ช่วยรอเป็นเพื่อน
ฉันยืนมองแผ่นหลังของชายหญิงที่เดินผ่านไปจนลับตาด้วยน้ำตาคลอเบ้า พอได้สติก็รีบปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนที่จะพ่นมันออกมาเบา ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านอาหารหรู
หลังจากทานข้าวจนอิ่มเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึก ฉันเดินชอปปิ้งจนเพลินไม่ได้ดูเวลาเลย ระหว่างทางฉันขับรถโดยไม่ได้ใช้ความเร็วมากเปิดเพลงในรถเพื่อให้ตัวเองอารมณ์ดี คลายความหมองหม่นที่อยู่ภายในใจ แต่ทว่าจู่ ๆ รถที่ฉันขับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็เกิดดับไปซะอย่างนั้น
"เป็นอะไรเนี่ย"ฉันพึมพำแล้วมองซ้ายมองขวา ซึ่งน่าโมโหมากที่รถดันดับในสถานที่เปลี่ยว ฉันเปิดไฟฉุกเฉินไว้ แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาคนขับรถที่บ้าน แต่ก็ไม่รับสาย หรืออาจจะเป็นเพราะเขาอาจจะกำลังขับรถ หรือไม่ก็แบตหมด ฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกจึงไม่มีเบอร์ช่าง ตอนนี้มีทางเดียวคือต้องรอให้ลุงกรโทรกลับมา ฉันไม่กล้าออกจากรถไปไหนเลยเพราะรู้สึกกลัวมาก
ฉันรอลุงกรโทรกลับมาสักพัก แต่ก็ไม่มีวี่แวว ครั้นจะโทรหาพ่อก็กลัวว่าท่านจะดุ โอ๊ย ทำยังไงดี จะทิ้งรถไว้แล้วขึ้นแท็กซี่กลับ แต่แถวนี้ไม่มีแท็กซี่ผ่านเลย ฉันคิดอยู่สักพักใหญ่จึงตัดสินใจจะโทรหาพ่อ กำลังจะกดโทร อยู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดประกบข้าง ๆ หัวใจฉันเต้น ตึกตัก ตึกตัก ด้วยความกลัว แต่เมื่อคนขับลงจากรถ หัวใจฉันกลับเต้นแรงมากขึ้นไปอีก แต่เป็นการเต้นแรงด้วยความดีใจ
"พี่ทอย"ฉันเอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถ
"รถเป็นอะไร"เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบสายตาจ้องไปที่รถของฉัน โดยที่ไม่ได้มองหน้าฉันเลย
"เอ่อ..."ยังไม่ทันได้พูดอะไรชายร่างสูงก็วิสาสะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ เขาพยายามจะสตาร์ทรถ แน่นอนว่ามันไม่ติด จากนั้นเขาจึงลงจากมาแล้วเดินไปเปิดกระโปรงรถดูเครื่องยนต์ พอเปิดกระโปรงควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาทำเอาฉันตกใจมาก
"ขับมาได้ยังไง"พี่ทอยหันมาพูดกับฉัน
"รถต้องเป็นอะไรเหรอคะ"พอควันเริ่มจางฉันจึงเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ไม่รู้หรอก
"หึ.."เขาไม่ตอบแต่แค่นหัวเราะในลำคอแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจก่อนที่จะหันมาที่ฉัน
"...โทรหาใครหรือยัง"ปากหนาขยับแต่สีหน้าเรียบนิ่ง
"ต้องโทรหาลุงกรแล้วแต่เขาไม่รับสายน่าจะติดธุระอยู่ แล้วกำลังจะโทรหาพ่อพี่ก็มา...."
"ไม่มีเบอร์ช่าง?"ฉันส่ายหน้าแล้วก้มลง
"เฮ้อออ"เสียงถอนลมหายใจของชายร่างสูงตรงหน้าทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองเขา ในขณะที่เขาล้วงไปในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรในขณะที่เขาก้าวขาเดินไปไม่ไกลเพื่อคุยโทรศัพท์ ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเขาก็เผลออมยิ้มออกมา ภาพวันแรกที่เราเจอกันก็ผุดเข้ามาในหัว
.
.
ตอนที่ฉันเรียนอยู่ปี 1
ระหว่างที่ฉันขับรถกลับบ้าน อยู่ ๆรถก็ดับแบบนี้เลย และเป็นเขาที่มาช่วย แต่คำพูดและสีหน้าดีกว่านี้มาก
"รถเป็นอะไรครับ"
"พี่ชื่อทอยนะ เรียนอยู่ปี3"
"น้องชื่ออะไรครับ"
และหลังจากนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งได้เป็นแฟนกัน
.
.
.
"สักพักช่างจะมา"ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น
"ค่ะ"พอสิ้นเสียงชายหนุ่มร่างสูงก็เดินไปที่รถเขา
"พี่จะไปไหนคะ"ฉันเห็นว่าเขาเปิดประตูแล้ว
"...."เขาหันมามองฉันเสี้ยวนาทีแล้วเข้าไปในรถ
"พี่ช่วยรอช่างเป็นเพื่อนต้องก่อนได้ไหม..."ระหว่างที่ฉันกำลังพูดอยู่ชายหนุ่มก็เปิดเก๊ะที่หน้ารถราวกับกำลังหาอะไรอยู่
"...ต้องกลัว"พอสิ้นเสียง พี่ทอยก็ออกมาจากรถพร้อมกับบุหรี่และไฟแซ็คในมือ
"เธอกลัวอะไร..."ว่าจบเขาก็จุดบุหรี่แล้วสูดเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมา
"...แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้เธอยังกลัวอะไรอีก"สายตาคมจ้องมองมาที่เสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่ แน่นอนว่าตอนที่เราคบกันเขาไม่เคยเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งวันนี้ฉันเลือกสวมใส่ชุดเดรสกระโปรงสั้น และยังเป็นสายเดี่ยวอีกด้วย
"..."ฉันก้มมองชุดที่ฉันใส่ ใช่ มันดูโป๊จริง ๆ
"คิดยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้"พอเขาพ่นควันบุหรี่ออก ก็หันมาพูดกับฉัน
"เอ่อ.."
"เหอะ"ฉันยังไม่ทันได้พูดพี่ทอยก็แค่นหัวเราะแทรกเข้ามาแล้วส่ายหน้า
ฉันได้ยืนนิ่งมองเขาสูบบุหรี่จนหมดมวน จากนั้นเขาก็เดินไปเอาหลังพิงที่รถของเขา แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
"ฮาโหลครับ"เขาล้วงออกมาจากกระเป๋าแล้วรีบกดรับเมื่อเห็นเบอร์ปลายสาย
"ยังครับ"พี่ทอยส่งสายตามาที่ฉันที่ยืนมองเขาคุยโทรศัพท์อยู่
"พอดี เพื่อนพี่รถเสียน่ะครับ...พี่ก็เลยโทรเรียกช่างให้แล้วรอช่างเป็นเพื่อนมัน"เพื่อน? เขาใช้คำว่าเพื่อนกับฉัน
"ครับ ถ้าช่างมาพี่จะรีบกลับ"
"ฝันดีครับ...รักครับ"หัวใจฉันเกิดเต้นโครมครามทันทีที่ได้ยินเขาพูดคำว่ารักในสาย เดาว่าเขาต้องคุยกับแฟนอยู่แน่ ๆ
พอพี่ทอยวางสาย เขาก็ยืนเล่นโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรกับฉันเลย มีแต่ความเงียบ จนฉันทนต่อความเงียบนี้ไม่ไหวจึงปริปากพูดออกมาก่อน
"พี่สบายดีไหม"เขาเงยหน้าขึ้นมาฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"เห็นฉันไม่สบายหรือเปล่าล่ะ"
"ผู้หญิงคนนั้นแฟนใหม่พี่เหรอ"
"อืม"เป็นคำตอบสั้น ๆ แต่ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ
"คบกันมานานหรือยัง"ฉันก็ยังคงถามต่อ ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดันแฝงความไม่พอใจ
"ขอโทษที่ต้องละลาบละล้วง"จากนั้นความเงียบก็เข้ามาอีกรอบ ฉันได้แต่ยืนมองคนตัวโตยืนเล่นโทรศัพท์อย่างไม่ละสายตา ด้วยความรักและคิดถึงมันจุกอยู่ในอกฉันมานาน
จนกระทั่งรถของช่างก็มาถึง พอช่างได้ทำการตรวจเซ็คเครื่องยนต์ดู สรุปแล้วคือต้องลากรถฉันเข้าอู่
"ไปขนของเธอมาไว้ในรถฉัน"ฉันหันไปที่เจ้าของใบหน้าหล่อด้วยความสงสัย
"ฉันจะไปส่งที่บ้าน"
"จริงเหรอคะ"ฉันฉีกยิ้มกว้างทันที แล้วรีบเอาข้าวของที่อยู่เบาะหลังออกไปไว้ที่รถพี่ทอยด้วยความดีใจ
.
.
"ขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ที่ช่วยต้องแถมยังมาส่งต้องอีก"ตอนนี้พี่ทอยขับรถพาฉันมาส่งที่บ้าน แน่นอนว่าเขารู้ทางเป็นอย่างดี
"หึ ถึงเป็นหมาจรจัดฉันก็ช่วย"ฉันหุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินคำพูดของอดีตแฟน
"ยังไง ต้องก็ต้องขอบคุณ..."ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนขับ
"...ต้องจะหาโอกาสตอบแทนพี่นะ"
"ไม่ต้อง"พี่ทอยสวนกลับทันที
"พี่ยังใช้เบอร์เดิมหรือเปล่าคะ"ฉันไม่สนคำปฏิเสธของเขา เลือกที่จะหาทางติดต่อกับเขาเพื่อจะได้ตอบแทนที่เขาช่วยวันนี้
"...."อดีตแฟนไม่ตอบเขาพ่นลมหายใจอย่างเอือมระอา แล้วบรรยากาศก็เงียบกริบ ฉันได้แต่จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจ ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ คนที่เคยอ่อนโยน กลับกลายเป็นแข็งกระด้าง คนที่เคยคอยถามคอยพูดคุย กลับกลายเป็นคนเย็นชาไปซะได้
พี่ทอยจอดรถแต่ติดเครื่องยนต์ตรงหน้าประตูรั้วบ้าน
"พี่จะเข้าไปในบ้านก่อนไหม"ฉันเอ่ยถามพลางปลดเบลล์ออก
"ไม่"
"ค่ะ"ฉันหันไปคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วลงจากรถ เดินไปเปิดประตูรถด้านหลังแล้วหยิบข้าวของออกมา ก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้า ระหว่างที่พี่ทอยลดกระจกลง
"เราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้วนะ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"แต่ต้องอยากตอบ..."
"ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง!"ว่าจบ ก็เลื่อนกระจกขึ้นก่อนที่จะขับออกไป