั้งคราวศิษย์คนโตก็ไม่คิดไม่ฝัน ว่าครั้งนี้ได้เห็นตราบัญชาสำนัก"ลี่ฟู่" ปันอวิ๋นพูดน้ำเสียงหนักแน่นอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็น "หลังจากข้าไปแล้ว กิจต่างๆ ในหุบเขาก็จ
Read more

บทที่ 1338

สีหน้านางดูแล้ว ไม่ได้ดูหดหู่เท่าพวกเขาทั้งสองคนจั๋วซือหรานยกมุมปากยิ้มบางๆ "ข้าคิดว่า..."สายตาของพวกเขาสองคน ทยอยมองไปทางจั๋วซือหรานและสบเข้ากับดวงตาที่ดำขลับยิ่งกว่าท้องผ้าราตรีคู่นั้นของนาง เหมือนว่าซ่อนสิ่งของเอาไว้มากมายและลึกมากทำเอาคาดเดาได้ยากจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ข้าคิดว่า...คนในอดีตเหล่านั้น ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียใจภายหลัง จึงได้ทำให้ตนเอง ปล่อยให้คนมากมาย ยังติดอยู่ในวังวนนี้มานานขนาดนี้"พวกเขาได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็ไม่พูดอะไรออกมานิ่งงันกันไปแต่ก็ล้วนเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานคนในอดีตเหล่านั้น...ปันอวิ๋นคิดถึงพ่อของตนเองเฟิงเหยียนเองก็คิดถึงเฟิงอวี้จริง เป็นเช่นนี้จริงๆปันอวิ๋นคิดถึงพ่อของตนเอง เพราะต้องเคยแบกรับภาระสำนัก แบกรับหุบเขาหมื่นพิษทั้งหมดดังนั้นจึงปล่อยให้สภาผู้อาวุโสกดดันเงียบๆ มาตลอด ถูกกดขี่ข่มเหงที่เรียกกันว่าให้ความสำคัญจนกระทั่งตายไป ก็ยังไม่มีความคิดจะหนีออกมาจากวังวนนี้แทนที่จะบอกว่าสภาผู้อาวุโสพันธนาการเขาไว้ สู้พูดว่า ท่านพ่อเอาตัวเองขังไว้ที่นี่จะดีกว่าและตอนท้ายสุด เขาก็จำใจต้องรับพันธนาการนี้มาต่อ ถูกท่
Read more

บทที่ 1339

เดิมทีเฟิงเหยียนกับปันอวิ๋น ก็ครุ่นคิดและหนักใจกับคำพูดนั้นของนางอยู่แต่ความครุ่นคิดกับความหนักใจ ก็ถูกประโยคท้ายที่ดูขี้เล่นของนาง ทำเอาความรู้สึกพวกนั้นจางหายไปหมดปันอวิ๋นโบกไม้โบกมือ "ไม่ต้องหรอก เจ้าเก็บไว้เถอะ ระยะทางไปหลวนหนานครั้งนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ ยังไม่แน่ว่าจะหาเมืองหยุดพักได้หรือเปล่า"ความหมายในคำพูด ก็คือให้จั๋วซือหรานเก็บไว้กินเองจั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ สายตาก็เหลือบมองปันอวิ๋นอย่างแปลกประหลาด จากนั้นก็ยื่นมือส่งห่อขนมสองห่อให้เขากับเฟิงเหยียน"เจ้าเพิ่งรู้จักข้าวันแรกหรือไง..." จั๋วซือหรานเบ้ปากเอ่ยขึ้น "มากับข้าเคยขาดของกินที่ไหน?"เฟิงเหยียนก็ไม่คิดจะเกรงใจอะไร รับไปแล้วยัดเข้าปากก้อนหนึ่งปันอวิ๋นจึงทำได้แค่รับตามมาและต่อจากนั้น ระหว่างทาง จั๋วซือหรานก็ให้ปันอวิ๋นได้เห็นว่าอะไรคือมากับนางแล้วไม่มีขาดของกินระหว่างทาง ปันอวิ๋นเห็นหญิงสาวคนนี้ปล่อยสัตว์อสูรออกมาแล้วนางก็ไม่ได้ควบคุมสัตว์อย่างตั้งใจเท่าไรด้วย เพียงแค่ลูบหัวสัตว์อสูรเหล่านั้นของนางเท่านั้นจากนั้นก็พยักหน้า พูดคำนึงว่า "ไปเถอะ แยกย้าย"แล้วสัตว์อสูรเหล่านี้ก็กระจายไปรอบทิศอย่างรวดเร็วปันอว
Read more

บทที่ 1340

เฟิงเหยียนถึงจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะบางๆ ขึ้นมาแทบจะในทันที "อิจฉาล่ะสิ"ปันอวิ๋นจุ๊ปาก ในใจก็คิดว่าคำที่เขาพูดเจ้าตัวดีมาได้ยินเสียนี่"ซวยจริง..." ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานอยู่ข้างๆ กลับอารมณ์ค่อนข้างดี แขนของนางยันอยู่กับขอบหน้าต่าง ใช้คางเกยมือ พูดกับปันอวิ๋นว่า "อย่าท้อใจไป เจ้าเองก็เจอกับข้านี่? บางทีข้าอาจจะมาเพื่อช่วยพวกเจ้าก็ได้นะ?"ปันอวิ๋นพอได้ยินก็คิดๆ พยักหน้า "ก็จใช่ พูดมาก็ถูกอยู่"เฟิงเหยียนควบม้าขึ้นมา เบียดปันอวิ๋นออกไปข้างๆ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "อย่าไปป้อยอเขามากนัก""ซักวันข้าก็ต้องสู้กับเจ้า" ปันอวิ๋นถลึงตาใส่เขา บ่นกระปอดกระแปดควบม้าไปที่หน้าขบวนจั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน เอ่ยถามว่า "จะเข้มาในรถม้าหน่อยไหม?"ฃนางยังคงเป็นห่วยสภาพของเฟิงเหยียนแม้ชุดของเขาจะรัดกุมดีแล้ว ป้องกันได้หมดจดแต่จั๋วซือหรานก็ยังไม่ค่อยวางใจเฟิงเหยียนส่ายหัว "ไม่รีบ"เขามองสีท้องฟ้าผาดหนึ่ง "ยังไม่ถึงช่วยกลางวัน ตอนนั้นค่อยว่ากัน"ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เหลียนเจินก็หาที่เหมาะๆ หยุดพักได้แล้ว ขบวนม้าจึงค่อยๆ หยุดลงปันอวิ๋นยังคิดอยู่ ว่าจะออกไปล่าสัตว์อะไรรอบๆ นี้
Read more
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status