ทัง โรลชูว มอบอำนาจการสืบทอด ทัง กรุ๊ป ให้กับ ลู ชินจิน บริหารแทน เนื่องจากด้วยความสามาถของเธอ เธอกลัวว่าเธอจะทำให้บริษัทพังพินาศเป็นแน่ ไม่ช้าก็เร็วเมื่อเธอบอก ลู ชินจิน ถึงการตัดสินใจของเธอ เขาเลิกคิ้วเรียวสูงเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น “คุณเชื่อใจผมขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”“แน่นอนสิคะ คุณเป็นสามีของฉัน ถ้าไม่เชื่อใจคุณฉันจะไปเชื่อใจใครได้อีก” นั่นคือคำตอบของเธอที่ให้แก่เขาในตอนนั้น ที่จริงแล้วเธออยากจะตอบกลับว่า ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลลู กิจการขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลอย่างเขา จะมาใส่ใจอะไรกับบริษัทอุตสาหกรรมเล็ก ๆ อย่าง ทัง กรุ๊ป ที่แทบทำกำไรอะไรไม่ได้เลย? แน่นอนว่าเธอไม่พูด!ถึงแม้ในนามเธอจะเป็นประธานบริษัท ทัง กรุ๊ป แต่คนที่บริหารบริษัทจริง ๆ คือ ลู ชินจินดังนั้นเหล่าปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้ ทัง โรลชูว ปวดหัวก็ถูกแก้ไขไปได้หมดสิ้นและ ทัง โรลชูว ก็ยังคงกลับไปทำงานที่ข่าวบันเทิงไทม์ ด้วยตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างรองผู้จัดการในแผนกสื่อมวลชนของเธอ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงแต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอสนใจจะทำดังนั้น เธอจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำงานหนักเพื่องานของเธออย่างเช่นวันนี้ ทัง โรลชูว โดนเรีย
“ยัยบ้านั่นไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนของเธอเลยสินะ! เธอไม่บอกพวกเราสักนิดทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้” ดังเช่น ทัง โรลชูว และ หยิง เสี่ยวเซียว จึงโกรธมากที่ ซอง อันยี ปิดบังเรื่องสำคัญเช่นนี้จากพวเขา เธอรู้สึกทั้งโกรธและผิดหวังในเวลาเดียวกันทัง โรลชูว ปลอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม “เธอคงจะไม่อยากให้เราต้องกังวลน่ะ เธอก็เลยเลือกที่จะไม่บอกเรา”หยิง เสี่ยวเซียว พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ก็คงจะอย่างนั้นแหละ เธอน่ะเป็นผู้หญิงที่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นที่สุดเลยแหละ! แต่ฉันก็ไม่รู้สึกยินดีหรอกนะ”ทัง โรลชูว ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปทาง ซอง อันยี รอยยิ้มเล็ก ๆ มุมปากของเธอจางหายไป ความกังวลฉายออกมาทางแววตาของเธอคดีทุจริตของตระกูลหยาง สร้างความเสียหายให้ผู้คนมากมาย การตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วนจะทำให้สามารถตามตัวคนผิดได้ถูกคน เพื่อปิดบังความจริง หยาง เฉียนเฉียน และ ฮัน ยีเฉิน จึงได้ผลักคุณซอง และคุณนายซอง ออกมาเป็นแพะรับบาปแทนพวกเขา ตระกูลหยางและตระกูลซอง เปรียบเสมือนก้อนหินและไข่ ไม่มีทางเลยที่จะสามารถโต้กลับได้ครั้งก่อน อันยีนำยูเอสบีมาเพื่อที่จะใช้เป็นเครื
ผลการตัดสินที่ออกมาเกินกว่าที่ หยาง เฉียนเฉียน คาดการณ์ไว้ เธอคิดไว้ว่าคนตระกูลซองซองสองคนนั่นจะต้องถูกตัดสินให้ได้รับโทษในวันนี้แน่ ๆ ตราบใดที่สองคนนั้นถูกตัดสินว่าเป็นคนผิด ตัวเธอและ ฮัน ยีเฉิน ก็จะรอดตัวไป พวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัวอยู่ทุกวันว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปงออกมาแต่ตอนนี้นั้น…เมื่อเดินออกมาจกาห้องพิจารณาคดี เธอรีบหันมาหา ฮัน ยีเฉิน และตะโกนอย่างโกรธแค้นออกมา “ฮัน ยีเฉิน ไหนนายบอกว่าทุกอย่างจะราบรื่นดีไง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? บอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”ฮัน ยีเฉิน เองกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผลการพิจารณาคดีจะออกมาแบบนี้ “เฉียนเฉียน อย่าโวยวายไปถ้าเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเข้า” ฮัน ยีเฉิน มองดูผู้คนที่อยู่รอบที่ยังไม่ลุกออกไป ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็นหยาง เฉียนเฉียน ยังคงมีเหตุผลอยู่บ้าง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “ก็ได้ กลับกันเถอะแล้วจะได้คุยกัน”หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและกำลังจะเดินออกไป พลันก็สังเกตุเห็น ทัง โรลชูว และพ้องเพื่อนจากปลายหางตาของเธอมุมปากของเธอหยักขึ้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เธอเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วย
หยิง เสี่ยวเซียว เลิกคิ้วขึ้น “แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนที่จะมาล้อเล่นด้วยได้”ทัง โรลชูว หัวเราะออกมาและมองไปยังมือของเธอที่ถูกฮัน ยีเฉิน จับไว้ก่อนหน้านี้ มีรอยแดงอยู่รอบข้อมือเธอทำให้เห็นว่า อัน ยีเฉิน กำข้อมือเถอะไว้แน่นแค่ไหนหัวใจของ ทัง โรลชูว รู้สึกเจ็บปวด เธอจับมือเพื่อนขึ้นมาก่อนจะลูบไล้เบา ๆ ที่รอยแดงนั้น “เจ็บหรือเปล่า?”หยาง เสี่ยวเซียว ส่ายหน้า “ไม่เลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเดี๋ยวมันก็จางไปเองแหละ” ซอง อันยี รู้สึกผิดกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น “เสี่ยวเซียว ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมามีปัญหาแบบนี้”ได้ยินดังนั้น หยิง เสี่ยวเซียว กรอกตาในทันทีก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ซอง อันยี ถ้าเธอพูดอย่างนั้นอีกครั้งฉันจะไม่สนใจเธอแล้วนะ”ซอง อันยี อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่พูดอีกแล้ว เผื่อว่าเธอจะไม่สนใจฉันจริง ๆ” เธอรู้ว่าเสี่ยวเซียวและชูวชูว ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับพวกเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ และพวกเขาไม่ชอบที่เธอมักจะทำตัวเป็นทางการกับพวกเขาหยิง เสี่ยวเซียว พยักหน้าอย่างพอใจ “อย่างน้อยเธอก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่เลวเลยหนิ”หลังจากพูดเช่นนั้น เธอก็หันกลับไปดู ฮัน
ในขณะที่ข่าวบนทีวีกำลังพูดถึงเรื่องคดีทุจริตของตระกูลหยาง ทัง โรลชูว กำลังเริ่มเรียนรู้การจัดดอกไม้จากป้าวูอยู่“การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นกรณีการทุจริตการบริหารจัดการระดับสูงของบริษัทตระกูลหยาง…”ได้ยินเสียงดังมาจากโทรทัศน์ ทัง โรลชูว รีบวางกรรไกรในมือลง ก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว เธอจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่วางตาลู ชินจิน เงยหน้ามองไปที่เธอ “คุณอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอวันนี้? ทำไมถึงยังจ้องข่าวนี้อย่างสนอกสนใจอยู่อีก?”“ฉันได้ฟังช่วงการพิจารณาคดี” ทัง โรลชูว เดินไปนั่งลงที่ข้างเขา “แต่ไม่ได้อยู่ฟังตอนสัมภาษณ์”บนหน้าจอทีวี หยาง เฉียนเฉียน กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและราบเรียบ “ฉันมั่นใจว่ากฏหมายจะยุติธรรม และจะให้คำตัดสินที่น่าพึงพอใจแก่ตระกูลหยางของเราค่ะ” “ไม่อยากจะเชื่อ!” มองไปที่ หยาง เฉียนเฉียน ด้วยความรังเกียจ ทัง โรลชูว รับไม่ได้อีกต่อไป “นี่พวกเขาเป็นคนที่น่าไม่อายที่สุดในโลกเลยหรือเปล่า? เธอทำให้ฉันมองโลกเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ นะ!”เมื่อเห็นว่าเธอเดือดดาล ลู ชินจิน ขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “เธอเป็นคนหน้าเกลียด แน่
เธอเลิกผ้าห่มขึ้นและเดินลงจากเตียง ลู ชินจิน ได้ยินที่เสียงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน เขาลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นเธอทำท่ากระวนกระวาย เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”“พ่อกับแม่ของอันยี ยอมรับสารภาพผิดแล้ว”ทัง โรลชูว รีบเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วรับสารภาพผิดงั้นเหรอ?!ลู ชินจิน คิ้วขมวดมากกว่าเดิม สีหน้าเศร้าหมองของเขามีร่องรอยแห่งความกังวลอยู่เขาไม่คาดคิดว่า หยาง เฉียนเฉียน จะลงมือเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเธอต่ำเกินไปลู ชินจิน และ ทัง โรลชูว รีบไปที่บ้านตระกูลซองทันทีเซิน โมเฟย เป็นคนมาเปิดประตูให้พวกเขา“อันยี อยู่ที่ไหน?” ทัง โรลชูว ถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย“เธออยู่ด้านใน”ทัง โรลชูว หันไปมองเขาก่อนจะรีบรุดเข้าไปด้านในซอง อันยี นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น สีหน้าของเธอไร้ความรู้สึก ดวงตาของเธอว่างเปล่าไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เธอดูไม่สู้ดีนัก เธอเดินเข้าไปหาเพื่อนก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามากอด พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “อย่ากลัวไปเลยนะอันยี พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว”เสียงพูดที่นุ่มนวลทำให้ ซอง อันยี ที่กำลังนิ่งเครียด ปล่อยโฮออกมาในทันที เธอร้องไห้ออกมาเสียง
กลับมาที่ด้านในห้อง ทัง โรลชูว หยุดร้องมาได้สักพักเธอตบหลังอันยีอย่างแผ่วเบา ปลอบโยนเธอด้วยความเงียบ ผ่านไปสักพัก ซอง อันยี ค่อย ๆ หยุดร้อง แต่ยังก็คงสะอื้นออกมาเบา ๆ ทัง โรลชูว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อันยี…”อันยีไม่ได้ตอบรับอะไรเธอพูดต่อ “อันยี คุณลุงและคุณป้ารับสารภาพผิดอย่างกระทันหันเช่นนี้ หยาง เฉียนเฉียน ต้องอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยน้ำตานะ คุณลุงและคุณป้ากำลังรอให้เราหาหลักฐานไปยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกเขาอยู่”ผ่านไปกว่า 10 วินาที อันยีจึงเงยหน้าขึ้นและนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาของเธอก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “ฉันจะไม่ร้องอีกแล้ว”ทัง โรลชูว ยิ้ม “ดีมาก พวกเราจะไม่ร้องอีกต่อไป เราจะต้องประเชิญหน้ากับปัญหาที่ยากลำบากนี้ด้วยความกล้าหาญ เพื่อที่คุณลุงคุณป้าจะได้รับอิสระโดยเร็วอีกครั้ง” เธอหยิบกระดาษทิชชูสองสามแผ่นยัดลงไปในมือของ ซอง อันยี “เช็ดน้ำตาซะแล้วไปล้างหน้าล้างตา ฉันจะไปเรียกชินจิน และคนอื่น ๆ เข้ามา”บรรยากาศในโถงห้องนั่งเล่น เงียบสงัดและเคร่งเครียดเซิน โมเฟย กุมมือ ซอง อันยี ไว้ในมือเขาไว้แน่นแบะปลอบโยนเธอ ให
ทัง โรลชูว รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่จะออกมานี้พวกเขาคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง ก่อนที่ ลู ชินจิน และ ทัง โรลชูว จะขอตัวกลับก่อนฮวงติง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป กำลังจะจัดงานเลี้ยงการกุศลขึ้นภายในอาทิตย์หน้า ในงานจะมีเหล่าผู้บริหารระดับสูงจากอุตสาหกรรมบันเทิงและนักธุรกิจระดับโลกมากมายมาร่วมงาน มันจึงจะเป็นงานที่อลังการมากนี่เป็นงานชิ้นสำคัญอีกหนึ่งชิ้นของฝ่ายข่าวแห่งสำนักข่าวบันเทิงไทม์ทัง โรลชูว เรียกนักข่าวในสังกัดของเธอมารวมตัวกันเพื่อทำการประชุมย่อย“พี่โรลชูว ที่จริงแล้วฉันไม่คิดว่าเหล่าดาราที่งานจะเป็นจุดเด่นของงานนั้นหรอกนะ ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นผู้บริหาร ลู ชินจิน แห่งธันเดอร์โบลท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ปมากกว่า ถ้าเราสามารถขอสัมภาษณ์เขาได้ ชื่อเสียงของเราก็จะพุ่งกระฉูดในวงการนี้อย่างมากเลยล่ะ” เสี่ยว ซู คือคนที่พูดขึ้น เขาเป็นน้องเล็กของทีมที่มาฝึกงานที่นี่ เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่คนอื่น ๆ ในทีมกลับเพียงแค่นิ่งสงบและฟังสิ่งที่เขาพูดทัง โรลชูว ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “เสี่ยว ซู นายไม่รู้หรอกเหรอว่า ผู้บริหารของธันเดอร์โบลท์ เอ็นเตอร์เทนเ