พอดีไปดูหนังเรื่อง '
the dude in me' แล้วรู้สึกว่ามันเป็นแบบหนังสไตล์หัวเราะแล้วขมปนกันอย่างพอดี เรื่องเล่าเริ่มจากสถานการณ์ที่เรียบง่ายแต่เปิดช่องให้เกิดความ
ยุ่งเหยิงทันที: ชายวัยกลางคนซึ่งมีชีวิตว่าด้วยความรุนแรงและการแก้แค้น เกิด
สลับร่างกับนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าไปเล่นบทบาทชีวิตของกันและกันในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและเสี่ยงต่อความลับที่ถูกซุกซ่อนมาเป็นเวลานาน ผมชอบตรงที่หนังไม่ได้ทำแค่ขายมุกสลับร่างทั่วไป แต่ใช้จังหวะตลกเป็นเครื่องมือเปิดเผยแง่มุมความเป็นมนุษย์ของตัวละครทั้งสองอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในมุมของการดำเนินเรื่อง ฉากที่คนวัยกลางคนพยายามปรับตัวกับชีวิตโรงเรียน—จากศัพท์แสงวัยรุ่นไปจนถึงเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้น—ถูกถ่ายทอดด้วยการแสดงที่มีเสน่ห์และการคุมโทนคอมเมดี้ที่ไม่ยัดเยียด ขณะเดียวกันการที่เด็กนักเรียนต้องเผชิญโลกของผู้ใหญ่ ทั้งเรื่องความรับผิดชอบและผลจากการตัดสินใจที่เคยทำไว้ ก็เติมเต็มความดราม่าให้สมดุลกับความตลก ฉากแอ็กชันบางช่วงก็ช่วยสร้างพลัง ให้หนังมีมิติทั้งตลก ดราม่า และลุ้นระทึกได้ในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ทำให้ผมยังคงคิดถึงหนังเรื่องนี้หลังจากดูจบคือนอกจากความสนุกแล้วมันยังสะท้อนเรื่องการให้โอกาสตัวเองและผู้อื่นได้เริ่มต้นใหม่ได้ เหมือนกับหนังสลับร่างคลาสสิกอย่าง 'Freaky Friday' ที่ใช้ไอเดียความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นแกนหลัก แต่ 'The Dude in Me' เลือกวิธีถ่ายทอดที่หนักแน่นขึ้นในประเด็นการใช้ความรุนแรงและความยุติธรรม ทำให้ฉากอารมณ์เข้มข้นมีพลังมากขึ้น หนังเหมาะกับคนที่อยากดูอะไรที่ทั้งสนุกและมีเรื่องให้คิด มันทิ้งร่องรอยบางอย่างให้ฉันนึกถึงการเติบโตและการให้อภัย ซึ่งเป็นของขวัญที่ดีจากหนังที่อาจดูเหมือนคอมเมดี้ผิวเผินในตอนแรก