เช้านี้ทั้งสามแม่ลูกเตรียมของไปบ้านท่านตาค่อนข้างมาก ลู่จื้อนำขี้เถ้าในครัวมาทาหน้าของทุกคน ชาวบ้านจะได้ไม่สงสัยกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของบ้านตน
ทั้งสามต้องเดินเท้าหนึ่งชั่วยามจงจะถึงบ้านท่านตา พอใกล้ถึงปากทางเข้าหมู่บ้านลู่จื้อจึงนำของออกมาจากมิติ แล้วทุกคนช่วยกันถือเข้าไป
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางจินหรูตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน
เมื่อเห็นบ้านท่านตานางจึงได้รู้ว่าทำไมมารดาถึงอยากจะช่วยเหลือบ้านท่านตาเหลือเกิน บ้านของท่านตาไม่ต่างจากบ้านที่นางอยู่มากนัก อย่าว่าพายุเลยลมหนาวมาจะอยู่กันอย่างไร
“มาแล้วขอรับ” คนมาเปิดประตูเป็นเด็กผู้ชายผอมหัวโต นี่คงเป็นจินฉือน้องเล็กของบ้านแน่
“ฉือเออร์หรือ ข้าน้าจินหรูของเจ้า พ่อเจ้าอยู่หรือไม่”
“เข้ามาก่อนขอรับ ท่านพ่อ ท่านพี่ ท่านแม่อยู่นาขอรับ ข้าอยู่บ้านดูแลท่านปู่ท่านย่าที่ไม่สบายขอรับ” นางจินหรูได้ยินว่าบิดามารดาไม่สบายก็รีบวางของแล้วเข้าไปหาทันที
ในห้องนอนของท่านตาท่านยายนั้น ท่านตานอนซมเพราะพิษไข้มีท่านยายคอยดูแลอยู่ข้างๆ
“ฉือเออร์ใครมา”
“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” นางจินหรูพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดมารดาไว้แน่น ทั้งสองกอดกันร้องไห้เสียงดัง
“นี่เพ่ยเออร์กับจื้อเออร์สินะ มาหายายใกล้ๆ หน่อย” เกาเจินเรียกหลานทั้งสอง
“ลู่เพ่ย/ลู่จื้อ คารวะท่านยายขอรับ/เจ้าค่ะ”
“เด็กดี เด็กดี โตเพียงนี้แล้ว”
“ท่านแม่ให้ใครไปตามหมอมาดูอาการท่านพ่อหรือยังเจ้าคะ” นางจินหรูเอ่ยถาม
“พ่อเจ้ากินยาต้มแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น พี่ชายเจ้าอยากจะพาไปหาหมอในเมืองแต่ก็จนใจ” นางเกาเจินเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็ถอนหายใจ เพราะเงินในบ้านไม่เหลือแล้ว ทุกคนก็หมดปัญญารอเพียงแค่สวรรค์เมตตาเท่านั้น
“ฉือเออร์เจ้าไปตามพ่อเจ้ากลับมาที บอกน้าเจ้าจะท่านปู่ไปหาหมอในเมือง” จินฉือรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ลู่จื้อจึงออกไปต้มข้าวให้ท่านตาท่านยายก่อนเพราะนางเห็นถ้วยที่วางไว้มีเพียงแค่น้ำข้าวเท่านั้น
จินเจ๋อได้ข่าวว่าน้องสาวมาก็รีบกลับมาบ้าน พร้อมกับทุกคนที่อยู่ที่แปลงนา
“น้องสาวเจ้ามาได้อย่างไร”
“ท่านพี่ ใยไม่ส่งข่าวเรื่องท่านพ่อให้ข้าเล่าเจ้าคะ” สองพี่น้องที่ไม่เจอกันนานก็จ้องมองกันด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
ลุงใหญ่จินนั้นร่างกายซูบผอม ดูอายุมากกว่าอายุจริงเพราะทำงานหนัก แล้วยังไม่มีอาหารดีๆ กินอีก ป้าสะใภ้ก็เช่นกัน
“ท่านแม่ให้ทุกคนกินข้าวก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวต้องรีบพาท่านตาไปหาหมออีก” ลู่จื้อเอ่ยแทรกก่อนที่พี่น้องจะร้องไห้กันอีกครั้ง
ทั้งหมดจึงได้กินข้าวที่เรียกว่าข้าวได้จริงๆ เสียที
“เจ้าเอาอะไรมามากเช่นนี้” พี่สะใภ้เอ่ยตำหนิ เพราะนางรู้ว่าน้องสามีก็ไม่ได้อยู่อย่างสบายเช่นกัน
ลู่จื้อค่อนข้างพอใจกับครอบครัวนี้ นางไม่เห็นแววตาความโลภเมื่อมองของที่แม่ของนางนำมาให้ มีเพียงสายตารู้สึกผิดที่เป็นภาระให้มากกว่า
หลังจากกินข้าวเสร็จจินเจาออกไปเช่าเกวียนเพื่อพาท่านตาไปหาหมอ คนที่ไปมีท่านลุงจินเจ๋อ จินเจา ลู่เพ่ยและลู่จื้อ สี่คนเท่านั้น ที่เหลือรออยู่ที่บ้านกับท่านยาย
หมู่บ้านหนานไฉห่างจากเมืองเฉียงไห่สามสิบลี้ ใช้เวลาเดินทาง สองชั่วยามทั้งหมดจึงรีบออกเดินทางจะได้ไม่กลับถึงมืดค่ำเกินไป กว่าจะเดินทางถึงโรงหมอก็ยามอู่แล้ว (11.00-12.59น.) ลู่จื้อฝากให้ท่านหมอฉีดูอาการของท่านตา นางและพี่ชายทั้งสองคนออกไปซื้อของให้บ้านท่านตา
ไม่ใช่ว่านางใจดีจะซื้อให้ทุกอย่างแต่ตอนนี้นางคงต้องช่วยเรื่องเสื้อผ้า ผ้าห่ม ข้าวสารก่อน เพราะเสื้อผ้าของทุกคนเหมือนนางเมื่อก่อนเลย ตอนที่นางทำอาหารข้าวสารในบ้านก็ไม่มีแล้ว มีเพียงหัวมันอีกแค่ไม่กี่หัว
จินเจาที่เห็นลู่จื้อซื้อของก็ตกใจอ้าปากค้างไปเลย ลู่เพ่ยต้องตบไหล่แล้วบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่น้องสาวของตนใช้เงินเก่ง
ลู่จื้อแวะซื้อซาลาเปาสิบห้าลูกก่อนจะกลับไปที่โรงหมอ เมื่อเดินผ่านร้านถังหูลู่ นางจึงนึกถึงจินฉือเลยซื้อไปถึงสิบไม้ ตอนส่งให้จินเจาเขารับไปด้วยมือไม้สั่นเพราะตนไม่เคยได้กินเลย
ตอนที่กลับถึงโรงหมอท่านตานั้นได้สติแล้ว หมอฉีจึงจัดยาอย่างดีให้ลู่จื้อ (เขาหวังว่าลู่จื้อจะเอาโสมแดงมาขายให้อีกเพราะตอนนี้ชื่อเสียงของร้านยาของเขาดังไปถึงเมืองหลวง)
“ลำบากพวกเจ้าแล้ว” ท่านตาจินหานน้ำตาคลอมองหลานทั้งสองที่ตนไม่ได้พบนาน
“ลำบากอันใดเจ้าคะ เป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว” ลู่จื้อยิ้มน้อยๆ มองท่านตาของนางที่ยังมีใบหน้าซีดขาวอยู่
เมื่อจินเจาเอาเกวียนมารับท่านตาที่หน้าโรงหมอท่านตากับท่านลุงก็ต้องตกใจกับข้าวของที่ลู่จื้อซื้อเกือบจะเต็มเกวียนยังดีที่หลานสาวเหลือที่ว่างให้ทุกคนได้นั่งกลับหมู่บ้าน
เมื่อถึงหมู่บ้านหนานไฉก็เข้ายามโหย่วแล้ว (17.00-18.59น.) ทั้งสามคนแม่ลูกจึงไม่กลับหมู่บ้านหนานชุน ครอบครัวท่านตาจึงได้กินข้าวเย็นที่มีอาหารจานเนื้อในรอบเกือบปี จินฉือเมื่อเห็นถังหูลู่ก็ยิ้มหวานขอบคุณลู่จื้ออย่างน่าเอ็นดู จินฉืออายุสิบหนาวแล้วแต่ดูเหมือนเด็กอายุเพียงแปดหนาวเท่านั้น
ลู่จื้อแอบหยดน้ำจิตวิญญาณลงไปในโอ่งน้ำกินในบ้านด้วย แต่ทุกคนที่ดื่มไปนั้นไม่รู้เขาคิดแต่เพียงว่าวันนี้มีความสุขที่นางจินหรูกลับบ้านและได้กินอาหารดีดี
จินเจายกห้องของตนให้กับนางจินหรูกับลู่จื้อ ส่วนลู่เพ่ย จินเจา นอนในห้องโถงกลางบ้านแทน วันนี้ทุกคนไม่ต้องนอนหนาวเพราะลู่จื้อซื้อผ้าห่มผืนหนามาให้ครบทุกคน แถมทุกคนยังได้ชุดใหม่คนละสองชุดแม้จะเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบแต่ทุกคนก็สุขใจเพราะไม่ได้มีชุดใหม่มาสองปีแล้ว
“ท่านลุงใหญ่ ข้าอยากให้ท่านไปขายปลาที่เหลาอาหารหมานอี้เจ้าค่ะ” นางเพราะนางไม่มีเวลาจับปลาไปส่งพอดี
“ปลาจับยากนักจื้อเออร์ มิมีผู้ใดที่จับปลาเป็นๆ ได้ไปส่งที่เหลาอาหารหรอก” เขาถอนหายใจออกมา แม้รู้ว่าสิ่งนี้จะทำเงินให้ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำ
ในหมู่บ้านหนานไฉมีแม่น้ำสายเดียวกันกับหมู่บ้านหนานชุน นางเลยจะสอนวิธีจับปลาให้ท่านลุงในวันพรุ่งนี้นางจึงให้เงินท่านลุงหนึ่งตำลึงไปสั่งทำรถเข็นเพราะหากขายปลาคงจะไปยืมบ้านอื่นใช้ตลอดไม่ได้
จินเจ๋อถึงกับน้ำตาไหลที่หลานสาวช่วยบ้านตนมากขนาดนี้ เพียงข้าวของที่นางนำมา ทั้งยังหาซื้อมาเพิ่มไหนจะพาท่านพ่อไปรักษาที่โรงหมอ เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนนางเช่นใดแล้ว