หลังจากนางในดวงใจในใจของเขาเสียชีวิต เจียงวั่งโจวก็เกลียดชังข้ามาสิบปี ข้าพยายามทำดีทุกวิถีทาง ทว่าเขากลับหัวเราะเย็นชา “หากเจ้าอยากเอาใจข้าจริง ก็ไปตายเสียดีกว่า” ความเจ็บปวดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ แต่ในขณะคานเรือนที่ลุกไหมกำลังจะหล่นทับข้า เขากลับยอมตายเพื่อช่วยชีวิตข้าไว้ ก่อนตาย เขาที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของข้า ได้ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายปัดมือข้าที่สัมผัสตัวเขาออก “ซ่งจือเสวี่ย หากชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยได้พบเจ้า จะดีเพียงใด...” ในพิธีศพ มารดาเจียงร่ำไห้จนพูดไม่เป็นคำ “วั่งโจว เป็นความผิดของแม่เอง ตอนนี้ไม่ควรบังคับให้เจ้าแต่งกับนาง หากตอนนั้นแม่ยอมตามใจเจ้า ให้เจ้าได้แต่งกับกู้หว่านเหอ จุดจบในวันนี้จะแตกต่างออกไปหรือไม่” บิดาเจียงจ้องมองข้าอย่างเคียดแค้น “วั่งโจวช่วยชีวิตเจ้าถึงสามครั้ง เหตุใดเจ้ามีแต่นำเคราะห์กรรมมาให้เขา! เหตุใดคนที่ตายจึงไม่ใช่เจ้า!” ทุกคนต่างเสียใจที่เจียงวั่งโจวแต่งงานกับข้า แม้แต่ตัวข้าเองก็เช่นกัน สุดท้าย ข้าจึงทิ้งกายจากยอดหอเด็ดดารา...แล้วหวนกลับมาเมื่อสิบปีก่อน ในครานี้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดวาสนาทั้งหมดที่มีต่อเจียงวั่งโจว เพื่อทำให้ความปรารถนาของทุกคนเป็นจริง
View More“บางทีตอนนี้ท่านอาจจะยังมองไม่เห็นความรู้สึกในใจที่มีต่อข้าอย่างชัดเจน ท่านดีเช่นนี้อาจเป็นเพราะรู้สึกผิดต่อข้าในเรื่องนั้น บางทีท่านอาจจะแค่รู้สึกว่าท่านโหวและฮูหยินชอบข้า ข้าจึงเหมาะสมที่จะเป็นพระชายาซื่อจื่อ แต่ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดนี้”“พี่วั่งโจว ไม่ต้องมาตามหาข้าอีกแล้ว”ข้าผลักร่มกระดาษน้ำมันของเจียงวั่งโจวออกไป หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในสายฝนข้ากลัวว่าในชั่วอึดใจต่อมา จะอดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปในอ้อมกอดของเจียงวั่งโจวแล้วร้องไห้ออกมาแต่ในชาตินี้ ข้าจะเห็นแก่ตัวอีกไม่ได้แล้วหลังจากนั้น เจียงวั่งโจวก็ไม่ได้มาตามหาข้าอีก เพียงแต่ที่หน้าประตูบ้านมักจะมีของที่ข้าเคยชอบปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวเจียงวั่งโจวราวกับอยากจะตามหาตัวข้าในอดีตกลับคืนมา บางครั้งก็ส่งขนมที่ข้าชอบกินตอนอยู่ที่จวนโหวมาให้ บางครั้งก็ส่งของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่ข้าเคยอ้อนวอนให้เขาทำให้ตอนเด็ก ๆข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เจียงวั่งโจวจะจำได้ทั้งหมดวันนี้ ข้ามาส่งนักเรียนในสำนักศึกษาเพื่อเดินทางไปเมืองหลวงเข้าสอบ ที่ท่าเรือออกเมือง รอบข้างพลันเกิดความโกลาหลขึ้น มีชายชุดดำสวมหน้ากากจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากในน้ำ
กู้หว่านเหอถูกลากตัวออกไปแต่เสียงหัวเราะของนางราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเจียงวั่งโจวอย่างแรง จนเขาเจ็บปวดแทบหายใจไม่ออกคนที่ใช้คำพูดร้ายกาจทำร้ายซ่งจือเสวี่ยคือเขา คนที่ต้องการเอาเลือดหัวใจของซ่งจือเสวี่ยก็คือเขาเช่นกันความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา จนเขาแทบจะยืนไม่อยู่หลังจากออกจากเมืองหลวง ข้าไม่ได้ไปที่เจียงหนานข้าอยากไปดูสถานที่ที่บิดามารดาเคยสู้รบมาตลอดชีวิต เดินทางอยู่ระยะหนึ่ง ก็มาถึงหลิ่งหนานที่นี่ไม่มั่งคั่งร่ำรวยเหมือนเมืองหลวง แต่ผู้คนก็เรียบง่ายและซื่อตรงชาวประมงที่พายเรือยิ้มแล้วกล่าว“ที่หลิ่งหนานมีศัตรูจากภายนอกมารุกรานบ่อย ๆ ดูจากการแต่งกายของแม่นางแล้วไม่ใช่คนร่ำรวยก็สูงศักดิ์ เหตุใดถึงมาที่นี่หรือ?”ข้าไม่ได้เอ่ยคำใดบิดามารดาปกป้องที่นี่มาตลอดชีวิต ข้าก็อยากทำให้สถานที่ที่บิดามารดาเคยปกป้องดีขึ้นอีกสักหน่อยข้าเปิดสำนักศึกษาเอกชนแห่งหนึ่งที่นี่ และใช้เงินที่หามาได้ก่อตั้งสำนักศึกษาอันจี้ขึ้น และรับอุปการะเด็กที่ไร้บ้านจากภัยสงครามพวกเขาจะไม่ถูกคนอื่นรังแกเหมือนข้าในตอนนั้นอีกอยู่ที่นี่ พวกเขาก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยตนเองวั
ท่านโหวชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาหม่นลงฮูหยินจวนโหวที่เงียบมาตลอดกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา“วั่งโจว เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าไม่รักนานนาน?”“หากเจ้าไม่รักนาง เหตุใดถึงต้องเสี่ยงชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อช่วยนาง?”ริมฝีปากของเจียงวั่งโจวอ้าค้าง ไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกเขารัก รักจนสามารถแลกด้วยชีวิตได้เพียงแต่ พวกเขาบีบคั้นหนักเกินไป เขาแค่ไม่ต้องการจะรักตามความปรารถนาของพวกเขา เขาอยากมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตนเองเขาจึงได้ละเลยไป ว่าตนเองรักซ่งจือเสวี่ยมากเพียงใดฮูหยินจวนโหวกล่าวต่อ“เมื่อวานนานนานมาเพื่อบอกลาพวกเรา เด็กผู้มีจิตใจอ่อนโยนและน่าสงสารผู้นี้ ก่อนที่นางจะจากไป ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของนางก็คือขอให้เจ้าอายุยืนยาวร้อยปี มีความสุขสงบทุกปี”เจียงวั่งโจวพลันนึกถึงคำอำลาที่ซ่งจือเสวี่ยกล่าวเมื่อวาน สีหน้าแข็งทื่อไป นิ่งงันไปครู่หนึ่งถึงได้เปล่งเสียงออกมา“แต่ถ้านางมาเพื่อกล่าวอำลาจริง ๆ เหตุใดถึงต้องทูลขอราชโองการพระราชทานสมรสกับข้าด้วย”ฮูหยินจวนโหวถอนหายใจยาว กล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย“เจ้าดูให้ดี ๆ สิว่าบนราชโองการนั่นเขียนว่าอะไรกันแน่?”ในหัวของเจี
เจียงวั่งโจวตกใจอย่างยิ่ง แต่ก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้ว“คงเป็นแค่คนชื่อแซ่เดียวกันกระมัง ราชโองการพระราชทานสมรสก็ลงมาแล้ว พวกเราจะไปเจียงหนานกันในอีกห้าวันข้างหน้า นางจะออกนอกเมืองในเวลานี้ได้อย่างไร”ท่านหมอเข้ามารายงาน“ซื่อจื่อ ก่อนที่นางจะจากไป แม่นางซ่งให้ข้านำคำพูดมาเรียนท่านขอรับ”“นางได้เดินทางไปเจียงหนานที่ห่างออกไปพันลี้แล้ว ขอให้ต่างคนต่างมีความสุข หวังว่าท่านจะไม่คิดถึง”เสียงของหมอที่ดังเข้ามาในหูของเจียงวั่งโจว ราวกับอสนีบาตที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรงเจียงวั่งโจวผู้ไม่เคยเสียกิริยามาก่อน ในยามนี้กลับโซซัดโซเซจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ที่แท้คำพูดที่ซ่งจือเสวี่ยกล่าวในตอนนั้นว่าสมดังปรารถนา อายุยืนยาวร้อยปีคือการกล่าวอำลาเขานั่นเองชั้นบางสีแดงเรื่อเอ่อขึ้นมาราวสายน้ำ แผ่ซ่านขึ้นมาจนถึงกรอบดวงตา ริมฝีปากของเจียงวั่งโจวสั่นเทาพยายามข่มกลั้นอย่างสุดกำลัง“เป็นไปไม่ได้!”ซ่งจือเสวี่ยที่เขาเกือบต้องเสี่ยงชีวิตช่วยกลับมาหลายต่อหลายครั้ง จะมาตายจากไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?องครักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจ“คนที่มารายงานกล่าวว่าเห็นรถม้าของแม่นางซ่งมุ่งหน้าไปทา
ข้าพยักหน้า “เจ้าค่ะ”อาจเป็นเพราะเห็นว่าใบหน้าข้าซีดเผือด คิ้วของเขาจึงขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลา “เมื่อวานข้าอาจพูดแรงไปบ้าง เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย แต่หว่านเหอเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องระหว่างเราสองคน ไม่ควรดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อไปอย่าไปฟ้องอีก”เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ในใจข้าก็เจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อยอีกคราแต่ข้าก็ไม่ได้เอ่ยคำอธิบายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนชาติก่อน เพียงคลี่ยิ้มบางที่มุมปาก“อืม จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”เจียงวั่งโจวจัดผ้าห่มให้ข้า“เมื่อคืนข้าไม่ได้อยู่ชมดาวตกเป็นเพื่อนเจ้า หลังแต่งงานข้าจะกลับบ้านเดิมเป็นเพื่อนเจ้าก็แล้วกัน ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบเจียงหนาน พอถึงบ้านเดิมแล้ว เราไปเที่ยวที่นั่นกัน”ข้าชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา “ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ”“ท่านไม่ต้องชดเชยเรื่องเมื่อคืนให้ข้าหรอก เป็นข้าที่เต็มใจช่วยแม่นางกู้เอง”เจียงวั่งโจวนิ่งไปครู่หนึ่ง ในแววตาของเขาฉายแววสับสน“ข้าเตรียมรถม้าที่จะออกนอกเมืองไว้ให้อีกห้าวันข้างหน้า รอให้เจ้าพักฟื้นจนดีขึ้น เราค่อยออกเดินทางกัน”ข้าจ้องมองเจียงวั่งโจวอย่างไม่วางตา ไม่ได้เอ่ยคำใดอีกเขาถือถ้วยไว้ในมื
ชาติก่อนเพราะข้าแต่งงานกับเจียงวั่งโจว กู้หว่านเหอจึงคิดสั้น หนึ่งเดือนให้หลังนางจึงดื่มพิษกู่ฆ่าตัวตาย เจียงวั่งโจวหาโลหิตที่เข้ากันมาถอนพิษให้นางไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูนางสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาด้วยเหตุนี้เขาจึงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ จนวินาทีที่เขาตายก็ยังคงเกลียดข้าแต่ในชาตินี้ ข้าไม่ได้แต่งงานกับเขา เหตุใดกู้หว่านเหอถึงยังฆ่าตัวตายอีกเล่าเดิมทีข้ายังคงคิดอยู่ว่าจะทำความปรารถนาข้อที่สามของเขาให้สำเร็จได้อย่างไรตอนนี้ กลับมีคนส่งมาให้ถึงที่แล้วข้ามองเขา “เช่นนั้น ท่านมาหาข้าเพื่อเอาโลหิตไปถอนพิษกู่ใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงวั่งโจวก็ตกตะลึงไป ดูเหมือนคาดไม่ถึงว่าข้าจะพูดเช่นนี้ ทั้งยังปากด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ เจ้าทำให้หว่านเหอต้องอัปยศจนดื่มยาพิษ ก็สมควรชดใช้โทษบาปอยู่แล้ว”เขาจับข้าไปยังจวนของกู้หว่านเหอกู้หว่านเหอนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ท่านหมอหยิบกริชออกมา กรีดลงบนแขนของข้าหนึ่งครั้ง ความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาตามแขน ข้าส่งเสียงครางต่ำเบา ๆท่านหมอกล่าวอย่างยินดี “พิษกู่มีปฏิกิริยา โลหิตของแม่นางเข้ากันได้จริง ๆ”“แต่การช่วยคนจำเป็นต้
Comments