๖
อวลกลิ่นพุดตาน
“ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ”
“ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ”
“ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ”
“ เจ้าค่ะ... ”
“ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ”
“ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ”
ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ”
แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่
“ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
“ คุณพุดตานเจ้าขา...อย่างไรเสียท่านเจ้าคุณวรจิตรก็เป็นผู้มีคุณความดีความชอบ พ่ออยู่หัวจึงทูลขอคุณของบ่าวมาให้เป็นเมียแต่งของท่านเจ้าคุณวรจิตรผู้ซึ่งมีหน้ามีตา มีสมบัติพัสถานมากโขเลี้ยงดูคุณของบ่าวไปได้ทั้งชีวิตเลยนะเจ้าคะ ”
“ นั่นสินะป้าผัน หากไม่ได้เป็นเมียท่านเจ้าคุณตอนนี้ ข้าคงไม่พ้นเป็นสาวเทื้อคาเรือนให้ชาวบ้านนินทากันสนุกปากว่าเป็นถึงลูกขุนน้ำขุนนางแต่ไม่มีผู้ใดอยากได้ไว้เป็นเมีย ”
“ โถ...คุณของบ่าว อย่าคิดเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ไม่เอา ๆ พักผ่อนเสียเถิดเจ้าค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ”
นังผินประคองตัวนายของมันให้มาเอนหลังที่ตั่งนอน หยิบพัดไม้ไผ่สานมาโบกให้นายของมันเย็นกายเย็นใจเสียหน่อยก็ยังดี
สายลมยามอาทิตย์อัสดงพัดผ่านเรือนไม้หลังเล็กกลางสวนของท่านเจ้าคุณวรจิตร เงาตะคุ่มนั่งอยู่ในมุมมืด แม้สายลมเย็นจะพัดผ่านกายก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์กรุ่นร้อนภายในนั้นลดลงได้เลย มือใหญ่กำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นริ้วเขียวไปทั่วท่อนแขน
“ คุณรักษ์ขอรับ.... ”
เจ้ากลิ่นค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาบนเรือนส่งเสียงเรียกนายของมันด้วยน้ำเสียงห่วงใย สายตาจับจ้องไปยังเงาตะคุ่ม ๆ ที่นั่งอยู่มุมห้อง
“ คุณรักษ์ขอรับ...บ่าวขอเข้าไปนะขอรับ ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากผู้เป็นนาย เจ้ากลิ่นก็ก้าวเข้าไปหาพ่อรักษ์ แล้วนั่งลงข้าง ๆ นายของมัน
“ ให้บ่าวจุดตะเกียงไหมขอรับ ”
“ ขอข้าอยู่มืด ๆ แบบนี้เถิดพ่อกลิ่น ”
“ แต่เริ่มมืดค่ำแล้วนะขอรับ จุดตะเกียงเสียหน่อยให้พอมองเห็นไม่ดีกว่าหรือขอรับ ”
“ ข้าไม่อยากให้พ่อกลิ่นเห็นข้าตอนนี้ ”
“ แต่บ่าวเป็นห่วงคุณรักษ์นะขอรับ ”
“ ข้ารู้ว่าพ่อกลิ่นห่วงข้า แต่ข้าไม่อยากให้พ่อกลิ่นเห็นข้าตอนอ่อนแอเช่นนี้ ”
เจ้ากลิ่นมองร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ ถึงแม้จะมองเห็นเพียงลาง ๆ แต่มันก็รู้ว่าตอนนี้นายของมันรู้สึกเช่นไร
“ อ่อนแอแล้วจะเป็นเช่นไรไปเล่าขอรับ หากมันทำให้คุณรักษ์เบาใจขึ้น จะอ่อนแอบ้างมิเห็นจะเป็นกระไรเลยขอรับ แต่หากคุณรักษ์ไม่อยากให้บ่าวเห็น บ่าวก็จะไม่จุดขอรับ ”
“ ข้าขออยู่แบบนี้นะพ่อกลิ่น ส่วนพ่อกลิ่นอยู่ข้าง ๆ ข้าเช่นนี้ได้หรือไม่ ”
“ ได้สิขอรับถึงคุณรักษ์ไม่บอก บ่าวก็จะอยู่ข้าง ๆ ไม่ไปไหนหรอกขอรับ ”
“ ... ”
จากแสงอัสดงลากผ่านจนหมู่ดาวเริ่มทอประกายแสงบนท้องฟ้าสีดำสนิท คนทั้งคู่นั่งอยู่ข้างกันในความมืด ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เสียงจิ้งหรีดดังระงมไปทั่ว แสงไฟวับแวมจากตะเกียงที่ส่องแสงมาจากทางเรือนบ่าวตกกระทบมาที่เรือนเล็กที่มีเจ้ากลิ่นนั่งอยู่ข้างนายของมัน
เสียงลมหายใจของคนทั้งคู่สอดประสานกันอยู่บนเรือนเล็ก หลังจากผ่านมาครู่ใหญ่พ่อรักษ์ก็ค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมาเพื่อเดินไปจุดตะเกียง แสงไฟสีส้มอ่อนตกกระทบมาที่ใบหน้านวลของเจ้ากลิ่น ดวงตาหลับพริ้มพร้อมริมฝีปากเผยอออกจนได้ยินเสียงกรนเบา ๆ
พ่อรักษ์ค่อย ๆ เดินกลับเข้าไปนั่งข้างบ่าวคนสนิท มือหนาเอื้อมไปประคองหัวของเจ้ากลิ่นให้มาพิงที่ไหล่ของตนเอง เจ้ากลิ่นขยับตัวเล็กน้อยเมื่อโดนกวนการนอน พ่อรักษ์เอี้ยวหน้าหันมามองพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ให้คนข้างตัวที่กำลังหลับอยู่
“ โตถึงเพียงนี้แล้วหรือพ่อกลิ่น... ”
“ ... ”
“ หากข้าไม่มีพ่อกลิ่นเสียอีกคน ข้าจะโตมาได้ถึงขนาดนี้หรือไม่... ”
พ่อรักษ์เกลี่ยแก้มนวลของเจ้ากลิ่นเล่นด้วยความเอ็นดู แต่เจ้ากลิ่นเมื่อโดนกวนก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา อาจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าของพ่อรักษ์อยู่ใกล้กับตนไม่ถึงคืบ ด้วยความตกใจเจ้ากลิ่นเลยรีบยกหัวตัวเองขึ้น ทำให้หัวกระแทกเข้ากับปลายคางของพ่อรักษ์อย่างแรง
“ เจ็บมากไหมขอรับ บ่าวต้องขออภัยด้วยขอรับคุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นรีบเข้าไปดูคางของพ่อรักษ์ด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่นั่นก็ทำให้พ่อรักษ์ได้มองหน้าของบ่าวตรงหน้าใกล้ ๆ อีกครั้ง รอยยิ้มจางส่งมาให้เจ้ากลิ่น ทำให้รู้สึกตัวจนต้องถอยออกมาจากรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเจ้ากลิ่นเต้นระรัว
“ เป็นห่วงข้ามากเลยหรือพ่อกลิ่น ”
“ กะ...ก็ห่วงสิขอรับ บ่าวซุ่มซ่ามทำให้คุณรักษ์เจ็บ เจ็บมากไหมขอรับ ”
“ ไม่หรอกพ่อกลิ่น แค่พ่อกลิ่นเป็นห่วงข้าก็หายเจ็บหายปวดเสียแล้วล่ะ ”
“ ... ”
เจ้ากลิ่นรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้าเมื่อเห็นสายตาที่ส่องประกายบางอย่างมาให้ตน จนต้องเสมองไปทางอื่นด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“ เอ่อ...คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ตั้งแต่เย็นคุณรักษ์ยังไม่ได้กินกระไรเลยขอรับ ”
“ ไม่หรอกพ่อกลิ่น วันนี้ข้าไม่หิว แล้วพ่อกลิ่นล่ะหิวหรือไม่ ได้กินกระไรบ้างหรือยัง ”
“ ยังไม่ได้กินเลยขอรับ แต่ว่าเดี๋ยวบ่าวกลับไปกินที่เรือนได้ขอรับ แม่ปรุงคงเตรียมไว้ให้บ่าวแล้วขอรับ ”
“ เช่นนั้นข้าไปกินที่เรือนพ่อกลิ่นด้วยเสียเลยแล้วกัน ”
“ จะดีหรือขอรับ ”
“ ดีสิพ่อกลิ่น ใช่ว่าข้าไม่เคยไปกินข้าวที่เรือนบ่าวเสียเมื่อไหร่ ”
พ่อรักษ์ฉวยข้อมือขาวของบ่าวให้ลุกขึ้นและก้าวเดินลงจากเรือนไปยังเรือนบ่าวที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ระหว่างทางเจ้ากลิ่นได้แต่มองดูข้อมือของตนเองที่ถูกมือหนาจับไว้หลวม ๆ ความรู้สึกอิ่มเอมใจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่ต่างจากบ่าวที่เดินตามสักเท่าใดนัก ความรู้สึกอุ่นวาบที่มือหนาได้สัมผัสกับท่อนแขนขาวของบ่าวอย่างเจ้ากลิ่น ช่างเป็นความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความสิเหน่หาแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใดมาก่อน
“ แม่รำพึงจ๊ะ ฉันขอดอกมะลิแบ่งมาให้หน่อยสิจ๊ะ ”
“ ได้เจ้าค่ะคุณแม่ ”
เสียงเจื้อยแจ้วของหญิงสาวที่อายุอานามห่างกันเพียงไม่กี่ปี แต่สรรพนามที่แม่รำพึงเรียกขานนั้นกลับทำให้คนที่ถูกเรียกเช่นนั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ แม่รำพึงไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นก็ได้นะจ๊ะ อีกอย่างฉันก็อายุมากกว่าแม่รำพึงไม่กี่ขวบปี ”
“ แต่คุณแม่คือเมียเจ้าคุณพ่อ หากไม่เรียกเช่นนี้รำพึงเกรงว่าจะไม่สมควรนะเจ้าคะ ”
“ จริงเจ้าค่ะคุณหญิง ตามศักดิ์แล้วคุณพุดตานก็คือแม่ของคุณรำพึงกับคุณรักษ์นะเจ้าคะ ”
นังผินบ่าวข้างกายของคุณหญิงพุดตานกล่าวสมทบ ก่อนจะหยิบกระจาดดอกมะลิจากคุณรำพึงมาให้นายของตนเอง
“ แม่กูมีแค่คนเดียวเท่านั้น บ่าวอย่างมึงอย่ามาแส่ให้ใครก็ไม่รู้มาเป็นแม่ของกู ”
เสียงตวาดดังลั่นของพ่อรักษ์ทำให้หญิงสาวและบ่าวที่อยู่รอบ ๆ สะดุ้งตัวโยน นังผินบ่าวที่มาใหม่และเป็นผู้พูดก้มหน้าด้วยความกลัวจนเนื้อตัวสั่น
“ คุณพี่... ”
“ คุณรักษ์...อิชั้นต้องขออภัยแทนป้าผินด้วยเจ้าค่ะ ”
“ บอกคนของคุณหญิงว่าอย่าได้คิดให้ใครมาแทนแม่ของข้า ไม่มีใครมีสิทธิ์มาแทนแม่ของข้าได้ อย่าให้ข้าได้ยินมันผู้ใดพูดให้ได้ยินถึงหูของข้าอีก ”
พ่อรักษ์มองไปยังแม่พุดตานด้วยแววตาก้าวร้าว ส่วนแม่รำพึงที่มีส่วนสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับพี่ชายของตนเองก็ได้แค่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่เงียบ ๆ
“ คุณรักษ์จะรับข้าวเช้าหรือไม่เจ้าคะ ”
คุณหญิงพุดตานทำใจดีสู้เสือ โพล่งถามออกไปเมื่อเห็นพ่อรักษ์กำลังเดินออกไป สายตาขวางตวัดมองด้วยความโมโห
“ ไม่ใช่เรื่องของคุณหญิงจะดูแลใครก็ดูแลไป แต่ไม่ต้องคิดจะมาข้องแวะกับข้า ”
“ แต่ท่านเจ้าคุณมอบหมายให้อิชั้นดูแลทุกคนบนเรือนนี้ นั่นก็หมายถึงให้อิชั้นดูแลคุณรักษ์ด้วยเจ้าค่ะ ”
พุดตานมองไปยังเสือดุหนุ่มที่ยืนหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธ ถึงแม้ในใจจะกลัวชายหนุ่มกระทำอันใดรุนแรงเมื่อเห็นตนยังยุ่มย่ามทั้ง ๆ ที่ยื่นคำขาดไปแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าตัวเองก็มีศักดิ์ศรีเป็นถึงเมียพระราชทาน เป็นรองก็แค่เจ้าของเรือนอย่างท่านเจ้าคุณ อีกอย่างพ่อรักษ์เองก็อ่อนกว่าตนถึงสองปี อย่างไรเสียก็ต้องมีความยำเกรงแก่ตนเองบ้าง
“ ข้าบอกไปแล้วว่าอย่ามาวุ่นวายกับข้า ”
“ ... ”
“ คุณพี่เจ้าคะ... ”
แม่พุดตานผงะไปด้วยความตกใจ เมื่อพ่อรักษ์ก้าวอาด ๆ เข้าไปประชิดตัว แม่รำพึงได้แต่เรียกพี่ชายตนเองหวังเพียงแค่พี่ของตนนั้นไม่กระทำอันใดร้ายแรงไปกว่านี้
“ หากคิดว่าจะทำให้ข้าพึงใจที่ได้คุณหญิงเป็นแม่นั้น ขอให้คิดใหม่เสีย นับแต่นี้ต่างคนต่างอยู่อย่าได้มาข้องแวะกันให้ข้ารำคาญใจ เข้าใจรึไม่...คุณหญิง ”
“ ... ”
“ แล้วก็สำรับข้าวที่ตระเตรียมไว้ให้ข้า ข้าเองก็ไม่อยากให้มันเสียเปล่า ไหน ๆ คุณหญิงก็เสียเวลาตระเตรียมไว้แล้ว ข้ารบกวนคุณหญิงให้บ่าวเอาไปโรยให้หมูหมากาไก่ในสวนกินเสียก็แล้วกัน ”
รอยยิ้มยียวนส่งตรงไปให้คนตรงหน้า ใบหน้านวลของคุณหญิงขึ้นสีแดงระเรื่อ ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งพ่อรักษ์เดินลงจากเรือนไป
“ ไม่เป็นไรนะเจ้าคะคุณแม่ ”
“ ม...ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันไม่เป็นไร ”
“ ป้าผินจ๊ะ พาคุณแม่ไปพักเถิดจ้ะ ”
“ เจ้าค่ะคุณรำพึง ไปเจ้าค่ะคุณหญิง ”
นังผินประคองนายของมันเดินเข้าไปพักในห้อง แม่รำพึงมองตามพุดตานไปด้วยความห่วงใย ลำพังตัวเองนั้นเคยชินเสียแล้วสำหรับการกระทำของพี่ชาย แต่กับแม่พุดตานนั้นคงต้องใช้เวลาในการที่จะเข้าใจพี่ชายของตนได้
“ ป้าจวงไม่ได้จัดสำรับให้คุณรักษ์หรือขอรับ ”
ไอ้จอมมองหน้าพ่อรักษ์ที่กำลังนั่งกินข้าวร่วมสำรับเดียวกันกับมัน แม่ปรุงและเจ้ากลิ่น สีหน้าไอ้จอมไม่สบอารมณ์เท่าใดนักที่เห็นพ่อรักษ์เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อยู่ตรงหน้า
“ ข้าอยากมากินข้าวฝีมือแม่ปรุง เอ็งมายุ่งกระไรกับข้าไอ้จอม ข้ามาฝากท้องกับแม่ปรุงเสียตั้งแต่เด็ก แม่ปรุงยังไม่เคยว่ากระไรเลย ”
“ หากป้าปรุงบ่นคิดว่าจะไม่โดนหวายลงหลังหรือขอรับ ”
“ ใครจะกล้ามาลงหวายแม่ปรุง บอกข้าได้เลยนะแม่ปรุงข้าจะจัดการมันเสียให้เข็ด ”
ประโยคสุดท้ายพ่อรักษ์หันไปเอ่ยกับนังปรุงที่กำลังคดข้าวใส่จานให้พ่อรักษ์ด้วยรอยยิ้ม
“ กินเถิดเจ้าค่ะ ไอ้จอมเอ็งก็กินเข้าไปถามจู้จี้ไปได้ อิชั้นบอกแล้วว่าจะจัดสำรับแยกให้คุณรักษ์ จะได้ไม่ต้องมานั่งกินร่วมกับพวกบ่าว คุณรักษ์ก็มิยอม ”
“ กินรวมกันนี่แหละแม่ปรุง เจริญอาหารดี ใช่ไหมพ่อกลิ่น ”
“ เห็นจะมีก็แต่คุณรักษ์นี่แหละขอรับที่กินแค่น้ำพริกผักต้มก็อร่อย ”
“ มันไม่ได้อร่อยเพียงกับข้าวฝีมือแม่ปรุงหรอกนะพ่อกลิ่น แต่มันเป็นเพราะข้าได้กินกับใครด้วยต่างหากเล่า มันจึงอร่อย ”
สายตาเป็นประกายของพ่อรักษ์ที่ถูกส่งไปยังเจ้ากลิ่นนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับไอ้จอม แต่ก็ทำกระไรมากไม่ได้ แต่ไม่ใช่แค่ไอ้จอมเท่านั้นที่เห็นสายตาของพ่อรักษ์ แม่ปรุงเองก็เห็นสายตานั้นเช่นกัน นั่นจึงก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจให้กับแม่ปรุงยิ่งนัก ได้แต่คิดว่าเจ้าตัวน่าจะต้องเตือนบุตรชายของตนไว้เสียจะดีกว่า