ทั้งสองวิ่งมาไกลพอสมควร ลู่มู่เฉินรู้สึกหายใจไม่ทันเพราะวิ่งไม่ทันหลี่เฟิ่งเซียน แม้ตอนเริ่มแรกจะเป็นเขาที่จับมือนางวิ่งก่อน ครั้งเห็นว่าเขาแทบจะหายใจไม่ออก ทั้งแถวนี้ก็เริ่มไม่มีคนแล้วด้วย หลี่เฟิ่งเซียนจึงหยุดให้เขาพักหายใจ คล้ายว่าทั้งสองคนจะเผลอวิ่งเข้ามาในตรอกกำแพงแห่งหนึ่ง แม้ยังมีแสงไฟรำไร แต่ก็ยังไร้ผู้คน
“ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก” เขาตักเตือนนางพร้อมกับหายใจหนักๆ
“เกี่ยวกับเจ้าที่ใดกัน” นางดื้อ ไม่ยอมฟัง
“มันอันตราย ข้าเป็นห่วง”
เขายังคงพูดเช่นนั้น พร้อมกับลมหายใจที่ขาดเป็นห้วงๆ เสียงของเขาที่ปกติทุ้มต่ำอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งทุ้มต่ำลงไปอีก เมื่อพูดพร้อมลมหายใจที่เหน็ดเหนื่อยเช่นนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดจึงทำให้นางรู้สึกแปลก หัวใจเต้นแรงย่อมเป็นเรื่องปกติยามวิ่งเร็ว แต่ความรู้สึกปั่นป่วนบริเวณท้องน้อยยามได้ยินเสียงของเขา นางไม่รู้จักมาก่อน
“อ้า อ้า แรงอีก อื้อ ข้ารู้สึกดีมาก อา..” และเสียงหญิงสาวปริศนาเสียงหนึ่งที่ฟังแล้วคล้ายเจ็บปวดมาก แต่กลับบอกว่ารู้สึกดีก็ดังแว่วมาแต่ไกล
“อื้อ อ้า เช่นนี้เจ้าชอบสินะ ซี๊ดด...” เสียงผู้ชายที่เหน็ดเหนื่อยและทุ้มต่ำดังเช่นลู่มู่เฉินตอบกลับเสียงปริศนาเมื่อครู่ แม้ในใจของหลี่เฟิ่งเซียนแล้ว เสียงนั้นจะไม่ไพเราะเท่าเสียงของลู่มู่เฉินก็ตาม แต่ก็สร้างความสงสัยให้กับนางมาก
“อ๊า แรงอีก อ๊า ..ข้ารู้สึกดียิ่ง ตีข้าแรงๆ... แรงอีก ..กระแทกเข้ามาเลย”
หลี่เฟิ่งเซียนสงสัยมากเข้าไปอีก ก็ในเมื่อนางพูดว่ารู้สึกดี แต่กลับเรียกร้องให้อีกฝ่ายตีแรงๆ กระแทกแรงๆ เช่นนี้ต้องเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นแน่ หลี่เฟิ่งเซียนสาวเท้ากำลังจะเดินไปทางต้นเสียงเพื่อจะเข้าไปช่วย แต่ลู่มู่เฉินกลับรีบคว้าแขนนางไว้ พร้อมกับส่ายหัวว่าไม่ควร
“ข้าต้องไปดู..” นางพูดไม่จบเขาก็ยกมือมาปิดปากของนาง
ที่ตรอกนี้แสงไฟน้อยมาก แต่นางกลับเห็นว่าหน้าของลู่มู่เฉินกำลังแดงมาก ตรงหูแทบจะลุกเป็นไฟได้
“ทำไม” นางกระซิบถาม
แต่ลู่มู่เฉินกลับทำเพียงส่ายหัวจับมือนางพยายามพาออกไปจากที่นี่ หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจ ปกติเขาเป็นคนใจดีมาก ยามนี้รู้ทั้งรู้ว่าในตรอกถัดไปมีหญิงสาวกำลังเจ็บปวด ทั้งถูกตีทั้งถูกกระแทก แถมผู้ชายที่ตบตีคงใช้แรงไปไม่น้อย เขาถึงได้หอบจนเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้น เป็นขนาดนี้แล้วลู่มู่เฉินยังไม่ยอมให้นางเข้าไปช่วยอีกหรือ
“อ้า..อ้า โอ้วว อื้อ แรงๆ” หญิงสาวคนนั้นยังคงตะโกนด้วยความเจ็บปวด หลี่เฟิ่งเซียนไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวรยุทธ์” นางพูดเช่นนั้นก่อนจะสะบัดมือของเขา และหันหลังวิ่งเร็วๆไปทางตรอกถัดไป ลู่มู่เฉินทั้งหวาดกลัวและเขินอาย เขารู้ดีว่าที่ตรอกนั่นกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น แต่อย่างไรก็ยังต้องวิ่งตามนางไป
ภาพที่หลี่เฟิ่งเซียนเห็นคือ ท่ามกลางแสงสลัว นางเห็นไม่ชัดแต่ร่างเงาหนึ่งกำลังจับหญิงสาวที่ร้องอย่างเจ็บปวดนั่งคร่อมตรงเอวของเขา ร่างเงาที่สองกำลังคร่อมอยู่บนร่างของหญิงสาวและร่างเงาแรก ยังมีร่างเงาที่สามที่ยืนจับบางอย่างตรงเอวพยายามยัดใส่ปากของหญิง
หลี่เฟิ่งเซียนโมโหถึงขีดสุด นี่มันไม่ได้มีเพียงคนเดียว แต่กลับมีถึงสามคนที่กำลังทำร้ายหญิงสาวผู้นั้น ฟังจากเสียงแล้วหญิงโชคร้ายผู้นี้ไม่ใช่เด็กๆแล้ว
“พวกเจ้าหยุดนะ!!” นางตะโกนออกไป
ชายทั้งสามต่างหยุดมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ลู่มู่เฉินวิ่งมาถึงรีบเอามือปิดหน้านางไว้ แต่นางไหนเลยจะยอมได้ นางต้องช่วยหญิงโชคร้ายผู้นั้น
“มู่เฉิน เจ้าปล่อยข้า” นางบอกเขาน้ำเสียงไม่พอใจยิ่ง
แต่เขากลับใช้มือซ้ายทั้งแขนรวบนางมากักขังที่อก มือขวายังคงปิดตานางไว้อย่างมิดชิด แม้นางจะพยายามแกะมือของเขาแล้วแต่กลับสู้แรงของคนที่วิ่งไม่ทันนางไม่ได้เลย
“มู่เฉินเจ้าคนชั่ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!” นางออกคำสั่ง
“พวกเจ้ายังไม่รีบไปอีก” ลู่มู่เฉินตะโกนบอกคนร้าย
หลี่เฟิ่งเซียนไม่เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่นางได้ยินเสียงคนวิ่งหนีไป นางโมโหอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นมู่เฉินที่นางชื่นชอบ เรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้
หลี่เฟิ่งเซียนยกมือกระทุ้งไปที่สีข้างของลู่มู่เฉิน เขาเจ็บจี๊ดจนต้องปล่อยมือจากนาง
“เอ๊ะ ๆ พวกเจ้าอย่าพึ่งไป จ่ายเงินข้ามาก่อน กลับมาเดี๋ยวนี้นะพวกสารเลว” หญิงคนนั้นที่ถูกทำร้ายเมื่อครู่กลับพูดออกมาเช่นนี้
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกสงสัยจับใจ แต่ยังคงวิ่งไปจนใกล้ถึงตัวหญิงคนนั้น เหมือนจะไล่ตามชายสามคนนั้นไม่ทันแล้ว นางจึงหยุดลงตรงด้านหน้าของหญิงคนนั้น นางเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น แม้แสงไฟจะไม่สว่างมาก แต่ก็ยังมองเห็นว่านางมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าและตามลำตัว
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่เฟิ่งเซียนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
เพราะบนตัวไม่มีเสื้อผ้าเลย หลี่เฟิ่งเซียนจึงถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองให้หญิงคนนั้นคลุมตัว
“ชิ เพราะเจ้าคนเดียวเลย!!” หญิงคนนั้นกลับโมโหใส่นาง ทั้งยังตีมือของนางที่ถือเสื้อยื่นไปให้
“คืนนี้ข้าอุตส่าห์ได้ลูกค้ามากถึงสามราย เพราะเจ้าพวกมันหนีไปหมดแล้ว เงินก็ยังไม่ให้ข้าสักอีแปะ สารเลวนัก” นางชี้หน้าด่าหลี่เฟิ่งเซียน
คราแรกหลี่เฟิ่งเซียนยังรู้สึกงุนงงไม่เข้าใจ เห็นอยู่ว่านางมาช่วยหญิงคนนั้น แต่นางกลับถูกตีมือ ยังถูกด่าอีก แต่หลังจากถูกด่าไปแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เริ่มเข้าใจเรื่องราว
หญิงคนนี้กำลังขายตัว สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อครู่ คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน เรื่องเช่นนั้นยังสามารถทำได้ทีเดียวสามคน หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกหนาวยะเยือกในหัวใจ
ระหว่างที่หลี่เฟิ่งเซียนกำลังงุนงง ลู่มู่เฉินวิ่งเข้าไปใกล้จนเห็นว่าหญิงขายตัวผู้นั้นกำลังยกมือจะตบหน้าของหลี่เฟิ่งเซียน เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหยุดเอาไว้
“หน็อยแน่ พวกเจ้าช่างดีนัก เงินตั้งยี่สิบอีแปะของข้า ถูกพวกเจ้าทำลายหมดแล้ว ทำลายคืนที่งดงามของข้าไม่พอ ยังจะคิดทำร้ายข้าอีก ข้าจะไปตีกลองฟ้องศาล” หญิงขายตัวโวยวาย