“เจ้าพกยาสลบมากมายเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกัน” หลี่เฟิ่งเซียนทำลายความเงียบ
“ข้าเพียงไม่อยากถูกจับและไร้หนทางจนทำสิ่งใดไม่ได้อีก” ลู่มู่เฉินตอบ
“เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อความเป็นหมอของเจ้าหรือ” นางถาม
“เมื่อก่อน ข้าเคยคิดว่าข้าต้องเป็นหมอที่ทำแต่สิ่งดี แต่ยิ่งนานวันข้ายิ่งเข้าใจ ยาก็ไม่ต่างจากมีด มันจะถูกใช้ฆ่าคนหรือทำอาหารมันก็คือมีด เจตนาของผู้ใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ” เขาอธิบาย
“บนตัวเจ้ายังมียาอื่นๆอีกหรือไม่ ยาพิษร้ายแรงอะไรพวกนั้น”
“อืม” เขาตอบสั้นๆ
“เจ้าพกไว้ป้องกันตัวก็ดี เพราะเจ้าอ่อนแอจนทำอะไรผู้ใดไม่ไหว ที่เหลือข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ต้องห่วงนะ” หลี่เฟิ่งเซียนพูดความรู้สึกจากใจจริง
“ข้า.. ตั้งใจพกไว้ปกป้องเจ้า” เขาพูดเสียงเบา แต่คำตอบนั่นกลับทำให้หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอบอุ่นยิ่ง นางพูดสิ่งใดไม่ได้จึงได้แต่เงียบ
ความทรงจำในคุกใต้ดินกลับมาอีกครั้ง คนผู้หนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อให้นางรอด นางตื้นตันและรู้สึกผิด เขาดีกับนางมาก แต่นางกลับคิดเอาเปรียบเขา ยังแอบขโมยกินเต้าหู้เขา ทำให้เขาต้องรู้สึกไม่ดี
‘ข้ามันสารเลวนัก’ หลี่เฟิ่งเซียนคิด นางไม่ควรหลบหน้าเขา อย่างไรก็ควรขอโทษเขา..
“เรื่องที่ข้าแอบขโมยหอมแก้มเจ้าคืนนั้น ข้าขอโทษด้วย คงทำให้เจ้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ข้าเป็นคนชั่วที่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ คืนนั้น เจ้าตัวหอมมาก ข้าจึงเผลอทำเรื่องเลวไป เจ้า..ให้อภัยข้าได้หรือไม่” ในความเงียบ จู่ๆนางก็เอ่ยขึ้น
ลู่มู่เฉินได้ยินเรื่องที่กำลังครุ่นคิด ทำให้หัวใจของเขาที่พยายามควบคุมอยู่นานเริ่มลั่นกลองรบ มันระรัวจนดัง ตุบๆ ตุบๆ ใกล้จะทะลักล้นออกมาข้างนอก ไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นคือความจริงหรือไม่ เขาอาจคิดไปเอง
“เจ้ารังเกียจจนให้อภัยข้าไม่ได้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขานิ่งเงียบจึงเอ่ยถามเรื่องที่นางกำลังกลัว
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ อย่ามอบใบหย่าให้ข้าได้หรือไม่” นางพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิด
ลู่มู่เฉินกะพริบตามองนางให้ดีๆ เริ่มเข้าใจแล้วว่านางหวาดกลัวเรื่องนี้ ที่แท้นางหลบหน้าเขาไม่ใช่เพราะรังเกียจเขา!
“เจ้า..รู้สึกผิดหรือ” เขาถามเบาๆ ยังดีที่ในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน หลี่เฟิ่งเซียนจึงได้ยินที่เขาพูดอย่างชัดเจน
“ใช่แล้ว ข้ามันสารเลวนัก เจ้าอย่าเกลียดข้าได้หรือไม่ คืนนั้น ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ” นางบอกเขาอีกครั้ง
หัวใจของเขายามนี้โครมครามจนเริ่มเจ็บ เริ่มหายใจติดขัด กองไฟในอกโชติช่วงจนแผดเผาเขาทั้งร่าง นางกลัวว่าเขาจะมอบใบหย่าให้เพียงเพราะนางหอมแก้มของเขา นางคิดว่านางทำเรื่องชั่วช้าสามานย์มาก หากรับรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดจะทำกับนาง นางจะรู้สึกเช่นไร คงเห็นว่าเขาสารเลวมากใช่หรือไม่
“ข้าไม่ได้รังเกียจ..ไม่ได้คิดจะยื่นใบหย่า..และ....ข้าไม่ได้กลัว..ข้ากลัวเจ้าจะ..” เสียงของเขาเบาลงเรื่อยๆ คำพูดท้ายๆเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ มือซ้ายของเขานางกุมเอาไว้ ทั้งยังบีบนวดเบาๆ มือขวาของเขากำชายเสื้อไว้แน่น
“เจ้าว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด” นางบอกเขาและยื่นหน้ามาใกล้จนชิดกับไหล่
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเขาบอกเพียงว่าเขาไม่ได้รังเกียจนางชัดเจน นอกนั้นนางพยายามฟังแล้วแต่ไม่ได้ยิน ได้ยินเสียงเขากระซิบบางอย่างแต่จับใจความไม่ได้ นางเข้าใจว่าเขาไม่ได้รังเกียจสิ่งที่นางทำ เข้าใจว่าเขาไม่ได้รังเกียจที่ถูกเอาเปรียบแอบขโมยกินเต้าหู้ เท่านี้ก็ทำให้นางมีความสุขแล้ว
จากที่ไม่กล้าเข้าใกล้เขา ยามนี้นางเริ่มขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น หากเขาไม่ได้รังเกียจ เช่นนั้นหมายความว่านางทำอีกได้ใช่หรือไม่ วันนั้นที่หอมแก้มไปนางยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ หากเขาไม่รังเกียจ นาง...
“ข้า ..ข้า” ลู่มู่เฉินพยายามตอบคำถามนาง พยายามทวนซ้ำคำตอบเมื่อครู่ แต่เขาพูดได้เท่านั้น คำพูดที่เหลือพยายามเท่าไหร่ก็พูดออกมาไม่ได้อีก
“ข้า..ทำมากขึ้น ได้ใช่หรือไม่” นางถามเขา
ลู่มู่เฉินหันมามองนางทันที เบิกตาโต หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งคาดหวังทั้งหวาดกลัว คาดหวังให้นางทำ แต่ก็หวาดกลัวว่าตัวเองอาจห้ามไม่อยู่ นางก็ขยับโน้มตัวมาใกล้เรื่อยๆ ในหัวเขาคิดสิ่งใดไม่ออก
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นเขาหน้าแดง ตาโตตกใจ แต่เขาไม่หลบนางจึงยื่นหน้าไปใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น ..
แต่ชั่วอึดใจที่ริมฝีปากของนางกำลังจะถึงแก้มของเขา ลู่มู่เฉินกลับหันหน้าหนี!!! เขาเอี้ยวตัวหลบ จนนางล้มลงไปบนอกข้างซ้ายของเขา เขาอ้าปากหายใจหอบเหนื่อย ทำตัวไม่ถูก
“ข้า ข้า ไม่ควร..” เขาหอบหายใจหนัก เสียงแหบสั่นเครือ พูดได้เท่านั้น
“เจ้า..ตื่นเต้นเพียงนี้เชียวหรือ” หลี่เฟิ่งเซียนพูด
นางยิ้มอย่างเขินอาย ค่อยๆดันตัวกลับไปนั่งดีๆ ที่แท้เขาก็ตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกับนาง หัวใจของเขาเต้นแรงกว่านางเสียอีก ตอนที่นางล้มทับลงไป นางสัมผัสได้ถึงแรงบางอย่างที่กำลังบ้าคลั่งในอกของเขา เขาก็คงไม่ต่างจากนาง ตื่นเต้นจนอะไรไม่ถูก
“วันหลัง พวกเราค่อยลองใหม่ก็แล้วกัน วันนี้พอเท่านี้ก่อน ข้ายังไม่อยากให้เจ้าขาดใจตาย” นางพูดยิ้มๆ บิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือซ้ายของเขา
ลู่มู่เฉินยกมือขวาขึ้นมาบีบที่อกเสื้อข้างซ้าย เขาบีบแรงๆต้องการให้แรงกระโดดตรงนั้นสงบลงเร็วๆ แม้มันจะไม่เป็นผลเลยก็ตาม ผ่านไปสักพัก ช่วงล่างของเขาขยายใหญ่จนรู้สึกเจ็บปวด เพียงนางขยับเบาๆที่มือซ้าย ร่างทั้งร่างของเขาก็แทบแตกสลาย เขาแสร้งดึงเสื้อปิดหัวเข่าเพื่อไม่ให้นางสังเกตเห็นถึงท่อนเนื้อที่ขยายใหญ่ขึ้นจนดันนูนออกมาตรงระหว่างขา
ลู่มู่เฉินพยายามนึกถึงคำพูดของนาง จำพวก ข้าเป็นคนชั่วที่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ ,ให้อภัยไม่ได้ ,ทำให้เจ้ากลัว หรือ แอบขโมยหอมแก้มเป็นเรื่องชั่วช้า เพื่อเตือนใจว่าห้ามเผลอตัวปล่อยปีศาจร้ายออกไป เพราะนางคิดว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องเลว
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ