ที่ฉันเคยยืน
ฉันขอให้พลอยพาฉันกลับเพราะรู้สึกไม่อยากดื่มต่อแล้ว มันรู้สึกเจ็บ ๆ ที่หัวใจสุด ๆ ระหว่างทางฉันก็ยังนึกถึงเขา คิดถึงแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรักเขามากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเขาคือรักแรกและเป็นผู้ชายคนแรกของฉันที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
"แก..โอเคไหม"ฉันลบความคิดที่ปั่นป่วนออกจากสมองแล้วหันไปที่เพื่อน
"บอกตามตรง..ฉันไม่โอเคเลย"
"แกควรตัดใจ..เฮ้อแต่ฉันก็เข้าใจนะว่าพี่ทอยเป็นคนแรกที่ทำให้แกยอมเปิดหัวใจที่ปิดมานาน"ที่เพื่อนฉันพูดแบบนี้ก็เพราะเธอรู้มาตลอดว่าฉันไม่เคยเปิดใจรับรักผู้ชายคนไหนเลย จนมาเจอพี่ทอย
"...."ฉันไม่ได้พูดอะไรกลับไป เพียงแต่คิดว่าฉันคงไม่มีวันตัดใจจากเขาได้แน่ และยังคิดว่าจะต้องทำทุกอย่างให้เขากลับมารักฉันให้ได้
เช้าวันต่อมา
ฉันตื่นมาทานอาหารเช้าพร้อมกับพ่อ บรรยากาศที่โต๊ะอาหารซึ่งเงียบกริบ มีแค่เสียงช้อนกระทบกับชามเบา ๆ ฉันสังเกตว่าพ่อเหลือบมองฉันอยู่บ่อย จึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
"พ่อมีอะไรจะคุยกับต้องหรือเปล่าคะ"
"แกไปที่นั้นมาเหรอ"
"ใช่"ที่พ่อพูดถึงนั้นก็คือที่บรรจุอัฐิของพี่ชายฉัน
"ฉันเคยสั่งแกห้ามไปที่นั่นไม่ใช่เหรอ!"พ่อตวาดใส่ฉันด้วยสีหน้าดุดัน
"ทำไมต้องจะไปไม่ได้..นั้นพี่ชายต้องนะ"ฉันสวนกลับอย่างไม่เกรงกลัว
"คนขี้แพ้อย่างนั้นนะ..แกยังนับว่ามันเป็นพี่ชาย"ดวงตาฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อ
"พี่ตั้งไม่ได้เป็นคนขี้แพ้..แต่พ่อนั้นแหละที่ยัดเยียดให้เขาเป็นคนขี้แพ้"ปัง! พอสิ้นเสียงพ่อก็ทุบที่โต๊ะเสียงดังพานให้แม่บ้านรวมถึงป้าจันที่คอยบริการสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ
"ยัยต้อง!...."ท่านวางช้อนแล้วลุกขึ้น
"....แกเคยเห็นฉันเป็นพ่อแกบ้างไหม"
"แล้วพ่อเคยเห็นต้องกับพี่ตั้งเป็นลูกบ้างหรือเปล่าล่ะ"ฉันย้อนถามกลับไป
"คุณหนู.."เป็นเสียงป้าจันที่พยายามจะห้ามฉันเถียงคนเป็นพ่อ
"เฮ้อ..."พ่อพ่นลมหายใจพรืดใหญ่
"....ถ้าแกขืนยังไปอีกฉันจะไม่ให้แกออกจากบ้านไปไหนเลย"
"พ่อจะทำแบบนี้กับต้องไม่ได้นะ"พ่อไม่สนใจคำพูดฉัน
"กรเตรียมรถ"เขาตะโกนสั่งลุงกรคนขับรถแล้วก็เดินออกไปจากห้องอาหาร ฉันมองแผ่นหลังคนเป็นพ่อแล้วลอบหายใจเบา ๆ นึกว่าฉันจะเชื่อที่พ่อบอกเหรอ ฉันไม่ยอมปล่อยให้พี่ตั้งเหงาอยู่คนเดียวหรอกนะ
"คุณหนูคะ ป้าไม่อยากให้คุณหนูเถียงคุณท่านเลย อะไรยอมได้ก็ยอมเถอะค่ะ"ป้าจันเดินเข้ามาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ก็พ่อโทษแต่พี่ตั้งว่าเป็นคนขี้แพ้..ไม่ยอมโทษตัวเอง..."
"...ที่พี่ตั้งต้องฆ่าตัวตายก็เพราะพ่อ"ฉันพึมพำเบา ๆ กับตัวเองแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสลด
.
.
.
ในอดีต
"พ่อ พี่ตั้งเป็นยังไงบ้างคะ"ฉันวิ่งนำหน้าป้าจันไปหาพ่อที่ยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยวิกฤตภายในโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ
"หมอกำลังช่วยพี่แกอยู่"
"ทำไมพี่ตั้งต้อง..."ยังพูดไม่จบประโยคหมอก็เดินออกมาจากห้อง ฉันกับพ่อก็รีบเดินเข้าไปหา
"ลูก..ลูกผมปลอดภัยดีใช่ไหมครับ"พ่อพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ดวงตาแดงก่ำ
"เอ่อ...หมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ"ว่าจบ หมอก็เดินออกมาในขณะที่ฉันกรีดร้อง และร้องไห้ออกมาราวกับคนบ้า
"กรี๊ดดดด ไม่จริง พี่ตั้งต้องไม่เป็นอะไร..ฮืออออ ฮือออ"ฉันฟุบตัวลงร้องไห้อย่างบ้าคลั่งจนพ่อต้องมาประคองตัวขึ้น
"จัน พายัยต้องกลับไปก่อน"ระหว่างที่ป้าจันจะมารับประคองฉันจากพ่อ ฉันก็ตะโกนเสียงดังและขัดขืน
"ไม่..ต้องไม่กลับต้องจะอยู่กับพี่ตั้ง"ฉันพยายามดิ้นสะบัดตัวออกจากพ่อ เพื่อจะเข้าไปในห้องที่มีพี่ชายฉันอยู่ จนทำให้บุรุษพยาบาลและพยาบาลมาช่วยกันจับ. ฉันโวยวายลั่นโรงพยาบาลจนทำให้พยาบาลตัดสินใจฉีดยานอนหลับ เพื่อให้สงบสติ
.
.
.
"ตอนนั้นคุณท่านก็เสียใจมากเหมือนกันนะคะ"ฉันหลุดออกจากภาพในอดีตแล้วเงยหน้าขึ้นมองป้าจันที่ยืนลูบหลังฉัน
"แต่ถ้าพ่อไม่กดดันพี่ตั้ง...เขาก็คงไม่ตาย"
"คุณหนู..."ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนที่ป้าจันจะพูดต่อ
"ต้องอิ่มแล้วขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ"ว่าจบ ฉันก็เดินออกมาแล้วขึ้นไปที่ห้องนอนส่วนตัว
พอเข้ามาในห้องฉันล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม เพื่อจะผ่อนคลายแต่อยู่ ๆ ในหัวก็มีภาพการตายของพี่ชายฉันลอยเข้า และฉันจะรู้สึกเครียดมาก ฉันหยัดกายลุกขึ้นแล้วดึงลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงออกมาแล้วหยิบกระปุกยานอนหลับขึ้นมาแกะฝา เทยาใส่ไปในมือจากนั้นก็กระดกเข้าไปในปากกลืนลงคอ
.
.
.
ฉันตื่นมาอีกทีก็ช่วงบ่าย ๆ แล้ว จึงลุกลงจากเตียง จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะว่าฉันจะออกไปชอบปิ้งสักหน่อย
.
.
"คุณหนูจะไปไหนคะ"พอลงมาจากห้องก็เจอกับป้าจันเข้าพอดี
"ต้องจะออกไปชอบปิ้งน่ะ แล้วจะทานมื้อเย็นมาด้วยเลยป้าไม่ต้องทำอาหารเผื่อต้องนะคะ"
"ค่ะ"พอสิ้นเสียงฉันก็เดินไปในห้องเก็บกุญแจรถ แล้วเลือกหยิบกุญแจรถที่ขับบ่อย ๆ ตอนเรียนมหาลัยออกมา
ฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการถลุงเงินพ่อของฉันมา ซื้อของแบรนด์เนมมากมายจนต้องเอาไปไว้ที่รถถึงสองรอบ ถ้าพ่อเห็นวงเงินที่ฉันรูดวันนี้ท่านคงจะตกใจน่าดู จริง ๆ ฉันไม่ใช่เป็นคนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้หรอก แต่ถ้าเวลาฉันโกรธพ่อเมื่อไหร่ ฉันก็จะระบายอารมณ์กับเงินที่พ่อหามา
"สองทุ่มแล้วเหรอเนี่ย"ฉันยกแขนดูนาฬิกาข้อมือแล้วพึมพำเบา ๆ
"หิวจัง"สายตาฉันกวาดมองไปยังร้านอาหารภายในห้าง ก็ต้องสะดุดเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังควงแขนกันออกมาจากร้าน ร้านหนึ่งหัวใจของฉันก็เต้นรัว ๆ ขึ้นทันที
"พี่ทอย"ใช่แล้วเขาคือแฟนเก่าของฉันที่ควงแขนมากับผู้หญิงที่ฉันเจอเมื่อคืนท่าทางกระหนุงกระหนิงกันมาก ในระหว่างที่ฉันจ้องมองพวกเขา จู่ ๆ สายตาคมกริบก็หันมาสบตากับฉัน นั้นเป็นสายตาของพี่ทอย ซึ่งเมื่อเขาเห็นฉันแล้วก็ใช้แววตาที่แสนจะเย็นชาจ้องฉันเสี้ยวนาทีก่อนจะหันกลับไปเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่ดูอ่อนโยนกับผู้หญิงข้างกาย หยดน้ำใส ๆ ก็หยดออกมาจากตาอย่างไม่รู้ตัว หัวใจฉันเหมือนกับมีมีดมากรีดตรงกลางใจ สายตาจ้องไปที่ชายหญิงคู่นั้นอย่างไม่ลดสายตา ภาพความทรงจำเมื่อครั้งนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว
"เธอจะเป็นคนเดียวที่ยืนเคียงข้างพี่ตลอดไป"นั้นเป็นคำพูดของเขาที่มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก ๆ เพราะรักเขาและสัญญาว่าจะยืนเคียงข้างเขาไปตลอดเช่นกัน
แต่ตอนนี้ ที่ฉันเคยยืน มันไม่ใช่ฉัน
ตอนจบ"เธอคิดเราจะไปปั๊มลูกที่ไหนกันดี"พอสิ้นเสียงฉันก็พลิกตัวหันไปที่สามีทันที"พี่หมายความว่าอะไร"ฉันขมวดคิ้วเอ่ยถามสามีสุดหล่อที่ยืนอมยิ้มตรงหน้า"ฮันนีมูนน่ะ..เธออยากไปที่ไหน""แล้วเกี่ยวอะไรกับทำลูก?"พูดจบสามีสุดหล่อก็กลั้วหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย"เหอะ...ก็พ่อเธออยากอุ้มหลานไม่ใช่เหรอพี่ก็เลยอยากให้ท่านสมหวัง""ชิว์ คนบ้ากาม"ฉันพึมพำแล้วจัดการถอดเครื่องประดับตัวเองต่อ"ให้พี่ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ไหม"เสียงทุ้มแฝงเซ็กซี่ดังเข้ามาข้าง ๆ ใบหู"พี่ทอย..ต้องเหนื่อย"ฉันรู้เจตนาของสามีว่าเขาต้องการอะไร จึงแย้งทันที"แต่พี่ไม่เหนื่อย พี่ทำให้เธอได้""เฮ้ออออ"ฉันพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่"ให้พี่ถอดให้นะ"ปากว่าแต่มือรูดซิบชุดราตรีที่ด้านหลังลงแล้วคืนเข้าหอ ฉันก็ไม่รอดพ้นน้ำมือพี่ทอย เขาจัดหนักจัดเต็มราวกับคนหิวโหย ปึก ปึก ปึก"อื้ออออ พี่ทอยพอได้แล้ว"ฉันใช้มือผลักหน้าอกแกร่งในขณะที่สามีป้ายแดงกำลังจะสอดท่อนเอ็นเข้ามาอีกครั้ง"อีกรอบเดียว..พอเลย"คนบนร่างพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า แล้วพอพูดจบ พรวด! ท่อนยักษ์ก็ได้สอดแทรกเข้ามาที่ร่องแคบของฉันแล้ว."อ่า~" ปึก ปึก ปึกเช้าวันต่อมาพี่ทอยพาฉันออกจากโรง
แต่งงานแผลที่ขาฉันดีขึ้นมากแล้ว พี่ทอยที่คอยแวะเวียนมาคอยดูแลฉันอยู่ตลอดหลังจากออกโรงพยาบาล. จึงได้บอกกับพ่อของฉันว่าจะพาพ่อของเขาและน้าเรอามาคุยเรื่องการสู่ขอ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะหลังมานี้ท่านดูเอ็นดูพี่ทอยขึ้นมามาก และทำท่าอยากจะได้เป็นลูกเขยใจจะขาดวันนี้แหละเป็นวันที่พี่ทอยจะพาครอบครัวมา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วฉันจะได้ลงเอยกับรักแรก ที่เคยเลิกลากันมาแล้วครั้งหนึ่งก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังมาจากนอกห้องพร้อมกับเสียงเรียกของป้าแม่บ้าน"คุณหนูต้องแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ"ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูทันที"เรียบร้อยแล้วค่ะ""พวกเขามากันแล้วค่ะคุณหนู รีบลงไปกันเถอะ"ฉันคลี่ยิ้มหวานแต่ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ก้าวขาเดินตามป้าแม่บ้านลงมาจากห้อง.พอมาถึงที่ห้องรับแขกก็ได้พบกับพ่อพี่ทอยแล้วน้าเรอาจึงรีบยกมือไหว้ ก่อนที่จะนั่งลง.จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้น เราปรึกษาหารือกันร่วม ๆ สองชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า งานแต่งของฉันกับพี่ทอยจะเกิดขึ้นภายในสามเดือนข้างหน้า พี่ทอยยิ้มไม่หุบ กุมมือฉันไว้ตลอดเลยหลังจากตกลงกันเรียบร้อย พ่อฉันก็ชวนครอบครัวพี่ทอยทานข้
ยอมรับ"แฟนเก่าแก่น่ะ"ฉันได้ยินที่พ่อบอกก็หลุดหัวเราะออกมา"คิกคิก""จะให้เข้ามาไหม"จากนั้นพ่อก็ถามกลับมา"ให้เข้ามาสิคะ"ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหลังจากที่พ่อรู้ว่าพี่ทอยไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ลูกชายของท่านเสียชีวิต จึงลดทิฐิลงยอมเปิดใจรับฟังเรื่องราวพี่ทอยจากปากฉัน ซึ่งฉันก็รู้สึกดีใจและเล่าเรื่องของฉันกับพี่ทอยให้พ่อฟัง.ว่าเจอกันยังไง ใครจีบใครก่อน จนกระทั่งตอนที่เขาบอกเลิกโดยที่ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหตุผล คอยไปดักเจอเขาจนเสียการเรียน ก็เป็นสาเหตุที่พ่อส่งฉันไปเรียนเมืองนอก พอฉันกลับมาก็ได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่ได้เล่าถึงความร้ายกาจที่พี่ทอยทำกับฉันนะ กลัวพ่อจะเกลียดเขา และกลัวว่าจะไม่ยอมให้เราคบกัน ถึงแม้ฉันก็ยังมาความแค้นใจอยู่บ้างตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามา ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มให้ฉันแบบเจื่อน ๆ"มีธุระอะไร"พี่ทอยหันขวับกลับไปที่คนถาม."เอ่อ..คือผมอยากมาเยี่ยมน้องอ่ะครับ"น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความประหม่า ฉันนั่งมองแฟนหนุ่มแล้วคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขาดูเกร็ง ๆ พออยู่ต่อหน้าพ่อของฉัน"...."พ่อฉันไม่พูดอะไรเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง พี่ทอยยืนมอ
ความจริง 2TOYตกเย็นผมก็รีบเก็บของเตรียมตัวไปหาไอ้กั้งทันที วันนี้ในหัวผมคิดแต่เรื่องที่มันพูด ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน ก็สวนเข้ากับรณ น้องชายต่างมารดาของผมเข้า"ดูรีบร้อน..จะไปไหน"มันถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ"ไปหาไอ้กั้ง"ผมตอบกลับพร้อมกับจะก้าวขาเดิน แต่น้องชายต่างมารดาก็คว้าแขนผมไว้"มันออกมาแล้ว?"ผมผงกหัวรับ"ใครพามันออกมา ได้ยินว่าอามัน...""ไม่รู้เหมือนกัน ก็จะไปถามมันอยู่นี่ไง"ผมพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะตอนนี้ผมอยากจะไปเจอกับเพื่อนเก่าที่เคยร่วมชั้นเรียนแล้ว."ฉันไปด้วย"พูดจบ ไอ้น้องชายหน้านิ่งก็เดินนำหน้าผมไป"เฮ้อ"ผมพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วจำยอมให้มันไปด้วย"มันพูดอะไรบ้าง"ระหว่างที่ผมขับรถน้องชายหน้านิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมา"มันจะบอกความจริงเรื่องการตายของไอ้ตั้ง"พูดจบรณก็หันขวับมาที่ผม"การตายของไอ้ตั้ง?"แล้วพึมพำเบา ๆ"อืม..มันต้องรู้อะไรแน่"สิ้นเสียงผมก็รีบเหยียบคันเร่งทันทีเพื่อจะไปให้ถึงเร็วที่สุดพอมาถึงผมกับรณก็รีบลงจากรถแล้วเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้นดาดฟ้า"แฮ่ก ๆ"กว่าจะถึงผมกับรณก็ยืนหอบกันใหญ่"แก่แล้วก็งี้แหละ"ผมหันไปบอกกับน้องชายหน้านิ่ง."ฉันยังไม่แก่"พู
ความจริงเช้าวันต่อมาประธานบริษัทใหญ่ เดินทางมายังที่โรงพักซึ่งเป็นสถานที่กักคุมเพื่อนของลูกชาย การมาของเขาครั้งนี้ก็เพราะมายื่นประกันตัวชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยความสงสาร และเห็นใจ โดยเขาได้ให้ตำรวจเปลี่ยนสำนวนคดีจากการพยายามฆ่า เป็นแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น จากนั้นก็ให้ทนายยื่นประกันตัวคดี ฉ้อโกง รวมถึงการทำร้ายร่างกายเขาและลูกสาวหลังจากที่ประกันตัวเรียบร้อย กั้งก็ได้เดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้า ดวงตาแดงก่ำ วิโรจที่รู้สึกรักและเอ็นดูลูกชายของเจ้านายก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ"ขอบคุณนะครับอาโรจ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น และรู้สึกเสียใจ ที่พอได้รู้ความจริงทุกอย่างจากปากคนสนิทของพ่อตัวเอง.ว่าโดนอาแท้ ๆ หลอกใช้ ยังรู้อีกว่าเขายังมีส่วนร่วมในการตายของพ่อแม่อีกด้วย"คนที่คุณกั้งควรจะขอบคุณก็คือคุณต้อ"วิโรจบอกพร้อมกับหันไปที่ประธานบริษัทใหญ่ จากนั้นชายหนุ่มรุ่นลูกก็เดินไป แล้วคุกเข่า"จะทำอะไร..."ประธานวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ แต่ชะงักอึ้ง เมื่อชายหนุ่มรุ่นลูกก้มกราบเท้าของเขา"ผมขอโทษ...ฮึก"ชายหนุ่มรุ่นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาพร้อมกับกลั้นร้องไห้ แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมา เงยมองหน้าพ่อของเพื
อยากมีลูก"ถ้าอายงั้นให้พี่อาบเป็นเพื่อนไหม"โอ๊ย ฉันเขินจะบ้าอยู่แล้ว ทำไมมีทอยของฉันแพรวพราวแบบนี้นะ"อย่ามาหื่น! ต้องเจ็บอยู่นะ"ฉันเอ็ดเขาแล้วก้มมองไปยังแผลที่อยู่ยิงมาตรงขา"แค่อาบน้ำเป็นเพื่อนไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย"คนตัวโตพูดขึ้นพร้อมกับไหวไหล่ราวกับว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องปกติ"ออกไปได้แล้ว..ต้องจะอาบน้ำเอง""แต่พี่อยากอาบน้ำให้"พี่ทอยสวนกลับมาทันที"เฮ้อ"ฉันพ่นลมหายใจหนักใส่เขา"นะครับ"เขาส่งน้ำเสียงที่ออดอ้อน"ก็ได้"สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน เพราะรักเขาแหละพี่ทอยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันจนถึงชิ้นสุดท้ายที่เป็นกางเกงชั้นใน ฉันเขินนะแต่พยายามทำให้ตัวปกติ เพราะอยากจะอาบน้ำให้มันเสร็จไว ๆ"อีกหน่อยพอเราแต่งงานกัน..."แฟนหนุ่มพูดในขณะที่ถอดกางเกงชั้นในฉันออกจากขาซึ่งต้องทำอย่างเบามือเพราะมีแผล."...พี่จะอาบน้ำกับเธอทุกวันเลย""ตลกล่ะ"ฉันสบถออกมาเบา ๆ"ไม่ตลกพี่จริงจัง พออาบน้ำเสร็จก็เอากันต่อ"เพียะ! ฉันตีเขาที่แขนทันที"เหอะ ๆ"พี่ทอยกลั้วหัวเราะด้วยสีหน้าแสดงออกว่าเขาชอบใจที่ทำให้ฉันเขินแฟนหนุ่มอาบน้ำให้ฉันอย่างระมัดระวัง เขาบีบเจลอาบน้ำใส่มือแล้วถูตัวฉันเบา ๆ"สระผมด้วยไหม...."เสียงทุ้มเอ่