Search
Library
Home / รักโบราณ / พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ / 13. ช่วยเหลือ (2)

13. ช่วยเหลือ (2)

2025-06-25 22:17:25

“ท่านพ่อ เยว่ชิงว่าเรารับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานที่ร้านดีหรือไม่เจ้าคะ”

“นั่นสิขอรับ ท่านพ่อจะปล่อยเขาไว้เช่นนี้หรือ” ลี่อินเอ่ยสำทับขึ้นมา เขาสงสารเผิงจง มีทั้งมารดาและน้องสาวให้เลี้ยงดู บิดาขของเขาก็หายตัวไป คงจะลำบากไม่น้อย

“ท่านพี่…” ซูเมิ่งขยับเข้ามาลูบแขนของสามีเบาๆ นางเองก็สงสารเผิงจงไม่น้อย จึงอยากให้สามีรับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานในร้านซิ่งฟู่

“เข้าใจแล้ว…เผิงจง เจ้าอยากมาทำงานที่ร้านนี้หรือไม่” ลู่หวังเหล่ยเลือกที่จะถามความสมัครใจของเจ้าตัวก่อน

“ขะ ขอรับนายท่าน เมตตาข้าน้อยและครอบครัวด้วยขอรับ” เผิงจงรีบตอบรับทันที ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมาให้

“เช่นนั้นก็พาพวกข้าไปรับมารดากับน้องสาวเจ้าไปที่สกุลลู่ก่อน แล้วข้าจะให้คนตามหมอมาดูอาการของมารดาเจ้า”

“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ฮูหยิน คุณชาย คุณหนู” เผิงจงรีบก้มเคารพทุกคนที่ช่วยเหลือเขา

จากนั้นเผิงจงก็รีบนำเจ้านายคนใหม่ของตนไปพบมารดาและน้องสาวที่ท้ายตลาด เมื่อไปถึงเผิงจงก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาและน้องสาวฟัง ทั้งเผิงฮวาที่เป็นมารดาและเผิงจูเด็กหญิงตัวน้อย ต่างก็ซาบซึ้งต่อความเมตตาของสกุลลู่ หลังจากที่ทั้งสามแม่ลูกย้ายเข้ามาเป็นบ่าวสกุลลู่ เผิงฮวาก็ได้รับหน้าที่ให้ดูแลครัวในร้านซิ่งฟู่ เพราะลู่หวังเหล่ยและบุตรทั้งสี่กลัวว่าซูเมิ่งจะเหนื่อย ส่วนเผิงจงและเผิงจูรับหน้าที่เรียกลูกค้า ทั้งเยว่ชิงยังขอให้เผิงจูมาดูแลนางอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

“เสี่ยวจูทานขนมหรือไม่”

“คุณหนูทานเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่หิว” ทั้งที่ตนเองมองขนมตาละห้อย แต่กลับเอ่ยปฏิเสธ เด็กผู้นี้เจียมตนเกินไปแล้ว ทั้งที่อายุมากกว่าเยว่ชิงเพียงสองหนาว แต่เผิงจูกลับตัวเล็กจ้อย เยว่ชิงจึงเรียกเผิงจูว่าเสี่ยวจู

เยว่ชิงยัดขนมใส่มือของเผิงจู เดิมทีนางต้องการให้เผิงจูมาอยู่ใกล้ชิดเพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับบิดาของเผิงจูและสกุลหม่า แต่นานวันเยว่ชิงก็ยิ่งเอ็นดูเผิงจูมากขึ้น เพราะนางดูแลเยว่ชิงได้ดีมิขาดตกบกพร่อง ท่านแม่ยังเอ่ยเย้าอยู่หลายครา ว่าในยามเยว่ชิงแต่งออกคงมิมีสิ่งใดต้องเป็นห่วง เพราะมีเผิงจูอยู่ก็เทียบเท่ามีแม่นมลี่อยู่ด้วย

“ช่วยข้าทานทีเถิด ข้าอิ่มแล้ว”

“เจ้าค่ะคุณหนู ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” เผิงจูนำขนมเข้าปาก เด็กหญิงวัยเจ็ดหนาวยิ้มแย้มทานขนมอย่างเอร็ดอร่อย คุณหนูของนางมักใจดีและเมตตาต่อนางเสมอ ทั้งยังมิเคยกดขี่ข่มเหงนางเลยสักครั้ง เผิงจูจึงตั้งมั่นว่าจะดูแลคุณหนูด้วยชีวิตของนาง อีกอย่างเผิงจูยังนับถือคุณหนูของนางอย่างมาก เพราะแม้ว่าคุณหนูจะมีอายุเพียงห้าหนาว แต่กลับเป็นเด็กหญิงที่มีความคิด ความอ่านดี พูดจาฉะฉาน น่าเชื่อถือจนบางทีใต้เท้าลู่ยังต้องฟังคำคุณหนู

“รีบทานเข้า เราต้องไปทำงานที่ร้านซิ่งฟู่กันต่อ เฮ้อออ ข้าเกียจคร้านเสียจริง!!!” เยว่ชิงบ่นเช่นนี้ทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน แม้จะบ่นแต่ก็ทำงานไม่หยุด จนเผิงจูเองก็ไม่แน่ใจว่าคุณหนูของนางเกียจคร้านดังที่พูดหรือไม่

“โฮรก~” เสียงคำรามของมูมู่ดังขึ้นราวกับต้องการตอบรับเยว่ชิง แต่เสียงนั้นกลับทำให้เผิงจูตกใจไม่น้อย นางมาอาศัยอยู่ที่สกุลลู่ไม่กี่เดือนจึงยังมิคุ้นชินกับมูมู่มากนัก แม้คุณหนูของนางจะเอ่ยว่ามูมู่ไม่กัด แต่นางก็ยังกลัวอยู่ดี คงจะต้องใช้เวลาทำความรู้จักกับมูมู่ให้มากกว่านี้จึงจะชินชา

“มูมู่เองก็เกียจคร้านใช่หรือไม่ ฮือออ เมื่อใดข้าจะได้หยุดพักเสียที”

“เช่นนั้นวันนี้คุณหนูอยู่พักที่เรือนดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะไปช่วยงานที่ร้านเองเจ้าค่ะ”

“ไม่ๆ แม้จะเหนื่อย แต่ตอนนี้ยังหยุดพักไม่ได้ เพราะสกุลลู่ของเรายังไม่มีเงินทองมากพอ” เยว่ชิงหันมาตอบเผิงจู หากว่าวันใดร้านซิ่งฟู่มั่นคงแล้ว เยว่ชิงจะให้ครอบครัวหยุดพักอยู่ที่เรือนและได้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ นางเองก็จะใช้ชีวิตเป็นคุณหนูสกุลลู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องมากังวลเรื่องเงินทอง คิดได้ดังนั้นเยว่ชิงก็รีบออกไปทำงานที่ร้านซิ่งฟู่ทันที

.

.

.

วันเวลาล่วงเลยมากว่าสองหนาว กิจการร้านซิ่งฟู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนบัดนี้ร้านซิ่งฟู่กลายเป็นเหลาอาหารชื่อดังของเมืองหลวงแคว้นเฉิงไปเสียแล้ว ผู้คนทั้งในแคว้นและนอกแคว้นต่างอยากเข้ามาใช้บริการ แต่กลับมิมีผู้ใดรับรู้ว่าร้านซิ่งฟู่แท้จริงแล้วเป็นของสกุลลู่ อาจเพราะสกุลลู่มิได้ป่าวประกาศออกไป ทั้งเสี่ยวเอ้อในร้านทุกคนต่างใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า จึงมิมีผู้ใดรู้ว่าเจ้าของร้านและเสี่ยวเอ้อในร้านเป็นคนของสกุลลู่

“พี่สาม เยว่ชิงว่าเราจ้างผู้อื่นมาเล่นดนตรีดีหรือไม่ ท่านทำงานทั้งวันเช่นนี้ เยว่ชิงกลัวว่าท่านจะเหนื่อย” เยว่ชิงเดินเข้ามาเอ่ยกับลี่อินก่อนที่จะขึ้นไปบรรเลงกู่เจิงบนแท่นแสดง นางกังวลเรื่องอาการป่วยของลี่อินมาก เพราะบัดนี้เยว่ชิงมีอายุเจ็ดหนาวแล้ว หากอ้างอิงจากในนิยายเรื่องชะตาร้าย ลี่อินจะมีอาการป่วยในช่วงนี้

“พี่บรรเลงกู่เจิงมิไพเราะแล้วหรือ เจ้าจึงจะจ้างผู้อื่น” ลี่อินแสร้งตีหน้าเศร้า เขารู้ดีว่าหากทำเช่นนี้น้องสาวของเขาจะต้องใจอ่อน ยอมให้เขาขึ้นแสดงต่อไปแน่

ตั้งแต่เกิดมา เขามิได้เข้มแข็งเช่นพี่ใหญ่ มิได้ช่างเจรจาเช่นพี่รอง มิได้ฉลาดหลักแหลมเช่นน้องสาว บรรเลงกู่เจิงจึงเป็นอย่างเดียวที่เขาทำได้ดีและช่วยเหลือครอบครัวได้ แม้จะไม่มากมายนักแต่เขาก็อยากทำ

“เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนั้นเจ้าคะ เสียงบรรเลงกู่เจิงของพี่สามยังเป็นอันดับหนึ่งในใจเยว่ชิงเสมอเจ้าค่ะ เพียงแต่เยว่ชิงมิอยากให้พี่สามเหน็ดเหนื่อยก็เท่านั้น”

“พี่มิได้เหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย พี่อยากทำ”

“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่หากว่าพี่สามเหนื่อยบอกเยว่ชิงนะเจ้าคะ”

“ได้ หากเหนื่อยพี่จะบอกเจ้าเป็นคนแรก” ลี่อินยกยิ้มให้น้องสาว สองมือหยิบหน้ากากมาสวมใส่ก่อนจะขึ้นไปนั่งบรรเลงกู่เจิงบนแท่นแสดง

เยว่ชิงอดถอดถอนหายใจกับความดื้อรั้นของพี่สามของนางมิได้ เดิมทีพี่สามควรจะเป็นผู้ที่ว่าง่ายกว่าพี่น้องคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ อ่อนโยน เมตตา จิตใจดี แต่กลับดื้อรั้นเป็นที่สุด ตากลมของเยว่ชิงจ้องมองไปบนแท่นแสดง ซึมซับเสียงกู่เจิงที่ลี่อินบรรเลงอย่างจรรโลงใจ แต่บรรเลงไปได้ไม่นาน…

ตึง~ สายของกู่เจิงขาดสะบัด พร้อมกับร่างของลี่อินที่ล้มพับลงไปนอนกองกับพื้น

“พี่สาม!!!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP