"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ"
"ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"
ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน
"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ"
"ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ"
"แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้"
"ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"
เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!
"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"
คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ นั่นเอง ให้หญิงสาวถึงกับอึ้งไป
"นี่คุณ อย่าบอกนะว่าเราจะไปมอเตอร์ไซค์กัน"
"งั้นสิคุณ ไปตลาดใกล้ๆ แค่นี้ต้องประหยัด แล้วอีกอย่างรถเยอะๆ แบบนี้ มอเตอร์ไซค์นี่ล่ะเวิร์คสุดแล้ว อ่ะ สวมหมวกกันน็อคก่อน ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วนะ"
ชายหนุ่มแจกแจงพร้อมส่งหมวกกันน็อกสวมให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนทันไปสวมของตัวเองบ้างแล้วขึ้นคร่อมรถ ติดเครื่องก่อนหันมามองหญิงสาวที่ยังดูลังเลใจ
"เอ้า ! คุณ เรียบร้อยแล้ว ก็โดดขึ้นมาเลยเร็ว ขืนช้า ตลาดวายหมดนะคุณ"
เขาขู่แกมสำทับ ให้หญิงสาวจำต้องต้องก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายรถ และโอบรอบเอวชายหนุ่มเอาไว้แทบไม่ทันหลังมอเตอร์ไซค์กระชากตัวทะยานไปข้างหน้ารวดเร็วนั้น ดีนะที่เธอสวมหมวกตามที่เขาส่งให้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผมคงจะปลิวไสวไปตีหน้าเขาแน่ ๆ ทีเดียว...
บนเส้นทางอันยาวไกล...
แต่กลับดูใกล้ก็เพราะชายหนุ่มขับรถได้เร็ว กับเส้นทางลัดที่เขาซอกแซกพาเธอเข้าไปนั่นอีกต่างหากที่ทำให้เพียงไม่นานนักทั้งคู่ก็ไปถึงหน้าตลาดเขตเล็กๆ ที่ชายหนุ่มจอดรถให้เธอค่อยก้าวลงไปโดยไม่ลืมเก็บหมวกเรียบร้อย แล้วก็อดยิ้มขันไม่ได้เมื่อหันมามองใบหน้าที่เหงื่อผุดพราวเหนือหน้าผากมนนั่น
"ร้อนล่ะสิ ผมพาคุณมาทรมานรึเปล่าเนี่ย"
พันษาออกปากถาม โดยไม่หวังคำตอบมากนัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาซับเหงื่อให้กับเธอ
"ขอบคุณนะคะ แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ร้อนน่ะ"
"เราต่างติดอยู่กับห้องแอร์มากเกินไปไงคุณ เอาน่า คนเราต้องอดทนมั่ง ไม่งั้นจะอยู่บนโลกร้อนทุกวันนี้ได้ยังไง จริงมั้ยคุณ"
จากนั้น เขาก็แทบฉวยข้อมือเล็กๆ ของหญิงสาวให้ก้าวตามเข้าไปในตลาดสดนั่น เลือกซื้อผัก และเนื้อไก่ หมูตามต้องการ ด้วยท่าทางชำนิชำนาญเสียจนหญิงสาวอดประหลาดใจไม่ได้
เออนะ ก็ออกจะเป็นคุณหนูไม่ต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่ แต่ตรงข้ามกลับทำอาหารได้หลากหลายชนิดจนเธอแอบทึ่งไม่ได้
"ไงคุณ ตะลึงตึงๆ ไปเลยล่ะสิ"
"เรื่องปกติค่ะ ใครจะคิดผู้ชายอย่างคุณจะหยิบจับอะไรได้คล่องแคล่วขนาดนี้"
"ก็เพราะคุณคอยดูถูกผมอยู่ในใจล่ะสิ ถึงได้ต้องคอยคาดไม่ถึงอยู่ร่ำไปแบบนี้น่ะ เอาน่า ถือว่าคุณโชคดีแล้วกัน ที่มีผมเป็นคนดูแลแบบนี้ ดีมั้ย"
"ไม่รู้สิ ฉันยังให้คำตอบคุณไม่ไม่ได้หรอกนะ มันไวเกินไปน่ะ"
หญิงสาวพูดเรียบเรื่อยเหมือนแกล้ง หัวเราะเบาๆ ออกมา มีแต่เขาเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก
เฮ้อ ไม่รู้สิน่า ว่าเมื่อไหร่จะชนะใจเธอได้เต็มร้อยเสียที!
...
กลับสู่คอนโดหรูกลางกรุงอีกครั้ง...
ห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำราวกับสวรรค์ทีเดียว เนื่องจากอากาศข้างนอกที่ร้อนจนสุดฤทธิ์นั่น ผ้าเช็ดหน้าผืนที่ชายหนุ่มซับเหงื่อให้ยังติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ให้เธอเผลอยิ้มออกมาได้ การเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเข้ามา ก็ทำให้เรามีความสุข และอิ่มเอมได้ไม่ยากเลยนะ
"ยิ้มอะไรคุณ"
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเมื่อหันไปเห็นหญิงสาวที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องนั่นยิ้มกริ่ม
"ก็ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย ทำไมล่ะ ฉันยิ้มไม่ได้หรือไง"
"ยิ้มได้ แต่ผมแค่สงสัยว่ายิ้มอะไร ถ้าไม่ได้ขำอะไรผมก็แล้วไปเถอะ"
"ชิ ฉันจะขำอะไรคุณล่ะ คุณไม่ใช่ตัวตลกเสียหน่อย”
ประโยคนั้นของเธอ ทำให้เขาเป็นฝ่ายยิ้มออกมาบ้าง ก่อนหันไปสวมเอี๊ยมกันเปื้อนแล้วเตรียมอุปกรณ์ในการทำกับข้าวเงียบๆ หันไปอีกที หญิงสาวนอนหลับสบายเหยียดยาวอยู่บนโซฟานั่นไปแล้ว
เออนะ หลับง่ายหลับดายเป็นเด็กๆ ไปได้สิน่า ยายคุณหนูมาตา!
เหมือนจะบ่นกับตัวเอง ก่อนยกจานอาหารสองสามอย่างไปวางที่โต๊ะอาหาร ถอดเอี๊ยมแล้วทิ้งสารพัดอุปกรณ์ไว้ในอ่างล้างจานนั่น บอกตัวเอง ค่อยเก็บล้างทีเดียวแล้วกัน สรุปเช่นนั้นก่อนหันไปทางหญิงสาว เห็นยังคงหลับสบายเขาก็เดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดกลิ่นพ่อครัวหัวป่าออกไปบ้าง...
กลิ่นหอมจากอาหารบนโต๊ะโชยมาเตะจมูกอย่างจัง…
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มาตาลืมตาตื่นขึ้นมาได้เท่ากับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นจนต้องลุกขึ้น งัวเงียไปเปิดประตูกว้างออก แล้วก็แทบกระพุ่มมือไหว้ ตาหูสว่างแทบไม่ทัน
"สวัสดีค่ะ คุณแม่"
"เชิญค่ะ"
"ถึงเธอไม่เชิญ ฉันก็เข้าอยู่แล้ว นี่มันคอนโดลูกชายฉัน แล้วนี่พ่อตัวดีอยู่ไหน"
"เอ้อ..."
ไม่รู้จะตอบว่าไงดี ก็คนเพิ่งตื่นนี่นา แต่โชคดีหรอก ที่พันษาก้าวออกมาจากห้องนอนพอดี หลังได้ยินเสียงดังโขมงของแม่ที่เขาจำได้แม่นยำ
"ผมอยู่นี่ครับแม่ สวัสดีครับ วันนี้แม่มาถึงคอนโดผมได้เลยนะ"
"งั้นสิยะ ถ้าไม่มาเงียบๆ ฉันจะรู้มั้ยว่าเธอสองคนสุมหัวกันหลอกลวงอะไรฉันอยู่หรือเปล่า"
"โธ่ แม่ครับ ผมจะหลอกแม่ทำไม ไม่เชื่อดูอาหารสิครับ เต็มโต๊ะแบบนี้ สำหรับสองคนสามชีวิต เอ้อ ผมหมายถึง ลูกในท้องของเราด้วยน่ะครับ"
เนียนมากๆ เลยนะ เนียนจนหญิงสาวดูเก้ ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลยเชียวล่ะ ได้แต่รีบออกปาก ขอซิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขอเวลาไปตั้งสติหน่อยก่อนท่าจะดีกว่านี้แน่ !
"เอ้อ เชิญคุณแม่คุยกับคุณพันษาไปก่อนนะคะ"
"เดี๋ยว เธอจะไปไหน"
"ขอมาตาไปอาบน้ำสักนิดนะคะ"
"ถ้างั้นก็เร็วๆ เข้าล่ะ ธุระของฉัน มันเกี่ยวกับเธอด้วย”
"เอ่อ...ค่ะ ๆ"
"ไม่ต้องกลัวนะมาตา ผมอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ"
พันษาบีบมือหญิงสาวเบาๆ ราวให้กำลังใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวไป
"นี่ ฉันได้ยินนะยะ แม่ไม่ใช่หมานะตาพันษาจะได้จ้องจะกัดเมียแกน่ะ"
"เอ้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักหน่อยนี่ครับ ผมว่าคุณแม่นั่งพักให้สบายใจหายเหนื่อยก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำผลไม้เย็นๆ มาให้ดื่มก่อน"
พันษาหมุนตัวกลับไปบ้าง แต่ก็ไม่นานนักที่เขากลับมาพร้อมด้วยแก้วน้ำผลไม้ในมือ
"น้ำองุ่นครับแม่"
"ขอบใจย่ะ แล้วนี่ เมียเราโอ้กอ้ากบ้างมั้ย"
"ไม่หรอกครับ เธอไม่ค่อยแพ้น่ะ อาหารก็ทานได้เยอะ ถ้าคุณแม่ไม่รีบไปไหน ทานมื้อเย็นกับเราก่อนสิครับ"
"โอย ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันขี้เกียจไปแย่งหลานในท้องกินด้วยอีกคน !"
แน่ะ ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นหลาน ลองได้พูดเต็มปากเต็มคำแบบนี้ล่ะก็ แบบนี้ค่อยทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจไปหน่อย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังเถอะ!
บอกกับตัวเองก่อนนั่งลงข้างๆ แม่ และหลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ก้าวออกมานั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามนั่นอย่างเตรียมพร้อมมาเต็มที่
ได้ไปขจัดความหวาดหวั่นใจออกไปได้บ้างเมื่อครู่ก่อน พร้อมรบแล้วนะมาตา !