ลู เซียวเหยา จ้องไปที่อาหารละลานตาที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาคิดว่ามันช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเสียจริงทัง โรลชูว กรอกตาให้เขาอย่างไม่พอใจ “นายหมายความว่ายังไง? ฉันก็ประเสริฐแบบนี้มาตลอดแหละ”ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วขึ้น “อย่างนั้นหรอกเหรอ? ผมไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย?”“นายเป็นสามีฉันหรือยังไง?”คำพูดเหน็บแนมของ ทัง โรลชูว ทำให้ ลู เซียวเหยา เข้าใจได้ในทันที เขารีบหันกลับไปจ้องพี่ชายใหญ่ของเขา และพบว่าเขายังดูนิ่งเงียบและสุขุม เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าพี่ชายของเขารู้สึกยังไง ณ ตอนนี้ แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่อธิบายไม่ถูกแผ่ออกมาเขายิ้มอย่างประจบสอพลอออกมา “แน่นอนว่าพี่สะใภ้ เป็นศรีภรรยาที่แสนดีแสนประเสริฐของพี่ใหญ่ ผมในฐานะน้องชายของเขา ผมก็ทำได้แค่ขอติดหางเลขของเขาไปเท่านั้น”“ขี้คลาด!” หยิง เสี่ยวเซียว พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหยียดหยัน“ไร้ประโยชน์สิ้นดี” แม้แต่ เซิน โมเฟย ก็สบถออกมาจู่ ๆ ลู เซียวเหยา ก็เดือดดาลขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอทำหน้ามึนตึงใส่กัน ฉันก็คงไม่ต้องเสียสละตัวเองเป็นตัวตลกแบบนี้หรอก!”ทัง โรลชูว ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่เขา “เซียวเหยา ฉันร
“ฉัน…” หยิง เสี่ยวเซียว จ้องไปทาง ซอง อันยี ก่อนจะทำปากยื่น “ก็ได้ ฉันจะพยามให้ดีที่สุดที่จะพูดกับเธอ” ได้ยินเช่นนั้น ซอง อันยี ก็สบายใจขึ้น มุมปากของเธอหยักขึ้นเล็กน้อย ถ้าเธอพูดเช่นนั้น เธอก็คงจะไม่ได้โกรธมากแล้วทัง โรลชูว ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “ดีมาก อย่างนั้นก็ทานอาหารเย็นกันก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง”เธอหยิบเนื้อปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้นด้วยตะเกียบก่อนจะวางลงบนชามของ หยิง เสี่ยวเซียว “นี่ปลาทอดของโปรดของเธอ” ต่อจากนั้น เธอก็ตักอาหารให้กับ ซอง อันยี “อันยี นี่มันฝรั่งฝอยเปรี้ยวหวานที่เธอชอบ” ซอง อันยี ยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะ” ทัง โรลชูว ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นหรอกน่า”ซอง อันยี ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกบรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นปรองดอง ต้องยกความดีความชอบให้กับ ลู ชินจิน ที่ยืนกรานว่า “ต้องไม่คุยกันระหว่างทานอาหาร” ดังนั้นทุกคนจึงทานกันไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมาลู เซียวเหยา ที่ปกติเป็นคนพูดมาก ต้องห้ามตัวเองเป็นอย่างมาก จนเขาคิดว่าตัวเองจะเกิดอาการบาดเจ็บภายในเข้าแล้วหลังจากทานอาหารเสร็จ ทุกคนมารวมตัวกันท
หลังจากที่ชายทั้งสามคนเดินออกจากห้องไป ทัง โรลชูว จึงพูดขึ้น “พวกเขาไปแล้ว เราก็มาเริ่มคุยกันเลยดีกว่า”ซอง อันยี หันหน้าไปมอง หยิง เสี่ยวเซียว เธอเม้มปากก็จะพูดขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวัง “เสี่ยวเซียว ฉันขอโทษนะฉันไม่ควรพูดแบบนั้นเลยเมื่อวันก่อน ฉันแค่ไม่อยากให้เธอและชูวชูว กังวลมากจนเกินไป นั่นทำให้ฉันพูดออกไปอย่างไม่ได้คิด” หยิง เสี่ยวเซียว โค้งหัวรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นดังนั้น ซอง อันยี พุ่งสายตากลับไปที่ ทัง โรลชูว บอกไปนัย ๆ ว่าเธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นกำลังจะอ้าปากพูดแทนอันยี แต่ หยิง เสี่ยวเซียว กลับเงยหน้าขึ้นมาก่อนเธอมองไปที่ ซอง อันยี นิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาช้า ๆ “อันยี ที่ฉันโกรธเธอก็เพราะเธอไม่ให้เกียรติตัวเอง เธอก็รู้ดีนี่ว่า เซิน โมเฟย มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา นั่นทำให้ฉันโกรธมาก”“เสี่ยวเซียว ฉัน…”ซอง อันยี อยากที่จะอธิบายเป็นอย่างมาก แต่ก็ถูกคำพูดที่ตามมาของ หยิง เสี่ยวเซียว ขัดขึ้น“อย่าบอกฉันนะว่าเป็นเพราะความรัก ความรักไม่ใช่ทุกสิ่ง เซิน โมเฟย อาจจะรักเธอตอนนี้ เขาอาจจะบอกเธอว่าเขาจะต่อสู้กับคุณป
ทัง โรลชูว มอบอำนาจการสืบทอด ทัง กรุ๊ป ให้กับ ลู ชินจิน บริหารแทน เนื่องจากด้วยความสามาถของเธอ เธอกลัวว่าเธอจะทำให้บริษัทพังพินาศเป็นแน่ ไม่ช้าก็เร็วเมื่อเธอบอก ลู ชินจิน ถึงการตัดสินใจของเธอ เขาเลิกคิ้วเรียวสูงเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น “คุณเชื่อใจผมขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”“แน่นอนสิคะ คุณเป็นสามีของฉัน ถ้าไม่เชื่อใจคุณฉันจะไปเชื่อใจใครได้อีก” นั่นคือคำตอบของเธอที่ให้แก่เขาในตอนนั้น ที่จริงแล้วเธออยากจะตอบกลับว่า ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลลู กิจการขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลอย่างเขา จะมาใส่ใจอะไรกับบริษัทอุตสาหกรรมเล็ก ๆ อย่าง ทัง กรุ๊ป ที่แทบทำกำไรอะไรไม่ได้เลย? แน่นอนว่าเธอไม่พูด!ถึงแม้ในนามเธอจะเป็นประธานบริษัท ทัง กรุ๊ป แต่คนที่บริหารบริษัทจริง ๆ คือ ลู ชินจินดังนั้นเหล่าปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้ ทัง โรลชูว ปวดหัวก็ถูกแก้ไขไปได้หมดสิ้นและ ทัง โรลชูว ก็ยังคงกลับไปทำงานที่ข่าวบันเทิงไทม์ ด้วยตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างรองผู้จัดการในแผนกสื่อมวลชนของเธอ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงแต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอสนใจจะทำดังนั้น เธอจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำงานหนักเพื่องานของเธออย่างเช่นวันนี้ ทัง โรลชูว โดนเรีย
“ยัยบ้านั่นไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนของเธอเลยสินะ! เธอไม่บอกพวกเราสักนิดทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้” ดังเช่น ทัง โรลชูว และ หยิง เสี่ยวเซียว จึงโกรธมากที่ ซอง อันยี ปิดบังเรื่องสำคัญเช่นนี้จากพวเขา เธอรู้สึกทั้งโกรธและผิดหวังในเวลาเดียวกันทัง โรลชูว ปลอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม “เธอคงจะไม่อยากให้เราต้องกังวลน่ะ เธอก็เลยเลือกที่จะไม่บอกเรา”หยิง เสี่ยวเซียว พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ก็คงจะอย่างนั้นแหละ เธอน่ะเป็นผู้หญิงที่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นที่สุดเลยแหละ! แต่ฉันก็ไม่รู้สึกยินดีหรอกนะ”ทัง โรลชูว ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปทาง ซอง อันยี รอยยิ้มเล็ก ๆ มุมปากของเธอจางหายไป ความกังวลฉายออกมาทางแววตาของเธอคดีทุจริตของตระกูลหยาง สร้างความเสียหายให้ผู้คนมากมาย การตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วนจะทำให้สามารถตามตัวคนผิดได้ถูกคน เพื่อปิดบังความจริง หยาง เฉียนเฉียน และ ฮัน ยีเฉิน จึงได้ผลักคุณซอง และคุณนายซอง ออกมาเป็นแพะรับบาปแทนพวกเขา ตระกูลหยางและตระกูลซอง เปรียบเสมือนก้อนหินและไข่ ไม่มีทางเลยที่จะสามารถโต้กลับได้ครั้งก่อน อันยีนำยูเอสบีมาเพื่อที่จะใช้เป็นเครื
ผลการตัดสินที่ออกมาเกินกว่าที่ หยาง เฉียนเฉียน คาดการณ์ไว้ เธอคิดไว้ว่าคนตระกูลซองซองสองคนนั่นจะต้องถูกตัดสินให้ได้รับโทษในวันนี้แน่ ๆ ตราบใดที่สองคนนั้นถูกตัดสินว่าเป็นคนผิด ตัวเธอและ ฮัน ยีเฉิน ก็จะรอดตัวไป พวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัวอยู่ทุกวันว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปงออกมาแต่ตอนนี้นั้น…เมื่อเดินออกมาจกาห้องพิจารณาคดี เธอรีบหันมาหา ฮัน ยีเฉิน และตะโกนอย่างโกรธแค้นออกมา “ฮัน ยีเฉิน ไหนนายบอกว่าทุกอย่างจะราบรื่นดีไง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? บอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”ฮัน ยีเฉิน เองกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผลการพิจารณาคดีจะออกมาแบบนี้ “เฉียนเฉียน อย่าโวยวายไปถ้าเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเข้า” ฮัน ยีเฉิน มองดูผู้คนที่อยู่รอบที่ยังไม่ลุกออกไป ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็นหยาง เฉียนเฉียน ยังคงมีเหตุผลอยู่บ้าง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “ก็ได้ กลับกันเถอะแล้วจะได้คุยกัน”หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและกำลังจะเดินออกไป พลันก็สังเกตุเห็น ทัง โรลชูว และพ้องเพื่อนจากปลายหางตาของเธอมุมปากของเธอหยักขึ้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เธอเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วย
หยิง เสี่ยวเซียว เลิกคิ้วขึ้น “แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนที่จะมาล้อเล่นด้วยได้”ทัง โรลชูว หัวเราะออกมาและมองไปยังมือของเธอที่ถูกฮัน ยีเฉิน จับไว้ก่อนหน้านี้ มีรอยแดงอยู่รอบข้อมือเธอทำให้เห็นว่า อัน ยีเฉิน กำข้อมือเถอะไว้แน่นแค่ไหนหัวใจของ ทัง โรลชูว รู้สึกเจ็บปวด เธอจับมือเพื่อนขึ้นมาก่อนจะลูบไล้เบา ๆ ที่รอยแดงนั้น “เจ็บหรือเปล่า?”หยาง เสี่ยวเซียว ส่ายหน้า “ไม่เลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเดี๋ยวมันก็จางไปเองแหละ” ซอง อันยี รู้สึกผิดกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น “เสี่ยวเซียว ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมามีปัญหาแบบนี้”ได้ยินดังนั้น หยิง เสี่ยวเซียว กรอกตาในทันทีก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ซอง อันยี ถ้าเธอพูดอย่างนั้นอีกครั้งฉันจะไม่สนใจเธอแล้วนะ”ซอง อันยี อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่พูดอีกแล้ว เผื่อว่าเธอจะไม่สนใจฉันจริง ๆ” เธอรู้ว่าเสี่ยวเซียวและชูวชูว ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับพวกเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ และพวกเขาไม่ชอบที่เธอมักจะทำตัวเป็นทางการกับพวกเขาหยิง เสี่ยวเซียว พยักหน้าอย่างพอใจ “อย่างน้อยเธอก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่เลวเลยหนิ”หลังจากพูดเช่นนั้น เธอก็หันกลับไปดู ฮัน
ในขณะที่ข่าวบนทีวีกำลังพูดถึงเรื่องคดีทุจริตของตระกูลหยาง ทัง โรลชูว กำลังเริ่มเรียนรู้การจัดดอกไม้จากป้าวูอยู่“การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นกรณีการทุจริตการบริหารจัดการระดับสูงของบริษัทตระกูลหยาง…”ได้ยินเสียงดังมาจากโทรทัศน์ ทัง โรลชูว รีบวางกรรไกรในมือลง ก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว เธอจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่วางตาลู ชินจิน เงยหน้ามองไปที่เธอ “คุณอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอวันนี้? ทำไมถึงยังจ้องข่าวนี้อย่างสนอกสนใจอยู่อีก?”“ฉันได้ฟังช่วงการพิจารณาคดี” ทัง โรลชูว เดินไปนั่งลงที่ข้างเขา “แต่ไม่ได้อยู่ฟังตอนสัมภาษณ์”บนหน้าจอทีวี หยาง เฉียนเฉียน กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและราบเรียบ “ฉันมั่นใจว่ากฏหมายจะยุติธรรม และจะให้คำตัดสินที่น่าพึงพอใจแก่ตระกูลหยางของเราค่ะ” “ไม่อยากจะเชื่อ!” มองไปที่ หยาง เฉียนเฉียน ด้วยความรังเกียจ ทัง โรลชูว รับไม่ได้อีกต่อไป “นี่พวกเขาเป็นคนที่น่าไม่อายที่สุดในโลกเลยหรือเปล่า? เธอทำให้ฉันมองโลกเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ นะ!”เมื่อเห็นว่าเธอเดือดดาล ลู ชินจิน ขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “เธอเป็นคนหน้าเกลียด แน่