บริษัทผลิตไหนมีแผนดัดแปลงซีรีส์ลูก มังกร เป็นภาพยนตร์?

มองในเชิงธุรกิจ การเปลี่ยนซีรีส์ที่ชื่อว่า 'ลูก มังกร' ให้เป็นภาพยนตร์มักจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก: ใครถือสิทธิ์และมีผู้ลงทุนกล้าพอหรือไม่ ตัวอย่างสำคัญที่ต่างจากสองข้อก่อนหน้านี้คือการที่บางแฟรนไชส์มังกรถูกสตูดิโอใหญ่อย่าง DreamWorks นำไปทำเป็นภาพยนตร์และประสบความสำเร็จ เช่น 'How to Train Your Dragon' ซึ่งเริ่มจากหนังสือ/สตอรีบอร์ดแล้วกลายเป็นไตรภาคที่คนจำได้

จากประสบการณ์เสพงานบันเทิง ความเป็นไปได้จริงมักเกิดจากสตูดิโอที่มีทรัพยากรและความเชี่ยวชาญด้านแอนิเมชันหรือเอฟเฟกต์ถ้าผลงานเน้นภาพ และจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งถ้าต้องการพื้นที่เล่าเรื่องยาว ๆ ดังนั้นถ้าต้องเลือกชื่อผู้ผลิตที่มีโอกาสมากที่สุด ก็มักจะเป็นสตูดิโอที่มีแบ็กกิ้งใหญ่ เช่น สตูดิโอแอนิเมชันหรือผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง แต่ถ้าผลงานเป็นไลฟ์แอ็กชัน สตูดิโออย่าง Warner, Disney หรือผู้ผลิตในเอเชียที่กำลังขยายตลาดก็มีสิทธิ์จะเข้ามาแม้ท้ายที่สุดจะขึ้นกับความสนใจของเจ้าของลิขสิทธิ์และความคุ้มค่าทางการเงิน เท่าที่รู้สึก ฝั่งแฟน ๆ ก็ต้องคอยสังเกตข่าวประกาศจากเจ้าของสิทธิ์มากกว่า เพราะการคุยลมๆ แล้งๆ เกิดขึ้นได้บ่อย

ชื่อเรื่อง 'ลูก มังกร' ทำให้ฉันนึกถึงโลกแฟนตาซีที่มีมังกรและการเมืองพัวพันกัน ก่อนอื่นต้องแยกความหมายก่อนว่าเราพูดถึงงานชิ้นไหน เพราะชื่อไทยนี้อาจอ้างถึงหลายผลงานต่างกันได้มาก ในมุมที่คนทั่วไปคุยกันบ่อยที่สุด ถ้าหมายถึงซีรีส์อนิเมชันฝรั่ง 'The Dragon Prince' นั้นเป็นผลงานของทีมผู้สร้างจาก Wonderstorm ที่ออกฉายทาง Netflix โดยรูปแบบเดิมเป็นซีรีส์อนิเมชันแบบตอนต่อ ตอน ไม่มีประกาศว่า Netflix หรือ Wonderstorm จะดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฉบับโรง แต่โปรเจ็กต์นี้ขยายไปยังหนังสือการ์ตูนและเกมโต๊ะแทน ซึ่งแปลว่าผู้สร้างสนใจขยายจักรวาลมากกว่าการย้ายแพลตฟอร์มไปเป็นภาพยนตร์อย่างเดียว

การจะเปลี่ยนจากซีรีส์เป็นภาพยนตร์ต้องใช้เหตุผลทางการตลาดและศิลปะ: ถ้าสตูดิโอใหญ่เห็นว่ามีฐานแฟนแน่นและเรื่องสามารถย่อเป็นสองชั่วโมงได้อย่างคงแก่น ก็มีทางเป็นไปได้ แต่สำหรับ 'The Dragon Prince' โทนเรื่องและโครงเรื่องแบบอาร์คยาวทำให้เหมาะกับซีรีส์มากกว่า ดังนั้น ณ เวลานี้ยังไม่ได้เห็นประกาศแผนดัดแปลงเป็นภาพยนตร์จากผู้ผลิตรายใดอย่างเป็นทางการ แค่รู้สึกว่ามันน่าเสียดายถ้ามีคนพยายามยัดทุกอย่างลงหนัง แต่ก็น่าตื่นเต้นถ้าจะเห็นสปินออฟหรือฟอร์มยาวที่รักษาจังหวะและโทนเดิมไว้

ในโลกของนิยายแฟนตาซีฝรั่ง ชื่อ 'ลูก มังกร' มักถูกโยงกับนิยายชุดอย่าง 'Eragon' ซึ่งเคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดย 20th Century Fox เมื่อปี 2006 การดัดแปลงครั้งนั้นเป็นภาพยนตร์ฉบับโรงที่ไม่ได้รับกระแสตอบรับดีนัก ทำให้ต่อมาไม่มีภาพยนตร์ภาคต่อออกมาอย่างที่แฟนหนังสือหวัง เห็นได้ชัดว่าการดัดแปลงงานแฟนตาซีที่มีรายละเอียดเยอะให้เป็นภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวมีความเสี่ยงสูง

จากมุมมองของคนที่เคยอ่านต้นฉบับและตามข่าวบันเทิง บ่อยครั้งสิทธิ์การดัดแปลงจะเปลี่ยนมือระหว่างสตูดิโอ และแม้บางครั้งจะมีแผนการพัฒนาใหม่ แต่ก็อาจหยุดชะงักได้ง่าย หากผู้ถามหมายถึงงานประเภทนี้ คำตอบสั้นๆ คือมีประวัติการพยายามดัดแปลงแล้ว แต่ไม่มีสตูดิโอใหญ่ประกาศแผนภาพยนตร์ฉบับใหม่ที่แน่นอนในตอนนี้ ประชาคมแฟนๆ ยังหวังให้สตูดิโอหรือสตรีมมิ่งรายใหญ่กลับมารับสิทธิ์ใหม่ในรูปแบบที่เคารพต้นฉบับมากขึ้น การจะให้ภาพยนตร์ชิ้นเดียวตอบทุกแง่มุมของนิยายยาวๆ นั้นยาก แต่โอกาสเกิดขึ้นได้ถ้าทีมสร้างตั้งใจทำเป็นแฟรนไชส์จริงจัง