๗
เบญจมาศในหมู่ภมร
“ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ”
ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด
“ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ”
แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ
“ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ”
“ จะ...เจ้าค่ะ ”
นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว
“ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ”
พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ
“ นั่งลง ”
“ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ”
“ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ”
“ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ”
“ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้รักษ์ ”
“ อย่างน้อยแม่ปรุงก็มิได้ยัดเยียดให้ใครมาแทนที่คุณแม่เหมือนที่คุณพ่อกระทำอยู่นี่ขอรับ ”
“ ไอ้รักษ์!! ”
เพล้ง
“ ว้าย ”
ท่านเจ้าคุณคว้าถ้วยกระเบื้องในสำรับปาเฉียดพ่อรักษ์ไปเพียงเสี้ยว ท่านเจ้าคุณลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยว ชี้ไปยังหน้าของบุตรชาย
“ กูเป็นพ่อมึงไอ้รักษ์ กูชี้ให้มึงไปทางใดมึงก็ต้องทำตามกู ตราบใดที่มึงอยู่บนเรือนนี้อาศัยบารมีของกู มึงก็ต้องทำตามที่กูบอก ”
“ หากการอยู่ในเรือนของคุณพ่อ แล้วข้าต้องทำตามใจของคุณพ่อ ข้าก็ไม่ต้องการอยู่ขอรับ ”
พ่อรักษ์พูดจบก็หันหลังเดินลงจากเรือนไป ท่านเจ้าคุณโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“ ไอ้ลูกเนรคุณ กูจะดูซิว่ามึงจะอวดเก่งไปได้เสียกี่เพลากันไอ้ลูกเวร ”
“ เจ้าคุณพ่อ...ใจเย็น ๆ นะเจ้าคะ คุณแม่เจ้าคะให้บ่าวเตรียมสำรับใหม่เถอะเจ้าค่ะ ”
ด้วยความเคยชินของแม่รำพึง จึงเอ่ยบอกกับแม่พุดตานที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ใจของพุดตานกรุ่นไปด้วยความโกรธที่โดนพ่อรักษ์เปรียบตนต่ำต้อยกว่าบ่าวในเรือน แถมพอเกิดเรื่องยังโดนเด็กที่อ่อนกว่าอย่างแม่รำพึงสั่งให้ตนที่เป็นถึงเมียท่านเจ้าคุณ เมียที่พ่ออยู่หัวพระราชทานมาให้เยี่ยงบ่าว เจ้าตัวเก็บความไม่พอใจไว้ภายในแล้วหันไปสั่งนังจวงและบ่าวบนเรือนให้เก็บและเตรียมสำรับใหม่
‘ ไม่มีผู้ใดเห็นหัวกูเลยสักคน กูเป็นถึงเมียพระราชทาน แต่เปรียบกูต่ำเยี่ยงบ่าว ถึงคราที่กูเอาคืนได้เมื่อใด กูจะทำให้ได้รู้ว่ากู พุดตานคนนี้ สูงค่าและสูงศักดิ์เพียงใด ’
ตุบ
ไอ้เชิดวางเบี้ยตรงหน้าของหญิงร่างท้วมที่เป็นเจ้าของเรือนโคมแดง เจ้าหล่อนคว้าเบี้ยมานับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอ้เชิดที่ยืนรออยู่
“ ใครดีล่ะพ่อเชิด นังจำปาหรือจะเป็นนังหลั่นดี ”
“ อีจำเรียน ”
“ นังจำเรียนมันรับใช้คนอื่นไปแล้ว ”
“ มึงบอกกูมา ไอ้ตัวไหนมายุ่งกับอีจำเรียนของกู ”
ไอ้เชิดตวาดเสียงดังจนเจ้าของเรือนหน้าถอดสี เพราะรู้ตัวดีว่าไอ้เชิดมันเป็นนักเลงคุมอยู่ที่ตลาดวังหว้านี้ ใครขัดใจมันมีอันจะต้องเจ็บตัวเจียนตายไปเสียทุกราย
“ ก็พ่อรักษ์ลูกชายคนโตของท่านเจ้าคุณวรจิตรน่ะพ่อเชิด อย่าเพิ่งโมโหไปเลยคราที่แล้วเหล้ายาข้าแตกไปหลายไหยังมิได้กำรี้กำไรเลยจ้ะพ่อเชิด ”
“ ไอ้รักษ์มึงอีกแล้วรึ ไอ้ระยำไอ้มารหัวขน ”
" คุณรักษ์เจ้าขา ตื่นเถิดเจ้าค่ะ "
เสียงหวานใสเอ่ยเรียกพ่อรักษ์ที่ยังนอนเปลือยกายอยู่บนตั่งนอนที่ปูผ้าสีแดงไว้ ร่องรอยจากกิจกรรมเมื่อคืนยังคงเด่นชัดจนจำเรียนเองยังรู้สึกขัดเขินในรสสวาทที่พ่อรักษ์มีให้
“ ว้าย...คุณรักษ์ ”
แขนแกร่งเอื้อมตัวไปดึงร่างบางที่นั่งเปลือยท่อนบนอยู่ข้าง ๆ จนต้องนอนจมไปบนอกของพ่อรักษ์อย่างช่วยไม่ได้
“ ส่งเสียงได้เจื้อยแจ้วเช่นนี้ เห็นทีว่าข้าคงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เจ้าเหนื่อยได้กระมัง...จำเรียน ”
“ พูดกระไรกันเจ้าคะคุณรักษ์ แค่นี้จำเรียนก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้วเจ้าค่ะ ”
“ แต่ข้ายังมีแรงเหลืออีกมากเลยแม่จำเรียน ยิ่งเห็นเนื้อตัวแม่จำเรียนเยี่ยงนี้แล้ว ข้าก็เหมือนอยากจะกลืนกินแม่ไปเสียทั้งตัว ”
“ คุณรักษ์...ว้าย ”
ร่างหนาคร่อมกายลงบนร่างของจำเรียน มอบรสสวาทที่ถึงแม้ว่าจำเรียนจะรับใช้ผู้ชายมามากมาย แต่หากเทียบกันแล้วสิ่งที่ได้รับจากพ่อรักษ์นั้นมันลึกซึ้งมากเกินกว่าชายใดในเมืองนี้จะมอบให้ได้
“ เอาเหล้ามาให้ข้าอีกไหป้า ”
“ คนเดียวสามไหแล้วหนาเจ้าคะคุณรักษ์ ”
“ ข้ายังไหว มิเมาง่าย ๆ ดอกป้า ”
เสียงพ่อรักษ์ที่ดูท่าจะเมามายตั้งแต่หัววันเอ่ยบอกป้าเจ้าของร้านเหล้าในตลาด ก่อนที่เจ้าของร้านจะเดินยกไหเหล้ามาวางไว้ที่โต๊ะ
“ เป็นถึงลูกเจ้าขุนมูลนาย กลับมาทำตัวเหลวแหลกเยี่ยงนี้ ข้าล่ะสงสารท่านเจ้าคุณวรจิตรเสียจริง ๆ ”
“ เห็นใคร ๆ ต่างก็ลือให้อื้ออึงว่าบุตรชายคนโตทำตัวเกเร บ้านเรือนไม่อยากกลับขลุกอยู่แต่ในโรงชำเราบุรุษ ได้ยินมาว่าติดพันอยู่กับอีจำเรียนด้วยหนา ”
เสียงซุบซิบนินทาเอ่ยดังแว่ว ๆ หากใครหูไม่หนวกก็คงจะได้ยินกันเสียหมด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พ่อรักษ์ติดใจเอาความกระไร เพราะทุกสิ่งที่ได้ยินคือเรื่องจริงทั้งนั้น นั่นจึงไม่ทำให้พ่อรักษ์โกรธเคืองผู้ใดที่เอ่ยถึงตนเลยแม้แต่น้อย
“ คุณรักษ์เจ้าคะ ตื่นเถิดเจ้าค่ะ ป้าจะปิดร้านแล้วเจ้าค่ะคุณรักษ์ ”
“ อืม...”
พ่อรักษ์ที่ไม่รู้ว่าเมาหลับไปตั้งแต่เมื่อใด ส่งเสียงในลำคอก่อนจะค่อย ๆ ยันตนเองให้ลุกขึ้นมานั่งมองรอบตัวอยู่ครู่ใหญ่ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน แสงแปรบปลาบจากฟ้าแลบสว่างจ้าเป็นพัก ๆ ดูท่าคืนนี้ฝนน่าจะตกลงมาห่าใหญ่
พ่อรักษ์เดินตุปัดตุเป๋ไปตลอดทางที่จะเดินกลับ จุดมุ่งหมายก็คือโรงชำเราที่เป็นที่นอนเหมือนทุก ๆ คืนที่ผ่านมา
ซ่า...
ห่าฝนตกลงมาอย่างหนัก พ่อรักษ์ยังคงเดินตากฝนไปอย่างช้า ๆ เนื่องจากฤทธิ์ของเหล้า แต่เพราะความเย็นของฝนก็ทำให้พ่อรักษ์สร่างเมาขึ้นมาบ้าง จนมองเห็นกลุ่มคนสามสี่คนยืนอยู่เบื้องหน้า
“ เมาเหมือนหมาเลยนะไอ้รักษ์ ”
“ กูจะเมาเหมือนหมาเหมือนแมวแล้วมึงจะมายุ่งเรื่องของกูทำไมวะ ”
“ พูดเยี่ยงนี้สงสัยต้องเอาเลือดจากปากมึงมาล้างตีนกูเสียแล้วกระมัง ”
พวกมันพูดจบก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าหลังของพ่อรักษ์ที่ยังคงโซซัดโซเซเพราะฤทธิ์เหล้าในร่างกาย ไอ้เชิดที่จงใจเปิดหน้ามาให้พ่อรักษ์เห็นเข้าไปปล่อยหมัดลุ่น ๆ เข้าไปที่โหนกแก้มของพ่อรักษ์ทันที
พ่อรักษ์ล้มลงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว มือหนาจับไปที่ใบหน้าตัวเองเพราะความเจ็บ แต่ก็พยายามยันตนเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็เพราะความเมาทำให้พ่อรักษ์ไม่สามารถมีสติพอที่จะรับมือกับกลุ่มของไอ้เชิดได้
“ นี่สำหรับเวลาของอีจำเรียนที่มึงแย่งมันไปจากกู ”
“ มึงไม่มีปัญญาเองมากกว่า หากมึงมีอัฐมากพอมึงก็ซื้อเวลาของจำเรียนมันได้ ”
“ ไอ้รักษ์ ”
ไอ้เชิดพูดจบก็ประเคนทั้งหมัดทั้งตีน พ่อรักษ์ได้แต่นอนงอตัวอยู่บนพื้นท่ามกลางฝนตกกระหน่ำ
“ นั่นพวกมึงทำกระไรกัน เจ้าข้าเอ๊ย ช่วยด้วยเจ้าค่า ”
เสียงชาวบ้านที่บังเอิญผ่านมาเห็น ทำให้พวกของไอ้เชิดตกใจและวิ่งหนีไปด้วยความเสียดายที่ยังจัดการกับพ่อรักษ์ได้ไม่มากพอเท่าที่มันต้องการ ชาวบ้านที่ผ่านมาเข้ามาดูพ่อรักษ์ที่นอนอยู่กลางสายฝน
“ ตายแล้ว นี่มันคุณรักษ์นี่ พวกเอ็งมาช่วยข้ามาพาคุณรักษ์ไปโรงหมอหน่อยเร็ว ”
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ