คืนนั้น พวกเขาสองสามีภรรยาต่างนั่งข้างกัน ต่างหัวใจเต้นโครมคราม แต่ไม่มีใครทำอะไรมากกว่านั้น
วันต่อมา ในจวนของแม่ทัพหลี่ต่างวุ่นวายกว่าปกติ เพราะคุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว มีฮูหยินรองคอยจัดแจงเรื่องต่างๆอย่างเข้มงวด สิ่งใดที่จะทำให้คุณหนูใหญ่ไม่ชอบต้องรีบเอาออกไป สิ่งใดที่นางชื่นชอบก็ต้องจัดวางให้ดีๆ
เมื่อผ่านไปหนึ่งคืน ความโกรธของท่านย่าลดลงแล้ว นางเริ่มเป็นห่วงว่าหลานสาวตัวเล็กๆของนางที่ไปตกทุกข์ได้ยากแถวชายแดนจนตัวผอมแห้งนั้นจะได้รับความลำบากมากเกินไป สุดท้ายท่านย่าจึงวางความโกรธของตัวเองลง รีบสั่งให้สาวใช้ไปเรียกตัวคุณหนูใหญ่มากินข้าว
เมื่อสาวใช้กลับมารายงานว่าคุณหนูใหญ่กับท่านเขยยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชน ท่านย่าแม้จะยังรังเกียจชายอัปลักษณ์อยู่ แต่ในใจรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะชายอัปลักษณ์นั่นไม่ได้หนีการลงโทษไปพร้อมกับคุณหนูใหญ่ แต่ยังบังคับให้คุณหนูใหญ่นั่งอยู่ในศาลบรรพชนได้ทั้งคืนด้วย
เพียงแต่ท่านย่าไม่รู้เท่านั้นว่าทั้งสองคนนั่งอยู่ในศาลบรรพชนท่ามกลางกลิ่นอบอวลของหมู่มวลดอกไม้ในยามวสันต์ หอมกลิ่นความรักจนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการถูกทำโทษ
ในเมื่อพวกเขาไม่ได้หนีการทำโทษ ท่านย่ารู้สึกพึงพอใจ จึงอนุญาตให้ออกจากศาลบรรพชนได้ หลี่เฟิ่งเซียนยังถูกเรียกให้ไปทานโจ๊กอุ่นๆกับท่านย่าด้วย แต่ท่านเขยเช่นลู่มู่เฉินต้องไปกินอาหารห้องรับรองที่เรือนหลัง คราแรกหลี่เฟิ่งเซียนไม่ยินยอม แต่ลู่มู่เฉินห้ามนางไว้ เขาเพียงอธิบายสั้นๆนางก็ยอมทำตามโดยง่าย
ไม่นานจากนั้น หลี่เฟิ่งเซียนได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ ท่านย่าจัดแจงให้หมดทุกอย่าง ส่งสาวใช้คนใหม่มาให้ด้วย ทั้งมีมารยาท น่ารัก เชื่อฟังและไม่พูดมาก แต่หลี่เฟิ่งเซียนไม่ชอบจึงถามหาคนของนางที่มาจากชายแดนด้วยกัน
สาวใช้อ้ำอึ้งอยู่นาน จนหลี่เฟิ่งเซียนต้องไปถามฮูหยินรอง ถึงได้รับรู้ว่ายู่ยี่ถูกจัดให้ไปอยู่กับสาวใช้หลังจวน ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในจวน ส่วนอาหงยิ่งแล้วใหญ่ นางได้ทำงานซักผ้าและคอยนำสิ่งปฏิถูลไปทิ้งที่ชานเมืองเพราะเป็นอดีตหญิงขายตัวชั้นต่ำ ท่านย่าไม่ยอมให้เหยียบเข้ามาในจวนขุนนาง พวกทหารและจ้าวเหลียงไม่ต้องพูดถึง ได้รับการต้อนรับอย่างดี
“เจ้าให้คนของข้าไปคอยตักขี้หรือ?!!” หลี่เฟิ่งเซียนอาละวาด
“ท่านย่าเป็นคนสั่งเจ้าค่ะ ไม่ใช่ข้า” ฮูหยินรองจวนจะร้องไห้
หลี่เฟิ่งเซียนเม้มปากคร้านจะพูดกับฮูหยินรอง เพราะไม่ว่าจะพูดหรือด่านางก็บีบน้ำตาเช่นนี้เสมอ นางไม่ชอบคนที่เอาแต่ร้องไห้น่ารำคาญ
หลี่เฟิ่งเซียนจำต้องไปพูดกับท่านย่า อย่างไรฮูหยินรองก็เป็นคนของท่านย่า เคยเป็นสาวใช้ข้างตัวของท่านย่า เชื่อฟังท่านย่าทุกอย่าง หลังจากท่านแม่ของหลี่เฟิ่งเซียนตายท่านย่าบังคับให้แม่ทัพหลี่รับนางเป็นอนุ แม่ทัพหลี่กลับไม่เคยแตะต้องนาง
จวนนี้จึงมีเพียงหลี่เฟิ่งเซียนที่เป็นผู้สืบสกุล การแต่งเขยเข้าบ้านจึงสมเหตุสมผล เป็นความตั้งใจแต่เดิมของแม่ทัพหลี่ หลี่เฟิ่งเซียนจึงต้องไล่ตามชายงามอยู่หลายปีเพื่อหาคนงามที่ยอมแต่งเข้าตระกูล เสียดายก็เพียง นางตามเกี้ยวชายงามหลายร้อยคน สุดท้ายได้คนอัปลักษณ์มาผู้หนึ่ง
แต่ที่ผู้คนต่างเรียกหลี่เฟิ่งเซียนว่าคุณหนูใหญ่เพราะแม่ทัพหลี่มีนางก่อนที่ฮ่องเต้จะมีโอรสหรือธิดา ยามนั้นฮ่องเต้ยังเป็นเพียงรัชทายาทน้อยให้พี่ชายคอยฟูมฟัก แต่ด้วยความรักและเอ็นดูที่ฮ่องเต้มีต่อหลานคนแรก เขาถึงขั้นรับนางเป็นลูกด้วย
ต่อมาเมื่อฮ่องเต้ได้ขึ้นครองราชย์ มีโอรสธิดามากมายแล้ว เหล่าองค์หญิงองค์ชายต่างเรียกนางเป็นพี่สาว แต่อย่างไรแม่ทัพหลี่ก็ไม่ยอมให้หลี่เฟิ่งเซียนรับตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิง องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายจึงเรียกนางว่าพี่ใหญ่แทน และบังคับคนในจวนแม่ทัพหลี่ให้เรียกนางว่าคุณหนูใหญ่ เรียกพวกเขาเป็นคุณหนูและคุณชาย
ส่วนฮูหยินรองนางยังคงเป็นฮูหยินรองเพียงในนาม ไม่เคยมีบุตรธิดา ด้วยเคยเป็นเพียงสาวใช้ นางจึงไม่กล้าขัดใจหลี่เฟิ่งเซียน ไม่ต้องพูดถึงสั่งสอนในฐานะแม่ เพราะท่านย่าเป็นผู้เลี้ยงดูหลี่เฟิ่งเซียนด้วยตัวเอง และดูแลจวนหลังนี้ทั้งหมด แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
หลี่เฟิ่งเซียนถึงเรือนของท่านย่าก็เข้าไปทันที เห็นท่านย่ากำลังนั่งปักผ้าอยู่กลางห้องโถง
“ท่านย่า ท่านให้อาหงกลับมาอยู่ในจวนเถิดเจ้าค่ะ” หลี่เฟิ่งเซียนตรงเข้าประเด็น นางถึงจะนิสัยแย่ แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับท่านย่า
“ไม่เหมาะสม” ท่านย่าตอบอย่างเข้มงวด
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของราชสำนักเจ้าค่ะ ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ข้ายังไม่อยากให้ท่านต้องเดือดร้อน” หลี่เฟิ่งเซียนตั้งใจพูดให้คลุมเครือ
“ย่าไม่รู้จักเจ้าหรือ แผนตื้นเพียงนี้ ข้ายังไม่แก่จนเลอะเลือน ฮึ”
“ข้าพูดความจริงเจ้าค่ะท่านย่า ข้ายังไม่อยากให้ท่านคอขาด” หลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าจริงจัง
“เฮอะ เดี๋ยวนี้รู้จักขู่ย่าแล้วหรือ” ท่านย่าไม่เชื่อ
“ได้ ท่านไม่ต้องเชื่อข้า รออีกสามวัน ขอเพียงสามวันนี้นางอยู่ในจวน อยู่เช่นแขกผู้หนึ่ง หลังจากนั้นหากยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่านค่อยไล่นางไปดีหรือไม่เจ้าคะ” หลี่เฟิ่งเซียนต่อรอง
ท่านย่ามองหน้าหลานสาว พยายามตัดสินว่านางโกหกหรือไม่ เพราะท่านย่าเองก็ไม่เคยเห็นหลานสาวจริงจังเช่นนี้มาก่อน
“ได้ สามวัน!” ท่านย่าตอบ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เรื่องอาหง หลี่เฟิ่งเซียนยังต้องขอท่านย่า เพราะเกี่ยวกับงานใหญ่ แต่เรื่องยู่ยี่นางไม่คิดจะขอ เดี๋ยวนางไปชิงตัวยู่ยี่มาอยู่ด้วยก็สิ้นเรื่อง อย่างไรยู่ยี่ก็เป็นสาวใช้ไปตลอด นางเรียกสาวใช้คนหนึ่งมาคอยรับใช้ แล้วค่อยใช้เงินตัวเองจ่ายค่าจ้างก็สิ้นเรื่อง
จากนั้นก็มีสาวใช้ไปจัดแจงห้องให้อาหง เตรียมเสื้อผ้าชั้นดีให้ด้วย อาหงที่ถูกเรียกตัวมายังคงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้รับฟัง แต่เมื่อถึงห้องของนางก็เจอหลี่เฟิ่งเซียนอยู่ที่นั่น
“ข้ายังคิดอยู่ว่าเจ้าจะพาข้าเดินทางมาตั้งไกลเพียงเพื่อให้ข้ามาทำงานตักขี้แลกข้าวมื้อหนึ่งเสียอีก” อาหงประชด