๕
สบดวงเนตร
สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง
“ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ”
แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ
“ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ”
พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง
“ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
“ เช่นนั้นเอ็งก็เอามา ไม่ต้องไปเองให้ยุ่งยากวุ่นวายเสียเปล่า ๆ ”
“ เช่นนั้นน้องฝากด้วยนะเจ้าคะ ”
รำพึงส่งข้าวต้มมัดให้สองคู่ส่งยิ้มดีใจให้พี่ชายที่กำลังรับขนมจากมือของตนเอง รำพึงรู้สึกว่าหากเป็นเรื่องใดที่เกี่ยวกับเจ้ากลิ่นพี่ชายของเธอจะยินยอมเสมอ นั่นจึงทำให้รำพึงรู้สึกปลื้มปิติที่เรื่องของเจ้ากลิ่นนั้นทำให้ตนได้มีเหตุผลที่ได้สนทนากับพี่ชายบ้างแม้เพียงนิดก็ยังดี
“ กลิ่นพี่บอกเอ็งว่าไม่ต้องทำมิใช่รึ ”
“ พี่จอมนี่หละก็ ฉันบอกว่าฉันทำไหวเหตุใดต้องคอยห้ามฉันด้วยอีกคนหละพี่ ”
เจ้ากลิ่นหน้านิ่วไม่ยอมฟังที่ไอ้จอมห้าม สองมือกลับยกกระบุงเดินไปยังท่าน้ำเพื่อตักน้ำมาเติมลงตุ่มบนเรือนใหญ่ให้เต็ม
“ แต่เนื้อตัวเอ็งยังไม่หายดี พักเสียอีกสักวันมิดีกว่ารึ ”
“ พี่จอม...ฉันนอนพักมาก็สี่ซ้าห้าวันแล้ว นอนอยู่เฉย ๆ มิได้ทำกระไรฉันก็เบื่อซี มาจับนู่นนี่ฉันจะได้ไม่ขี้เกียจไปเสียก่อน ”
“ แต่ว่า.... ”
“ ไม่แต่แล้วพี่จอม อย่างไรเสียฉันก็จะทำ แค่คุณรักษ์ห้ามฉันคนเดียวก็มากพอแล้ว นี่พี่ยังคิดที่จะห้ามให้ฉันทำในสิ่งที่อยากทำอีกหรือพี่จอม ”
ไอ้จอมคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่อของพ่อรักษ์จากเจ้ากลิ่นที่กำลังถือกระบุงเดินดุ่ม ๆ ไปที่ท่าน้ำ เนื้อตัวที่ยังคงมีรอยเขียวช้ำ บาดแผลยังคงไม่แห้งดีนัก ในใจได้แต่นึกถึงวันที่เจ้ากลิ่นโดนทำร้ายแล้วก็ยิ่งโมโห หากวันที่เจ้ากลิ่นมาถามหาคุณรักษ์มันไม่รู้สึกตงิดในใจจนต้องตามเจ้ากลิ่นไปที่ตลาดวังหว้า วันนั้นเจ้ากลิ่นมันคงได้นอนจมกองดินอยู่กงนั้นทั้งคืน โดยที่คนต้นเหตุคงมิรู้เสียด้วยซ้ำว่าได้สร้างปัญหาไว้ให้กับคนอื่นมากเพียงใด
แต่ถึงแม้วันที่ไอ้จอมตามไปเจอเจ้ากลิ่นนอนอยู่บนพื้นดิน สติสตังแทบจะไม่มี เนื้อตัวมีร่องรอยบอบช้ำเต็มไปหมด แต่เจ้ากลิ่นไม่เคยคิดถึงตัวเองเลยแม้แต่น้อย เอาแต่เอ่ยว่าอย่าทำร้ายคุณรักษ์อยู่อย่างนั้นจนหมดสติ ไอ้จอมจึงคับแค้นใจนักที่คนมีอันจะกินอย่างคุณรักษ์ไม่เคยรู้เลยว่าชนชั้นล่างอย่างพวกมันนั้นต้องรองมือรองตีนให้เสียเท่าไหร่แล้ว
“ มาพี่ช่วย... ”
“ จะมาแย่งฉันทำไมเล่าพี่จอม พี่ก็ไปเอากระบุงอันใหม่มาซี ”
“ ในเมื่อพี่ไม่ห้ามเอ็งแล้ว ก็ให้พี่ช่วยเอ็งนี่แหละ เอ็งตัวกระเปี๊ยกเดียวหิ้วน้ำกระบุงเดียวก็แทบไม่ไหวแล้ว ”
“ เห็นฉันตัวเล็กพี่จอมเลยจะดูแคลนฉันรึ ไม่รู้หรือฉันนี่แข็งแรงมากเลยนะพี่จอม ”
“ อย่างนั้นรึ ไอ้เปี๊ยก ฮ่า ๆ ๆ ”
ไอ้จอมหัวเราะเสียงดัง ส่งสายตาหยอกล้อไปให้เจ้ากลิ่น ก่อนจะยกกระบุงที่ใส่น้ำจนเต็มสองกระบุงเดินไปทางเรือนใหญ่ เจ้ากลิ่นได้แต่ยกกระบุงใส่น้ำที่เหลืออีกกระบุงเดียวตามไปด้วยความกระท่อนกระแท่น
“ ดูจะมีความสุขเหลือเกินนะพ่อกลิ่น ”
“ คุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นมองไปยังคุณรักษ์ที่เพิ่งเดินลงมาจากเรือน ในมือมีข้าวต้มมัดที่แม่รำพึงฝากมาให้เจ้ากลิ่น ใบหน้าคุณรักษ์ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก ตาจ้องเขม็งไปยังไอ้จอมที่หยุดยืนรอเจ้ากลิ่นไม่ยอมเอาน้ำในกระบุงไปเติมเสียที ก่อนที่จะหันกลับมามองเจ้ากลิ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาสำรวจร่องรอยบนตัวอย่างโจ่งแจ้ง จนทำให้คนถูกมองรู้สึกกระอักกระอ่วน
“ ข้าบอกว่าให้พ่อกลิ่นพักจนกว่าจะหายมิใช่รึ ”
“ บ่าวหายแล้วขอรับคุณรักษ์ ”
“ เนื้อตัวยังเขียวช้ำเช่นนี่ พ่อกลิ่นเรียกว่าหายรึ ”
พ่อรักษ์ก้าวอาด ๆ เข้าไปจับท่อนแขนของเจ้ากลิ่นไว้ ไม่รู้ตัวเองเลยว่าแรงอารมณ์ทำให้ท่อนแขนของเจ้ากลิ่นขึ้นรอยแดง เจ้ากลิ่นหน้าเสียเพราะตั้งแต่โตมาพ่อรักษ์ไม่เคยทำกระไรรุนแรงกับมันแบบนี้มาก่อน
“ คุณรักษ์ปล่อยแขนไอ้กลิ่นมันเถิดขอรับ ”
“ ไม่ใช่เรื่องของมึงอย่าสอดไอ้จอม ”
พ่อรักษ์หันไปจ้องไอ้จอมตาแข็ง ท่อนแขนแกร่งของไอ้จอมบีบแน่นไปที่แขนของพ่อรักษ์อย่างไม่เกรงกลัว
“ พี่จอมปล่อยแขนคุณรักษ์เสีย ประเดี๋ยวก็โดนลงหวายหรอกพี่ ”
“ พี่ไม่ปล่อยจนกว่าคุณรักษ์จะปล่อยแขนของเอ็ง ”
“ พี่จอม...ฉันขอนะพี่ ”
ไอ้จอมปล่อยมือพ่อรักษ์ตามที่เจ้ากลิ่นขอร้อง แต่ถึงแม้จะปล่อยมือแล้ว สายตาของมันก็ไม่ได้ห่างไปจากคนทั้งคู่
“ มึงมีงานกระไรก็ไปทำไอ้จอม ส่วนพ่อกลิ่นตามข้าไปที่สวน ”
“ แต่บ่าวยังเติมน้ำไม่เต็มตุ่มเลยขอรับ ”
“ ทิ้งกระบุงไว้ให้พี่จอมของพ่อเสียสิ แรงมันมีมากโขเติมน้ำให้เต็มตุ่มคนเดียวมันคงทำได้กระมัง ”
“ แต่ยังเหลืออีกหลายตุ่มเลยนะขอรับคุณรักษ์ ”
พ่อรักษ์ไม่เอ่ยอะไรต่อ ขายาวก้าวนำเจ้ากลิ่นไปที่สวนไม่สนใจท่าทีที่ดูเป็นกังวลว่าไอ้จอมจะตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มคนเดียวได้เช่นไร ไอ้จอมได้แต่พยักหน้าให้เจ้ากลิ่นไม่ต้องกังวล เจ้ากลิ่นจึงจำต้องยอมเดินตามพ่อรักษ์ไปที่สวนหลังเรือนใหญ่
สวนหลังเรือนใหญ่ที่กินเนื้อที่เกือบกึ่งหนึ่งของที่ดินของเจ้าคุณวรจิตรที่ตกทอดมาจากครอบครัวข้ารับใช้พ่ออยู่หัวมาหลายยุคหลายสมัย พื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนชัดเจน ส่วนด้านหน้าคือเรือนใหญ่เรือนเดี่ยวที่ยังมีพื้นที่ต่อเติมเพื่อกลายเป็นเรือนขยายได้เมื่อถึงวัยที่พ่อรักษ์ได้ตกแต่งแม่นายเข้าเรือน ต่อจากเรือนใหญ่ก็เป็นสวนที่ปลูกผลหมากรากไม้ไว้กินไว้แจกจ่ายชาวบ้าน รวมไปถึงเล้าไก่ชนของพ่อรักษ์ก็อยู่ในอาณาบริเวณนี้เช่นกัน
เขตสวนหลังเรือนใหญ่นี้ บ่าวไพร่ในบ้านต่างรู้ดีว่าเป็นที่ที่พ่อรักษ์จะมาเมื่อมีเรื่องกังวลใจ หรือคราที่มีปัญหากับท่านเจ้าคุณวรจิตร เป็นเหตุให้ไม่นานมานี้พ่อรักษ์จึงได้ให้บ่าวผู้ชายสร้างเรือนหลังเล็ก ๆ ไว้สำหรับหนีหน้าจากครอบครัว
“ คุณรักษ์ให้บ่าวตามมามีกระไรจะให้บ่าวทำหรือขอรับ ”
“ นี่...แม่รำพึงฝากให้ข้าเอามาให้พ่อกลิ่น ”
พ่อรักษ์ยื่นข้าวต้มมัดที่น้องสาวฝากมาให้เจ้ากลิ่น มือขาวยื่นไปรับมาด้วยรอยยิ้ม รอยปื้นแดง ๆ ที่ท่อนแขนดึงสายตาคมให้มองดูด้วยความเป็นห่วง
“ เจ็บหรือไม่พ่อกลิ่น ”
“ ไม่ขอรับ เนื้อตัวบ่าวก็เป็นเยี่ยงนี้แหละขอรับ โดนกระไรนิดหน่อยก็แดงแล้ว แต่ไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดกระไรขอรับคุณรักษ์มิต้องห่วงขอรับ ”
“ ข้าขอโทษ...พ่อกลิ่น ”
น้ำเสียงอ่อนโยนของพ่อรักษ์ส่งผลให้เจ้ากลิ่นเบิกตาโต ก่อนที่พ่อรักษ์จะเอื้อมไปยกแขนของเจ้ากลิ่นขึ้นมาเป่าด้วยความทะนุถนอม แต่การกระทำของพ่อรักษ์นั้นทำให้เจ้ากลิ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ บะ...บ่าวไม่ได้เป็นกระไรขอรับคุณรักษ์ ”
“ นี่ถ้าแม่ข้ายังอยู่ข้าคงโดนเอ็ดไปแล้วที่ทำเนื้อตัวเจ้าแดงเยี่ยงนี้ ”
เจ้ากลิ่นมองนายของมันที่กำลังพ่นลมหายใจอุ่น ๆ ลงบนท่อนแขน ความรู้สึกปั่นป่วนกำลังก่อเกิดอยู่ภายใน
“ คุณหญิงท่านไม่เอ็ดคุณรักษ์เพราะบ่าวหรอกขอรับ คุณหญิงท่านรักคุณรักษ์ยิ่งกว่ากระไร ”
“ พ่อกลิ่นไม่รู้กระไร แต่ไหนแต่ไรมาคุณแม่รักและเอ็นดูพ่อมากยิ่งกว่าข้าที่เป็นลูกแท้ ๆ เสียอีก ”
“ คุณรักษ์ก็พูดเข้าขอรับ ไม่มีทางที่คุณหญิงท่านจะรักบ่าวมากกว่าคุณรักษ์เป็นแน่ บ่าวมั่นใจขอรับ ”
“ หึ ๆ...ข้าก็มั่นใจเหมือนกันว่าคุณแม่ต้องรักพ่อกลิ่นมากแน่ ๆ เหมือนอย่างที่ข้าเองก็รักพ่อกลิ่นเช่นกัน ”
วินาทีที่พ่อรักษ์เอ่ยเสร็จ ดวงตาคมสีนิลก็เงยหน้าขึ้นมามองไปยังดวงตาดำที่สั่นไหวน้อย ๆ ของเจ้ากลิ่น พ่อรักษ์มองสบตากับบ่าวคนสนิท ดวงตาสุกใสของคนใกล้ตัวที่เติบใหญ่มาด้วยกันที่มองมานั้นยิ่งพิศก็ยิ่งดูน่าค้นหา หัวใจของคนร่างใหญ่เริ่มรู้สึกหวิวไหว
“ ข้าเพิ่งรู้ว่าดวงตาพ่อกลิ่นงดงามถึงเพียงนี้เลยหรือ ”
“ คุณรักษ์... ”
นิ้วหยาบของพ่อรักษ์เอื้อมมาเกลี่ยบนเปลือกตาของเจ้ากลิ่นอย่างแผ่วเบา ดวงตาสุกใสของบ่าวร่างบางค่อย ๆ หลับพริ้มรับกับสัมผัสจากพ่อรักษ์ เจ้ากลิ่นหัวใจเต้นรัวเมื่อปลายนิ้วที่สัมผัสนั้นให้ความรู้สึกหวามไหว
“ พ่อกลิ่น...ลืมตามองมาที่ข้า ”
พ่อรักษ์สั่งด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เจ้ากลิ่นเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ นัยน์ตาเยิ้มเป็นเงาส่งตรงไปยังนายของมัน
“ ต่อจากนี้...พ่อกลิ่นต้องมองแต่ข้าผู้เดียวเท่านั้น...เข้าใจหรือไม่พ่อกลิ่น ”
“ ขะ...ขอรับ ”
“ ทีนี้ก็กินข้าวต้มมัดเสียทีเถิดพ่อกลิ่น ประเดี๋ยวเย็นจะหมดอร่อยไปเสีย ”
พ่อรักษ์ผละออกมานั่งพิงระเบียงชานเรือน ปล่อยให้พ่อกลิ่นแกะข้าวต้มมัดกินอยู่เงียบ ๆ พ่อรักษ์ลอบยิ้มให้กับท่าทีงุ่มง่ามทำกระไรไม่ถูกของเจ้ากลิ่นเมื่อเห็นว่าพ่อรักษ์กำลังมองมันอยู่
“ คุณรักษ์เจ้าขา ”
เสียงเรียกที่ดูเหนื่อยหอบของนังจวงบ่าวบนเรือนใหญ่ตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือนเล็กในสวน
“ เอ็งเรียกข้ามีกระไร ”
“ คุณท่านเรียกหาคุณรักษ์ให้ไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ เอ็งด้วยไอ้กลิ่น ”
ประโยคสุดท้ายนังจวงหันไปบอกเจ้ากลิ่นที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับพ่อรักษ์บนเรือน ก่อนที่มันจะมองไปยังพ่อรักษ์อย่างกังวล
บนเรือนใหญ่มีบ่าวไพร่อยู่พร้อมหน้า สีหน้าทุกคนดูแช่มชื่น รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าจนคนที่มาทีหลังอย่างเจ้ากลิ่นกับพ่อรักษ์ก็อดสงสัยมิได้
เจ้ากลิ่นนั่งลงตรงข้างไอ้จอมที่มันหวงที่ไว้ให้ ก่อนที่จะมองไปยังกลางเรือนก็เห็นท่านเจ้าคุณวรจิตรนั่งอยู่บนตั่งไม้สักเคลือบเงา เจ้าของเรือนนั่งคู่กับผู้หญิงหน้าตาสะสวย อายุอานามน่าจะพอ ๆ กับพ่อรักษ์เห็นจะได้ พ่อรักษ์เดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามน้องสาวของตนเอง ครู่หนึ่งพ่อรักษ์มองไปยังคนที่นั่งข้างบิดาของตนเองด้วยความสงสัย
“ มากันครบแล้วใช่มั้ยนังจวง ”
“ เจ้าค่ะคุณท่าน ”
“ นี่ แม่พุดตาน ต่อจากนี้แม่พุดตานจะมาเป็นคุณหญิงของเรือนนี้ ในฐานะเมียของข้า ”
บ่าวไพร่ในเรือนต่างยิ้มร่า เมื่อเรือนแห่งนี้จะได้มีคุณหญิงคนใหม่เสียที นับตั้งแต่คุณหญิงกลอยตายไป เรือนหลังนี้ก็แทบจะไม่มีชีวิตชีวาเสียเลย ดีที่ยังมีคุณหนูรำพึงที่ยังพอให้เรือนมีคนดูแลบ้าง
“ คุณพ่อคงเสียสติไปแล้วกระมังขอรับ ดูก็รู้ว่าเมียใหม่ของคุณพ่ออายุคราวลูกเช่นนี้ ”
“ ไอ้รักษ์!! ”
เสียงเดือดดาลของท่านเจ้าคุณแผดกังวานไปทั่วเรือน ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองบุตรชายด้วยโทสะที่ร้อนละอุ แต่พ่อรักษ์ก็ไม่ได้ยี่หระต่อเหตุตรงหน้าไม่ พ่อรักษ์มองไปยังแม่พุดตานด้วยสายตารับไม่ได้ เมื่อเห็นผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนจะมานั่งทับที่ที่แม่ของตนเคยอยู่
“ ไม่มีใครมาแทนคุณแม่บนเรือนนี้ได้หรอกขอรับ ยิ่งเป็นผู้หญิงรุ่นลูกเยี่ยงนี้ข้ายิ่งไม่ยินดีที่จะยอมรับขอรับ ”
“ กูไม่ได้มาขอให้มึงยินยอม เรือนนี้มันเรือนกู นี่ก็แม่พุดตานเมียกู แล้วก็จะเป็นแม่ของมึงกับแม่รำพึงนับแต่วันนี้ รู้ไว้เสียไอ้รักษ์ ”
หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคมของพ่อรักษ์ มือกำแน่นจนเส้นเลือดโปนเต็มหลังมือ พ่อรักษ์ลุกขึ้นก่อนจะหันหน้าไปมองพ่อกับเมียใหม่ด้วยสายตาชิงชัง แล้วจึงเดินลงจากเรือนไปด้วยอารมณ์ครุกรุ่น
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ