ลู่มู่เฉินพยายามดึงมือกลับ แต่นางคว้าไว้มั่น อีกทั้งมือข้างนั้นยังเจ็บจนเขาต้องกัดฟันทนไว้ หลี่เฟิ่งเซียนดึงแขนเสื้อเขาขึ้น เห็นว่าตามผิวหนัง ตุ่มน้ำใสไม่มีแล้ว แต่เต็มไปด้วยแผลถลอก คล้ายว่าจะมากกว่าปกติที่เขาเคยเป็น ยิ่งมองในจุดที่แสงน้อยยิ่งน่ากลัว มันยังมีเลือดซึมออกมาประปราย
ลู่มู่เฉินรีบดึงแขนเสื้อลง
“ไม่มีอะไรต้องห่วง เป็นเพียงขั้นตอนในการรักษาเท่านั้น หากจะรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องเจาะตุ่มใสให้แตก เพื่อตัวยาจะได้เข้าไปรักษาที่ต้นเหตุ” เขาแก้ตัว
“เจ็บมากใช่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกปวดใจ แม้เข้าใจว่าการจะรักษาต้องทำเช่นไร แต่อย่างไรก็ยังอดห่วงไม่ได้
นางก้มหน้าเป่าลงไปเบาๆ เหมือนการปลอบประโลมเด็กน้อย ลู่มู่เฉินเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น แม้การเป่าเช่นนั้นจะยิ่งทำให้แผลถลอกถูกลมจนปวดแสบมากก็ตาม เขาปล่อยให้นางทำตามใจ แล้วค่อยๆยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวของนางอย่างเอ็นดูหลงใหล หลี่เฟิ่งเซียนจึงกอดเขาอีกครั้ง ซุกหน้าไปที่กระดูกไหปลาร้าของเขา สูดดมกลิ่นเปลือกไม้จางๆจากตัวเขา
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกมึนเมาเพราะกลิ่นเปลือกไม้นั่น แต่ก็คล้ายอยากได้กลิ่นมากขึ้น นางจึงเงยหน้าเล็กน้อย สองมือจับเสื้อด้านหลังเขาไว้แน่น เขย่งเท้าซุกหน้าไปที่คอของเขา จมูกของนางแตะถูกช่วงคอที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่าหอมจนทนไม่ได้ ยื่นริมฝีปากไปสัมผัสอย่างหลงใหล
“หยุด!” เขารีบผลักนางอีกครั้ง ปากสั่นระริก
“เจ้า.. อย่าเหลวไหล ข้างนอกเช่นนี้..” เสียงของเขาแหบจนฟังไม่คล้ายเป็นเขาพูด
“เช่นนั้นไปห้องของเจ้า” นางพูด ปล่อยเขาจากอ้อมกอด รีบจูงมือเขา อยากพาเขาไปที่ห้องให้เร็วที่สุด
“ไม่ได้!” เขาตกใจ
“เช่นนั้นไปห้องของข้า!” นางเริ่มหงุดหงิด อยากกินเต้าหู้เขาจะแย่แล้ว แต่ดึงมือเขาแล้วเขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“นั่นยิ่งไม่ควร” เสียงเขาดูใจเย็นขึ้น
“อันนี้ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ควร ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว เราแต่งงานกันแล้วนะ เหตุใดข้าไปห้องเจ้าไม่ได้”
“เพราะข้าป่วยอยู่” เขาพูด
“แต่เจ้าบอกว่าไม่ติดต่อ ข้าเพียงอยากหอมแก้มเจ้าให้หายคิดถึง เจ้าป่วยอยู่กระทั่งแก้มก็หอมไม่ได้แล้วหรือ” หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มเสียงดัง
“คุณหนูใหญ่ เจ้า..”
“คุณหนูใหญ่อะไรกัน เจ้าต้องเรียกข้าว่า เฟิ่งเอ๋อร์ ได้แล้วไม่ใช่หรือ จนป่านนี้ข้ายังไม่เคยได้ยินเจ้าเรียกข้าเช่นภรรยาสักครั้ง”
“ไม่ใช่เช่นนั้น..”
“ไม่ใช่อะไรกัน ที่จริงแล้วเจ้ารังเกียจที่ข้าหอมแก้มสินะ เจ้าคงคิดว่าข้าดูถูกเจ้าถึงได้ทำเรื่องชั่วเช่นนี้ แต่อันที่จริงข้าเพียงอยากสูดกลิ่นหอมของเจ้าเท่านั้น หากรังเกียจก็บอกตรงๆ ข้าจะได้ไม่ตามตอแยเจ้า”
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกน้อยใจยิ่ง หากเขาชอบนางสักนิด นางจำเป็นจะต้องอ้อนวอนขอมากมายเพียงนี้เชียวหรือ หากเขาชอบนาง เขาต้องอยากหอมนางดังเช่นที่นางอยากหอมเขาแน่อยู่แล้ว แต่ที่เขาไม่ชอบให้นางแตะตัวเขาเพราะเขารู้สึกเช่นเดียวกับที่อาหงรู้สึกยามที่ถูกจ้าวเหลียงแตะต้องใช่หรือไม่ ในใจนางไม่ได้เห็นเขาเป็นหมูตัวเมียเสียหน่อย
“ข้าจะกลับห้องแล้ว” นางปล่อยมือเขา รีบวิ่งกลับห้องของนาง
ลู่มู่เฉินยืนอยู่ตรงนั้นนานสักครู่ก็เดินไปทิศตรงกันข้ามกับที่นางเดิน เขากลับห้องโดยมีความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจอธิบายได้ในใจ
คืนนั้นหลี่เฟิ่งเซียนคิดมากจนนอนไม่ได้ หากเขารังเกียจนางจริงๆนางควรทำเช่นไร รวบหัวรวบหางเลยดีหรือไม่ แต่นางก็ไม่เคยรวบหัวรวบหางชายใดมาก่อน หากจะทำต้องทำอย่างถึงจะทำให้เขารู้สึกดี
นางนอนคิดทั้งคืนก็ยังไม่ได้คำตอบ ทุกครั้งที่คิดถึงกลิ่นเปลือกไม้หอมๆจากตัวเขา ท้องน้อยของนางก็ปั่นป่วนแปลกๆ ครั้งคิดว่าเขายังรักษาตัวไม่หาย ตามตัวยังมีแผลถลอกน่ากลัวพวกนั้น นางกลับสารเลวคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง รู้สึกทั้งรังเกียจตัวเอง ทั้งสงสารเขาจับใจ หากเปลี่ยนตัวกันได้ นางยินดีจะรับแผลพวกนั้นมาไว้ที่ตัวนาง เขาจะได้ไม่เจ็บมาก
คิดไปคิดมา มองไปที่หน้าต่างท้องฟ้าก็เริ่มเป็นสีเทาแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวมัดผม ตั้งใจว่าวันนี้จะไปพายู่ยี่มาอยู่ในจวน ป่านนี้นางคงด่าคุณหนูใหญ่คนนี้จนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
แต่พอออกมานอกห้อง ระหว่างกำลังเดินในสวนหลังบ้าน นางเห็นลู่มู่เฉินกำลังเดินออกมาจากที่พักแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรกับเขา จึงแอบที่ข้างก้อนหินในสวน รอจนเขาเดินออกประตูหลังจวน นางก็ตามเขาไป
นางเห็นเขาเดินตามเส้นทางหลังจวน ผ่านร้านขายซาลาเปาตอนเช้า เขายืนดูครู่หนึ่งแต่ไม่ได้ซื้อ จากนั้นก็เลี้ยวตรงมุมถนน มีรถม้าเก่าๆคันหนึ่งวิ่งมาจอด มีหญิงสาวผู้หนึ่งยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างเรียกเขา เป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ดูนุ่มนิ่ม ตากลมโต ใส่ชุดขาวงดงาม ดูแล้วยังอายุน้อย ที่สำคัญมู่เฉินของนางยิ้มจนเห็นแก้มบุ๋มให้หญิงสาวคนนั้นด้วย!!!!
หลี่เฟิ่งเซียนชะงักค้างอยู่นาน ในหัวขาวโพลนนึกสิ่งใดไม่ออก เหตุใดเขาถึงออกหลังจวน ทั้งยังขึ้นรถม้าไปกับหญิงสาวน่ารักอายุน้อยผู้หนึ่ง พ่อบ้านรู้เรื่องนี้หรือไม่ นางเด็กนั่นเป็นใครถึงมายิ้มให้สามีของนาง!!!!
หลี่เฟิ่งเซียนกลับเข้าจวนอย่างไรนางจำไม่ได้ รู้แต่นางโมโหจนตัวสั่น วันนั้นทั้งวันไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คุณหนูใหญ่
ตกเย็น พ่อบ้านก็ไปรับมาส่งลู่มู่เฉินที่จวนตามปกติ แต่วันนี้ไม่มีหลี่เฟิ่งเซียนมารอรับ เขาก็ทำเพียงเดินเข้าห้องของเขาและปิดประตูเข้านอนตามปกติ
“ให้ข้าแนะนำท่านดีหรือไม่” อาหงพูดขึ้น ระหว่างที่นางมีเวลาพักจากการฝึกมารยาทในวัง
“อืม” หลี่เฟิ่งเซียนเหม่อลอยจนไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
“ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ท่านจำได้หรือไม่”
“ท่านหรือ??” หลี่เฟิ่งเซียนประหลาดใจ
อาหงรู้สึกขอบคุณสิ่งที่หลี่เฟิ่งเซียนทำให้ กระทั่งยอมเปลี่ยนมาเรียกนางว่า ท่าน แล้ว แต่นางไม่คุ้นชินเสียเลย
“เรียกข้าเช่นเดิมเถิด” นางตอบและหันไปนั่งเหม่อเช่นเดิม