เราไม่ค่อยเห็นเรื่องราวที่จับเอาความอับจนของคนธรรมดามาเป็นแกนกลางของเกมอำนาจได้อย่างกลมกล่อมเท่า '
เจ้าชายลูกสักหลาด' เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่เกิดออกมานอกสมรสของราชวงศ์ ถูกผลักให้เติบโตในชุมชนชายขอบ เขาได้รับการสอนทั้งศิลปะการต่อสู้และการเอาตัวรอดจากคนที่รักเขาแบบลับ ๆ แต่เมื่อความขัดแย้งทางอำนาจในวังเกิดลุกลาม เขาก็ถูกดึงเข้ามาในวงจรที่ไม่เคยตั้งใจจะอยู่
โครงเรื่องไม่ได้เลือกทางเดินแคบ ๆ ของการล้างแค้นหรือการแย่งบัลลังก์เพียงอย่างเดียว มันขยับไปมาระหว่างความจรัสของความหวังและความหนักหน่วงของการต้องตัดสินใจ คนรอบตัวเขา—เพื่อน
วัยเยาว์ที่กลายเป็นสายลับ ผู้หญิงที่รู้จักโลกทั้งสองด้าน และ
ขุนนางที่เล่นเกมคนละแบบ—ทำให้ทุกก้าวของเขามีผลต่อชะตาของอาณาจักร
ฉันชอบตรงที่ปลายเรื่องไม่ยอมให้ทุกอย่างกระจ่างในแบบนิทานสุขสุดท้าย แต่ยังปล่อยช่องว่างให้ผู้อ่านคิดต่อ ความเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกตราหน้ากลับกลายเป็นกระจกสะท้อนค่านิยมของสังคม และฉากเล็ก ๆ อย่างการนั่งทานข้าวร่วมกับเพื่อนในยามสงครามก็ยังทำให้เรื่องมีหัวใจอยู่เสมอ