ผู้ปกครองควรเลือก การ์ตูน อ นิ เมะ จีน เรื่องไหนที่เหมาะกับเด็ก?

มีความชอบส่วนตัวกับวิถีการ์ตูนเด็กแบบเรียบง่ายที่เล่าเรื่องด้วยอารมณ์อบอุ่น ฉันมักมองหาการ์ตูนจีนที่ใส่ใจพัฒนาการของเด็ก เช่น 'Big Ear Tutu' ซึ่งเล่าเรื่องจากมุมมองเด็กเล็ก ทำให้เข้าใจโลกของเขาได้ดี โดยไม่มีฉากหวาดเสียวเกินไปและมักมีบทเรียนเล็ก ๆ เกี่ยวกับมารยาทหรือการจัดการอารมณ์

อีกแนวที่ชอบคืออนิเมชันสั้น ๆ ที่มีภาพสีสวยและจังหวะช้า ๆ อย่างงานอนิเมเตอร์อิสระบางเรื่อง เด็ก ๆ จะได้ฝึกสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ ในฉาก ส่วนตัวแล้วฉันมักจะเลือกเรื่องที่พอจะชวนให้ตั้งคำถามได้หลังดู เช่นถามว่า ‘‘ถ้าเป็นหนูจะทำอย่างไร’’ วิธีนี้ช่วยให้เวลาดูไม่ใช่แค่มองผ่าน ๆ แต่กลายเป็นกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เริ่มจากความปลอดภัยของภาพและบทก่อนจะเลือกให้เด็กดู เพราะฉันเชื่อว่าลำพังภาพน่ารักไม่เพียงพอ บางเรื่องภาพสวยแต่โทนเรื่องหนักเกินวัย ตัวอย่างที่ชอบแนะนำให้เด็กโตขึ้นหน่อยคือ 'My Neighbor Totoro' กับ 'Ponyo' ของสตูดิโอที่ถ่ายทอดโลกจินตนาการแบบอบอุ่น ปราศจากความรุนแรงแบบเด่นชัดและมีบทเรียนทางอารมณ์ที่เหมาะสม

หลักการที่ฉันใช้มีสามข้อสั้น ๆ: 1) ความเหมาะสมของเนื้อหา—ไม่มีฉากหลอนหรือประเด็นผู้ใหญ่เกินไป 2) ระดับภาษา—คำพูดเข้าใจง่ายและไม่สับสน 3) ความยาวของตอนหรือหนัง—ถ้าเด็กยังสั้นสมาธิ ให้เลือกตอนสั้นหรือหนังความยาวไม่เกิน 90 นาที

ตัวอย่างที่มักแนะนำให้เด็กที่เริ่มรู้จักเรื่องราวยาว ๆ คือ 'Pokémon' เพราะโครงเรื่องเป็นตอน ๆ จบในตัว มีการผจญภัย เหมาะสำหรับปลูกฝังมิตรภาพและการแข่งขันที่เป็นมิตร แต่ก็ต้องระวังประเด็นการต่อสู้จู่โจม ฉันมักชวนเด็กคุยหลังดูเสมอเพื่ออธิบายความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ในเรื่องกับความรุนแรงจริง

แนะนำให้พ่อแม่ลองพิจารณาความชอบและช่วงวัยของเด็กก่อนเลือกการ์ตูนหรืออนิเมะจีน เพราะสิ่งที่เหมาะกับเด็ก 3 ขวบ กับเด็ก 10 ขวบต่างกันมาก ฉันมักเริ่มจากดูธีม ไม่ใช่แค่ดูภาพสวยหรือมีตัวการ์ตูนน่ารักเท่านั้น การ์ตูนที่เน้นมิตรภาพ ความอยากรู้อยากเห็น และไม่มีความรุนแรงต่อเนื่องจะเหมาะกับวัยเล็ก เช่นการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง 'Doraemon' หรืออนิเมะแมวๆ เบาๆ อย่าง 'Chi's Sweet Home' ที่ฉันเคยใช้เป็นตัวเลือกให้หลานตอนเขายังเล็ก เนื้อเรื่องสั้น ๆ เข้าใจง่าย ไม่มีฉากสะเทือนใจมาก ทำให้เด็กเรียนรู้การแก้ปัญหาและค่านิยมพื้นฐานได้แบบสบายใจ

ถ้าหนูน้อยเริ่มโตขึ้นแล้ว อยากให้มีเนื้อหาที่ชวนคิดและมีพัฒนาการมากขึ้น การ์ตูนจีนบางเรื่องเช่น 'Pleasant Goat and Big Big Wolf' แม้จะเรียบง่ายแต่สอดแทรกมุกตลกและบทเรียนง่าย ๆ ส่วนอนิเมะญี่ปุ่นบางเรื่องอย่างงานจากสตูดิโอที่เน้นแฟนตาซีเบา ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งนี้ต้องคัดกรองตอนที่มีความน่ากลัวหรือประเด็นซับซ้อนออกก่อน

สุดท้ายอย่าลืมกำหนดเวลาดูและคุยหลังดูด้วย เสมอว่าฉันจะนั่งดูร่วมกับเด็กในช่วงแรก เพื่อชี้แนะและตอบคำถามที่อาจเกิดขึ้น มันช่วยให้เด็กเข้าใจบริบทของเรื่องและแยกแยะอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งสำคัญกว่าการเลือกเรื่องเดียวที่คิดว่า ‘‘ดี’’ จากโซเชียล การเลือกอย่างตั้งใจร่วมกันจะทำให้เวลาแห่งการ์ตูนเป็นช่วงที่อบอุ่นและมีความหมายมากขึ้น