บทที่ 2
สะใภ้คนใหม่
ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ
“ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ”
“ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ”
“สวัสดีครับทุกคน”
ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด
“ปล่อยผมนะคุณ”
“เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ”
“ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ นี่นา”
ผมเผลอพูดเสียงดังทำให้เขาชะงักฝีเท้าแล้วหันมาถลึงตามองอย่างโกรธเคือง มองซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง
“อย่าปากมากอย่างนี้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นเธอเดือดร้อนแน่”
“ผมรู้แล้วน่า พลาดแค่ครั้งเดียวเอง”
ผมทำหน้าบูดบึ้งลับหลังก่อนเดินตามหลังไปยังห้องห้องหนึ่ง ในระหว่างทางก็ส่องสายตามองดูความหรูหราของที่นี่ งดงามเกินคำบรรยายบ่งบอกถึงฐานะเจ้าของบ้าน คงจะรวยมากน่าดู จริง ๆ แล้วควรให้เงินผมเพิ่มเสียด้วยซ้ำเพราะต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่
ในที่สุดก็มาถึงวินาทีสำคัญ ภายในห้องนั่งเล่นมีสตรีสูงวัยกำลังนั่งอ่านนิยายอยู่ สีหน้าของท่านแลดูฟินมากเหลือเกิน แต่งเนื้อแต่งตัวดูดีราวกับสตรีในรั้วในวังสมัยก่อนเสียอย่างนั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านแม้จะมีริ้วรอยแห่งวัยบ้างก็ถือว่ายังดูดีมาก เมื่อเห็นเราทั้งสองท่านก็ชำเลืองตามอง แวบแรกที่เห็นสายตาของแม่สามีก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ดูเหมือนว่าจะร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้ตาม ท่านหรี่ตามองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพินิจพิจารณา โชคดีที่ได้รับข้อมูลมาว่าท่านชอบสะใภ้ที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เป็นแม่บ้านแม่เรือน ผมจึงเตรียมทุกอย่างมาพร้อมแล้ว อีกอย่างนั่นก็ใกล้เคียงกับนิสัยของผมพอดิบพอดีจึงแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก
“มากันแล้วรึ นั่งลงสิ”
ท่านวางหนังสือเล่มนั้นลงข้างตัว ผมแอบมองด้วยหางตาจนได้รู้ว่านั่นมันนิยายวายจากสำนักพิมพ์ชื่อดัง เคยสร้างเป็นซีรีส์จนดังไปทั่วโลก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงวัยขนาดนี้จะเป็นสาววายกับเขาด้วย คุณนาธานเดินเข้าไปนั่งลงข้างท่าน สวมกอดอย่างออดอ้อน หอมแก้มฟอดแล้วฟอดเล่าราวกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังอ้อนผู้เป็นแม่ เห็นแล้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนอย่างนายนั่นจะอ้อนเป็นด้วย
ผมเดินเข่าเข้ามานั่งลงบนพื้นใกล้ท่านแล้วก้มลงกราบ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ หากทว่าต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บนั่นเพราะท่านกลับยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย
“นี่น่ะเหรอสะใภ้ที่แกเอามาฝากแม่”
“ครับคุณแม่ บิวเป็นสะใภ้ในอุดมคติของคุณแม่เลยนะครับ เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เก่งงานบ้านงานเรือน คุณแม่จะต้องชอบบิวแน่ ๆ”
“ดูท่าทางแกจะรักเมียแกมากนะ”
“ใช่ครับแม่ ผมกับบิวเรารักกันมาก ตัวแทบติดกันตลอดเวลาเลยล่ะ”
“คำพูดของแกน่าเชื่อถือมาก ก่อนหน้าแม่ยังยินได้ข่าวว่าคั่วกับแม่นางเอกนั่นอยู่เลย”
“คุณแม่ไม่เชื่อผมเหรอครับ”
“จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อตอนเข้ามาพวกแกไม่เคยสวีทหวานกันเลย มือก็ไม่จับ ไหล่ก็ไม่โอบ แถมทำหน้ามุ่ยใส่กันอีกต่างหาก แกเอาเด็กคนนี้มาแอบอ้างเพื่อทำให้แม่ตายใจใช่ไหม แม่ไม่หลงกลแกง่าย ๆ หรอก”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็อึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะหูตากว้างไกลขนาดนี้ มาแค่ไม่นานก็รู้ก็เห็นทุกอย่าง ผมเงยขึ้นไปมองหน้าคุณนาธานส่งสายตาเชิงถามว่าจะทำอย่างไรดี
“โธ่! คุณแม่คิดมากไปหรือเปล่าครับ ผมกับบิวเรารักกันจริง ๆ จะให้ทำยังไงคุณแม่ถึงจะเชื่อครับ”
“มีหลานให้แม่สิถึงจะเชื่อ”
“ผะ...ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ยังไงครับคุณท่าน” ความตกใจทำให้รีบแย้งท่านออกมา
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคนในตระกูลฉันหาก....”
“คุณแม่ครับ! บิวหมายถึงตอนนี้ยังไม่พร้อมน่ะครับ”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพร้อมตอนไหนก็บอกแม่มาละกัน เมื่อไหร่ที่แม่มั่นใจว่าแกไม่ได้เอาคนมาหลอก เมื่อไหร่ที่พวกแกมีหลานให้ วันนั้นแม่จะจัดงานแต่งให้พวกแกสองคนทันที เธอพร้อมที่จะมาเป็นสะใภ้ฉันแล้วใช่ไหม”
“พะ...พร้อมครับคุณท่าน” ผมต้องแสร้งยิ้มทั้งที่มีคำถามมากมายในหัว
“จะเรียกคุณท่านทำไมเรียกคุณแม่เหมือนฉันสิ เธอเป็นสะใภ้แล้วนะ” คุณนาธานว่าแต่สายตาดุดันซะเหลือเกิน
“ครับคุณแม่ ผมต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ด้วยนะครับ มีอะไรให้ผมทำบอกมาได้เลยครับ”
“ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้เธอทำเยอะแยะเชียวล่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะทนได้มากน้อยแค่ไหน”
“ผมทนได้แน่นอนครับคุณแม่”
“แล้วฉันจะคอยดู”
“คุณแม่ต้องชอบบิวแน่นอนครับ ช่วงนี้ผมอาจไม่ได้มาอยู่ด้วยเพราะมีงานต้องทำเยอะแยะเลย ฝากคุณแม่ดูแลบิวแทนผมด้วยนะครับ”
“แล้วคืนนี้จะค้างไหมล่ะ”
“เอ่อ...”
“พาเมียมาฝากไว้กับแม่ทั้งทีจะไม่ค้างเชียวรึ”
“ก็ได้ครับคุณแม่ ก็ได้ครับ”
เห็นสีหน้าเขาแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชะมัด คนบ้าอะไรเล่นละครเก่งขนาดนี้ กับแม่ตัวเองก็ยังไม่เว้น เอาผมมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็จะไปเสวยสุขเหรอ ใจร้ายชะมัดเลย!
“ถ้างั้นก็พาเมียแกขึ้นไปดูห้องหับให้เรียบร้อย มีอะไรบอกสอนกันก็บอกไป ส่วนที่เหลือแม่จะดูแลให้เอง”
“ครับคุณแม่”
เมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นแม่ไม่ต่อต้านผมเขาก็ยิ้มร่า หอมแก้มฟอดใหญ่แล้วหันมาพยักหน้าให้ผมเชิงสั่งให้ไปด้วยกัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
ท่านพยักหน้ารับก่อนผมจะลุกขึ้นเดินตามหลังเขาขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัว สายตาของผมมัวแต่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้มาถึงห้องแล้ว ร่างน้อย ๆ ปะทะกับแผ่นหลังหนาเข้าอย่างจัง ล้มก้นกระแทกพื้นจนต้องทำหน้าเหยเก
“โอ๊ย! จะเบรกทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“แล้วเธอมัวแต่ดูอะไรอยู่ล่ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
เขาหันมาทำหน้าดุให้ ทำราวกับผมเป็นตัวขัดลาภอะไรเทือกนั้น ทำผิดแค่นี้เองทำไมต้องดุกันด้วย ผมทำหน้าสำนึกผิดแล้วเขาก็หันกลับไปเปิดประตูห้อง เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วสายตาของผมต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง ห้องนี้หรูหราหมาเห่ามาก เหมือนอยู่ในพระราชวังอะไรเทือกนั้น เก้าอี้เอย โซฟาเอย ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น แค่ห้องนี้ห้องเดียวไม่รู้หมดไปกี่ล้าน
“โอ้โห! ทำไมห้องนอนคุณถึงได้หรูหราใหญ่โตอย่างนี้ ผมจะได้นอนในห้องนี้จริง ๆ ใช่ไหม”
“อืม”
“แล้วไหนตู้เสื้อผ้าของผมล่ะ ผมจะได้เอาเสื้อผ้าไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย”
เขาทำสีหน้าเย็นชาพลางชี้มือไปยังประตูอีกฝั่งของห้อง ผมรีบเดินเข้าไปเปิดดูพบว่ามันคือห้องที่ใช้เก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ในนั้นมีเสื้อผ้าบางส่วนทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจ เพราะขนาดมันเล็กไม่เหมือนเป็นของเขาเลย
“แล้วนี่เสื้อผ้าใครครับ”
“ก็ของเธอนั่นล่ะ ฉันสั่งให้คนซื้อมาไว้ให้ส่วนหนึ่งแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องออกไปไหนโดยไม่จำเป็น”
“นี่คุณรู้จักสัดส่วนผมได้ยังไงกัน โห แต่ละตัวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย แบรนด์เนมอีกด้วย”
ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้น หันไปมองก็เห็นเขายืนกอดอกทำหน้าเซ็ง จากที่กำลังกระดี๊กระด๊าต้องหุบยิ้มลงทันทีทันใด
“ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เพราะเธอนั่นล่ะ ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง รำคาญลูกตา วันนี้ต้องอยู่ค้างคืนที่นี่ด้วย ยิ่งรู้สึกอึดอัด”
“ทำอย่างกับผมอยากจะอยู่กับคุณงั้นล่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก”
“คุณก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันนั่นล่ะ ดูท่าทางแล้วแม่คุณเอาเรื่องไม่น้อยเลยนะ กำราบมาเฟียอย่างคุณซะอยู่หมัด” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจแต่ต้องรีบหุบปากเมื่อถูกเขาชี้หน้าห้ามเอาไว้
“เธอกวนประสาทเกินไปแล้วนะ เป็นแค่ลูกหนี้ เดี๋ยวจะไปจัดการแม่กับน้องชายเธอซะให้เข็ด”
“อย่าเชียวนะ ผมขอโทษ อย่าทำอะไรแม่กับน้องผมเลยนะ ผมผิดไปแล้ว”
“งั้นก็อย่าปากดีอีก”
พูดจบเขาก็เดินหนีไปทิ้งให้ผมยืนทำหน้าล้อเลียนตามหลังอยู่ตรงนั้น คนบ้าอะไรจะอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะถึงยังไงเขาก็อยู่กวนประสาทผมได้คืนวันนี้คืนเดียวเท่านั้นล่ะ
ในขณะผมกำลังจัดข้าวของในห้องเขาก็นอนเล่นมือถือบนเตียงอย่างสบายใจ เราไม่คุยกันเลยตั้งแต่แยกเขี้ยวใส่กันก่อนหน้านี้ เมื่อจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปมองบนเตียงอีกครั้งพบว่าเขานอนหลับไปแล้ว ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วส่องดูให้แน่ใจว่าเขาหลับจริงหรือเปล่า
“หลับจริง ๆ ด้วย ว่าแต่...หล่อไม่เบานะเนี่ย”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยวลีนั้นออกมา ยอมรับว่าคุณนาธานหล่อแบบตะโกนมาก ดารานายแบบยังชิดซ้าย แต่ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นผู้ชายทรงแบด ผู้หญิงที่กำลังคบตอนนี้ไม่รู้จะเลิกเมื่อไหร่ แม้เขาจะบอกว่ารักจริงหวังแต่งก็เถอะถึงยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากมั่นใจว่าเขาหลับแล้วผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้สบายตัว เนื่องจากจัดข้าวของในห้องจนเหนื่อย อาบเสร็จแล้วก็นำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเดินไปยังห้องแต่งตัวก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นคุณนาธานยืนอ้าปากหาวอยู่กลางห้อง ด้วยสัญชาตญาณต้องรีบยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้ แต่เหตุไฉนผ้าเช็ดตัวมันไม่รักดีร่วงหล่นลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาเขา
“เฮ้ย!!!”
ผมเผลอร้องดังสุดเสียงจนลั่นบ้าน รีบคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมานุ่งทันทีทันใด ส่วนเขาน่ะเหรอยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเคยเห็นคนแก้ผ้ามาเป็นร้อยอะไรเทือกนั้น
“เธอจะตะโกนร้องทำไม เดี๋ยวคนในบ้านก็แตกตื่นกันหมดหรอก”
“จะไม่ให้ร้องได้ยังไงก็...คุณเห็นของผมหมดแล้ว”
“เห็นแล้วไง ฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอก ผู้ชายด้วยกันนี่หว่า”
“เออว่ะ...ผู้ชายด้วยกัน เฮ้ย! แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะผมก็อายอยู่ดี”
กำลังจะก้าวขาเดินกลับเข้าไปแต่งตัวก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“นาธานเกิดอะไรขึ้น ทำไมเมียแกร้องลั่นบ้านอย่างนั้น เปิดประตูให้แม่เดี๋ยวนี้นะ”
“เอายังไงดีเนี่ย” ผมเอ่ยถามให้เบาเสียงที่สุด
คุณนาธานเดินตรงปรี่มายังผมพร้อมด้วยสีหน้าขึงขัง เขาคว้ามือให้เดินตามไปยังประตูห้อง หากทว่าผมไม่ยอมไปเพราะยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยดี
“ผมขอแต่งตัวก่อน”
“มาเถอะน่า”
เขาลากผมมาถึงประตูห้องจนได้ จากนั้นเปิดประตูให้คุณนายวิมล ท่านยืนกอดอกมองมาพร้อมกับแม่บ้านคนหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น!”
“คือ...” ผมยังคิดไม่ออกว่าจะบอกท่านอย่างไรดี ตามองก็คุณนาธานเพื่อให้เขาแก้สถานการณ์ไปก่อน มือใหญ่ถูกส่งขึ้นมาเกี่ยวเอวผมไว้อย่างแน่นหนา รู้สึกอึดอัดเป็นบ้าเลยล่ะ
“ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยครับ พอดีว่าผมกับบิวเรา...กำลังเล่นจ้ำจี้ตามประสาผัวเมียน่ะครับ พอดีว่าผมเล่นพิเรนทร์ไปหน่อยน้องเลยร้องดังลั่นขนาดนั้น”
คำแก้ต่างของเขาทำให้ใบหน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันไปกันใหญ่แล้ว ทำไมถึงไม่อายปากบ้าง เล่นจ้ำจี้อย่างนั้นหรือ!!!
“แม่ก็นึกว่าเรื่องอะไร คราวหน้าคราวหลังก็อย่าเล่นพิเรนทร์ให้มันมากนัก ท่ามาตรฐานก็ทำลูกได้ย่ะ สงสารเมียแกบ้าง”
“ครับคุณแม่”
คุณนายวิมลมองมาพร้อมด้วยสายตาแปลก ๆ ผมทำได้เพียงยิ้มแหย ๆ เท่านั้น รอให้ท่านกับแม่บ้านคนนั้นเดินลงไป จนเมื่อประตูห้องถูกปิดลงผมก็ถลึงตามองคุณนาธานแล้วรีบวิ่งแจ้นเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องน่าอายอย่างนี้มาก่อน
.
.
ช่วงที่นั่งรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน คุณนายวิมลถามไถ่ประวัติส่วนตัวผมไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกำลังสัมภาษณ์รับพนักงานใหม่เสียอย่างนั้น ผมตอบไปตามความเป็นจริง เว้นก็แต่เรื่องราวของผมกับคุณนาธานที่ถูกแต่งขึ้นมาหลายหน้ากระดาษเอสี่ ผมท่องจนจำได้หมดแล้วว่าครั้งแรกเจอกันที่ไหน เดทแรกวันไหน ขอเป็นแฟนที่ไหน ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไร้ซึ่งพิรุธ
กลับขึ้นมาบนห้องแล้วผมก็หลบมุมเพื่อมาคุยสายกับบอล มันบอกว่าตอนนี้แม่ลัลล้าใหญ่ที่ปลดหนี้ก้อนโตได้แล้ว ไม่รู้เอาเงินมาจากไหนไปซื้อทองมาใส่อวดชาวบ้านชาวช่อง แต่ไม่ยักจะเห็นไปบ่อนเหมือนแต่ก่อน แค่รู้ว่าห่างจากการเล่นพนันได้ก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง คุยสายเสร็จแล้วก็เดินมาที่เตียงนอน คุณนาธานยังคงนอนอยู่บนนั้นในสภาพสวมใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวทำราวกับอยู่ในห้องคนเดียวซะอย่างนั้น
“คุณจะให้ผมนอนที่ไหน”
“แล้วแต่เธอสิ”
“งั้น...ผมนอนที่โซฟานะ”
“...”
เขาไม่พูดอะไรยังคงนอนอยู่ที่เดิม ผมหอบหมอนและผ้าห่มเดินมานอนที่โซฟาตัวใหญ่ นอนเล่นมือถือไปเรื่อยจนกว่าจะง่วง จู่ ๆ ก็เบนสายตาไปมองคนที่อยู่บนเตียง ในตอนนั้นเขาก็ดันมองมาที่ผมเช่นกัน เมื่อเราประสานสายตาอย่างไม่ได้ตั้งใจต่างก็ตกใจ รีบดึงสายตากลับมาไว้ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือทันที ทำไมหัวใจเต้นแรงพิกล ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกอายก็ไม่รู้ ปกติแล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนมาก่อนนี่นา