แม่ของเขาเป็นสาววายรุ่นเดอะ อยากได้สะใภ้เป็นผู้ชาย ส่วนแม่ของผมเป็นผีพนันที่ติดหนี้มาเฟียอย่างเขา เราทั้งคู่เลยต้องโคจรมาพบกันในสถานการณ์ที่สุดแสนจะวุ่นวาย กลายมาเป็นพ่อกับแม่ของลูกที่เกิดมาท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีของสมาคมมาเฟีย
View Moreบทที่ 1
เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
“แม๊!!!!!!!!”
เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว
สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้
แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า!
ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!
“แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น”
“เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่”
“เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่นอยู่ฟรีกินฟรีแถมยังได้เงินเดือนอีกต่างหาก ไม่ต้องไปหางานให้มันยุ่งยาก แค่ไปเป็นสะใภ้หลอก ๆ ให้แม่คุณนาธานท่านสบายใจเท่านั้นเอง”
“ผมเป็นผู้ชายนะแม่ จะไปเป็นสะใภ้ได้ยังไงกัน ผมไม่ไป! ยังไงก็จะไม่ไป”
เป็นครั้งแรกกระมังที่ผมกล้าขัดใจแม่ เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ผมขอตัดสินชะตาชีวิตเองบ้าง แต่สีหน้าแม่ตอนนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด นางกำลังงอนผมน่ะสิ ทำหน้าบูดบึ้ง หันหลังให้อย่างไว ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างรู้สึกเบื่อเต็มทนแล้ว
“เอาเลย จะไปไหนก็ไป ฉันมันแก่แล้วยังไงก็ใกล้จะตาย แค่ตายเร็วหน่อยมันจะเป็นไรไป น้องแกก็ไม่ต้องเรียนหนังสือต่อ ฉันมันเกิดมาอาภัพ มีลูกก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้”
“ไม่ต้องทำเป็นงอนหรอก สรุปจะบังคับผมไปให้ได้ใช่ป่ะ”
“แกไม่ไปแล้วนี่ ยังไงฉันก็ต้องโดนทวงหนี้อยู่ดี ไม่มีเงินให้อย่างมากก็แค่โดนซ้อมจนตาย”
ผมยืนข่มอารมณ์อยู่นานกว่าจะปรับความคิดใหม่ได้ ถึงอย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ยอมช่วยเหลือแกสักครั้งก่อนไปตามทางของตัวเองก็แล้วกัน ถ้าหากว่าผมยังมีชีวิตกลับมานะ
“ก็ได้ ๆ ผมจะยอมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเสร็จงานนี้แล้วแม่สัญญาว่าจะยอมปล่อยให้ผมไปทำงานที่ผมรักนะ”
“แกมันลูกกตัญญูจริง ๆ เลย ฉันรักแกที่สุดเลยอีบิวลูกร้ากกก”
นางเข้ามากอดผมยกใหญ่ ทว่าผมทำหน้าเซ็งไม่ยิ้มแย้มเลยสักนิด ต้องพับโครงการหางานเอาไว้ก่อน ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าและของจำเป็นสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ นอนกอดแมวให้มันเต็มอิ่มเหมือนชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง
“จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนพี่บิว เย็นแล้วนะ” นั่นไม่ใช่เสียงใครที่ไหนหากแต่เป็นเสียงบอลน้องชายผมเองล่ะ ตอนนี้มันเรียนอยู่ชั้นมอสี่แล้ว การเรียนก็ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ เอาแต่แว้นรถไปวัน ๆ ดีหน่อยที่มันไม่ได้ไปยุ่งกับยาเสพติด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะ เหมือนคนกำลังปวดขี้”
“ยิ่งกว่าปวดขี้อีกน่ะสิ”
ผมนอนแผ่หลาบนเตียงวางสายตาไว้ที่เพดานห้องเหมือนคนกำลังหมดสิ้นหนทางชีวิตอะไรเทือกนั้น บอลวางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะแล้วลงมานั่งข้างเตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มีเรื่องอะไรเหรอ บอกหน่อยสิ”
“อยากรู้ให้ไปถามแม่เองสิ” น้ำเสียงของผมเหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจจะพูดกับใคร
“แม่อยู่ให้ถามซะที่ไหนกัน ไปบ่อนแล้วล่ะมั้ง”
“ไปอีกแล้วเหรอ แล้วเอาเงินที่ไหนไปเล่น กูละเบื่อแม่จริง ๆ เลย ผีพนันเข้าสิงจนเอากูไปปลดหนี้น่ะสิ”
“หา! แม่เอาพี่ไปปลดหนี้ ไปวันไหน”
“พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้! ไปที่ไหน ทำไมแม่ถึงได้เลวอย่างนี้นะ โชคดีที่ไม่เอาผมไป”
“ยังไงก็แม่อย่าว่าแกเลย กูตอบตกลงแล้วยังไงก็ต้องไป ไม่ได้ไปขายตัวเหมือนอย่างที่มึงคิดหรอก แค่ไปเป็นเมียหลอก ๆ ให้แม่ของเจ้าหนี้ตายใจ หากเขาได้แต่งงานกับแฟนแล้วกูก็จะเป็นอิสระ”
“อ้อ โล่งอกไปหน่อย ยังดีที่ไม่ต้องเสียตัว แต่อาจจะอึดอัดใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“นิดหน่อยที่ไหนล่ะ มึงลืมแล้วเหรอว่ากูเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย มันจะเป็นไปได้ยังไง แม่ผัวที่ไหนอยากมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายวะ ยัยป้านั่นจะเป็นยังไงบ้าง จะใจร้ายเหมือนในละครหรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างกูคงจะคิดถึงเจ้าหมูตอนมากแน่ ๆ”
“แหม ๆ คิดถึงแต่แมวไม่คิดถึงน้องชายบ้างเหรอ เดี๋ยวก็จับมันย่างกินซะให้เข็ด”
หมูตอนคือแมวที่ผมเลี้ยงไว้ตั้งแต่มันยังเด็ก แม่ของหมูตอนมาคลอดทิ้งไว้แล้วหนีไป พาลูกตัวอื่นไปหมดเหลือเพียงมันตัวเดียว หมูตอนเป็นแมวบ้านมีขาว อวบอ้วน น่ารักน่าชัง มันเป็นแมวที่ชอบอ้อนมาก ใครเห็นก็ต้องหลงรักและตอนนี้มันก็นอนอยู่ในอ้อมกอดผมนี่ล่ะ นอนหลับปุ๋ยเชียว
“ฝากมึงดูแลมันด้วยนะ ไม่รู้ว่ากูจะได้กลับมาตอนไหน อย่าลืมส่งรูปมันให้กูดูทุกวันด้วยล่ะ จะได้สบายใจว่ามันอยู่ดีกินดี”
“จ้า!!! น้องจะส่งให้ทุกวันเลย”
“ฮือ ๆ กูไม่อยากไปเลย”
จู่ ๆ ผมก็ร้องไห้ออกมา กอดบอลซะแน่นขนัดจนมันตกอกตกใจ กอดปลอบผมอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้น รู้สึกใจหายเหมือนกันที่เรียนจบมาหมาด ๆ แต่ต้องมีสามีกำมะลออย่างไม่ทันตั้งตัว
*-*-*-*-*-*-*
และแล้ววันที่ผมไม่อยากให้ถึงก็มาถึง วันที่ผมต้องจากครอบครัวไปอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยากจะคาดเดาได้ ตอนนี้รถตู้จากโรงเชือดจอดรอที่หน้าบ้านแล้ว ผมอุ้มเจ้าหมูตอนเดินลงมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก โดยมีไอ้บอลถือกระเป๋าตามหลัง ส่วนแม่ยืนรออยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว คงจะดีใจมากสินะที่หนี้กำลังจะหมดลงแล้ว หลังจากผมได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น
“ไปแล้วนะแม่”
“เออ ๆ ไปดีมาดี อยู่ที่นั่นก็อย่าทำตัวมีปัญหา อย่าให้คนอื่นว่าได้ว่าฉันเลี้ยงดูแกไม่ดี อดทนให้มาก ๆ”
“ผมต้องอดทนอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่อดทนแม่ก็จะเดือดร้อนไปด้วย” ประโยคหลังผมประชดครับแม๊!!
“มีแกเป็นลูกมันดีอย่างนี้นี่เอง”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปล่ะ ดูแลหมูตอนให้มันดี ๆ ด้วยอย่าให้ได้ยินข่าวว่าแม่ปล่อยมันให้อดอยากนะ” ว่าแล้วก็ส่งเจ้าหมูตอนให้แม่อุ้มไว้ แล้วคว้ากระเป๋าสัมภาระจากบอลมาถือไว้
“เออห่วงแต่แมวนั่นล่ะ ฉันไม่ปล่อยให้มันอดอยากหรอกไม่ต้องห่วง โชคดีละกัน” ผมรู้ว่านางอยากจะกอดผมสักครั้งแต่ยังทำเป็นคนจิตใจแข็งกระด้างเช่นเคย ผมเองก็อยากจะกอดแม่เหมือนกันแต่ด้วยความที่ยังน้อยใจอยู่จึงไม่กล้าเข้าไปหา พวกเราจึงต้องจากกันทั้งอย่างนี้
“ดูแลตัวเองด้วยนะพี่”
“อืม มึงก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าดื้อให้มันมากนัก”
“รู้แล้วน่า”
แน่นอนว่าเราสองพี่น้องสวมกอดกันเพื่อเป็นการร่ำลา เพราะค่อนข้างสนิทกันมาก นอนด้วยกันทุกคืน ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ให้นานที่สุดก่อนถือกระเป๋าเดินขึ้นรถตู้ เมื่อหย่อนก้นลงนั่งแล้วน้ำตามันก็หยดแหมะลงมา ผมยังคงมองแม่กับน้องชายด้วยความรู้สึกใจหาย ไอ้บอลโบกมือให้พร้อมกับน้ำตา ส่วนแม่ยืนแสดงสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้มีความอาลัยอาวรณ์เลย เพียงแต่ดวงตาแดงก่ำเท่านั้น
ในที่สุดประตูรถตู้ก็ถูกปิด บนรถมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมถามลุงคนขับว่าจะพาไปที่ไหน เขาบอกเพียงว่าไปพบคุณนาธานที่เพนท์เฮาส์ก่อน คุณนาธานผู้นี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยแบบไหนกันนะ ผมเริ่มชักอยากจะรู้แล้ว ทำไมถึงคิดว่าแม่ตัวเองจะชอบสะใภ้แบบผม แล้วทำอย่างนี้ท่านจะยอมรับสะใภ้ตัวจริงได้ยังไงกัน ผมเริ่มงงกับความคิดของผู้ชายคนนี้แล้ว
ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ลงจากรถแล้วลุงคนขับรถก็พาขึ้นมายังชั้นบนสุดของคอนโดหรูแห่งหนึ่ง หัวใจเต้นตึกตักตั้งแต่ได้ย่ำเท้าขึ้นมาแล้ว เขาจะเป็นพวกมาเฟียโหดเหมือนในละครไหมนะ เข้าไปแล้วจะโดนทำอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ถึงแล้วครับ” เสียงลุงคนขับรถตู้เอ่ยทำลายห้วงแห่งความคิดของผม
เราทั้งสองออกมาจากลิฟต์จากนั้นเดินตรงไปยังประตูบานหนึ่ง ลุงคนขับรถตู้ไม่ได้เคาะประตูแต่เปิดเข้าไปเลยราวกับเคยมาที่นี่ก่อนหน้าแล้ว วินาทีแรกที่เข้ามาในนี้แอร์เย็นฉ่ำมาก เย็นจนผมต้องกอดตัวเองเอาไว้ ที่นี่หรูหราใหญ่โตบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของ
ภายในห้องไม่มีใครอยู่ ลุงคนขับรถตู้พาผมเดินออกมายังสระว่ายน้ำข้างนอก จึงได้รู้ว่าเขาคนนั้นกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงก็สวยและเซ็กซี่ส่วนผู้ชายทั้งหล่อและหุ่นล่ำมาก คาดว่านั่นคงจะเป็น ‘คุณนาธาน’ อย่างแน่นอน
“มาแล้วครับคุณนาธาน”
“กลับได้”
“ครับ”
เมื่อลุงขับรถเดินออกไปแล้วผมก็ยืนตัวเกร็งอยู่ที่เดิม มองดูคู่รักคู่นี้พลอดรักกันครู่หนึ่ง ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศเสียอย่างนั้น ไม่นานพวกเขาก็ขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ เดินตรงมานั่งลงบนเก้าอี้อาบแดดที่อยู่ตรงหน้าผม
“นี่เหรอคะเด็กที่คุณจ้างมาเป็นลูกสะใภ้สายวายของแม่คุณ” สายตาที่ผู้หญิงคนนี้มองมาที่ผมเหมือนตัวประหลาดอะไรเทือกนั้น เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด! ทนเอาไว้ก่อนไอ้บิว ผมทำได้เพียงท่องไว้ในใจตลอด
“ลูกชายของลูกหนี้ที่บ่อนน่ะ เห็นบอกว่าเป็นผู้ชายเรียบร้อย ใสซื่อไม่มีพิษภัย แถมยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมือนที่คุณแม่ต้องการ คิดว่าถึงยังไงก็ไม่มีเงินจ่ายเลยจ้างมาซะเลย ซอนย่าว่ายังไง”
“หน้าตาซื่อบื้อจริง ๆ ด้วยค่ะ แม่คุณรสนิยมแปลกประหลาด เป็นสาววายไม่พอยังอยากจะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้ชายอีกด้วย”
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคุณแม่แล้ว เลยต้องยอมตามใจเพื่อให้ท่านมีความสุข อีกสักพักคงจะเลิกเองล่ะมั้ง”
ทั้งสองคนสนทนากันเหมือนผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เริ่มรู้สึกรำคาญซะแล้ว จะให้ทำอะไรก็รีบบอกมาสิพูดอยู่นั่นล่ะ
“สรุปว่าจะให้ผมทำอะไรบ้างครับ ช่วยเล่ารายละเอียดงานให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ได้ยินอย่างนั้นผู้หญิงที่ชื่อซอนย่าก็ตวัดสายตามามองผมอย่างไม่พอใจ
“ใครสั่งให้พูด!”
“ไม่มีครับ แต่ผมคิดว่าควรถามเพราะอยากจะเริ่มทำงานแล้ว” ผมตอบออกไปด้วยสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสานั่นยิ่งทำให้เจ้าหล่อนเดือดดาลเป็นที่สุด
“อยากจะเริ่มทำงานแล้วเหรอ ได้! งั้นมาทาครีมกันแดดให้ฉันหน่อยสิ”
ผมยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทำไมจะต้องไปรับใช้ผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่ถ้าผมไม่ทำก็เกรงว่าจะโดนรังแกหนักกว่านี้น่ะสิ เลยต้องยอม ๆ ไปก่อน เดินตรงไปรับครีมกันแดดจากนาง ขณะกำลังยืนเปิดฝาครีมกันแดดก็ถูกเท้าของนางถีบลงไปในน้ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่ผมว่ายน้ำเป็นจึงไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมด ตัวเปียกไม่เท่าไหร่แต่มันเจ็บใจนี่สิ
“ฮ่า ๆ เฉิ่มจริง ๆ แกล้งเธอก็สนุกดีนะ”
“มันจะมากไปแล้วนะคุณ ผมไปทำอะไรให้งั้นเหรอ”
“ก็แค่หมั่นไส้ จะทำไมเหรอ ไอ้ขี้ข้า” สีหน้าและแววตาของยัยซอนย่าทำให้หมัดของผมสั่นระริกเลยทีเดียว อยากจะซัดหน้าให้สักหมัดให้สาสม ผมขึ้นมาจากสระกำลังจะเดินตรงไปหาเจ้าหล่อนแต่โดนส่งเสียงห้ามเอาไว้ก่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้น เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรอในห้องนั่งเล่น”
เสียงทุ้มของคุณนาธานสั่ง ทำให้ผมต้องยอมข่มอารมณ์เอาไว้ ถลึงตามองอย่างเอาเรื่องแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน เดินเข้ามาแล้วก็ค้นเอาเสื้อผ้าออกมาเพื่อจะเปลี่ยน มองซ้ายมองขวาเดินหาห้องน้ำจนเจอ เมื่อล็อกประตูแล้วก็เปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลกรี๊ดออกมาดัง ๆ เพื่อระบายความคับแค้นใจ หน็อย!!!! ยัยผีบ้านั่น สักวันเถอะผมจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู
“ยัยบ้า! สักวันเถอะฉันจะเอาคืน”
สัญญากับตัวเองด้วยสายตามุ่งมั่นแล้วก็ทำการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาในชุดใหม่ ออกมานั่งรอบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วก็ส่องสายตามองไปยังสระว่ายน้ำ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน สงสัยยกโขยงกันเข้าห้องนอนแล้วกระมัง ป่านนี้คงจะเล่นจ้ำจี้กัน ให้ตายสิ! ต้องมานั่งรอสองคนนั้นอาโบเดเบกันนานแค่ไหนเนี่ย
“นี่เธอ!”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้ผมต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หันไปมองก็เห็นคุณนาธานยืนอยู่ด้านหลังจริง ๆ เขาสวมใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วโชว์ซิกแพ็คและกล้ามล่ำ ๆ โดยไม่อายเลยสักนิด รีบหันกลับมาพร้อมด้วยสีหน้าที่แดงก่ำโดยอัตโนมัติ แต่เอ๊ะ! ทำไมผมต้องอายด้วยเนี่ย อยู่บ้านก็เดินแก้ผ้าต่อหน้าไอ้บอลบ่อย ๆ นี่นา
“อายอะไร เมื่อครู่ก็เห็นตอนฉันใส่กางเกงว่ายน้ำแล้ว ไอ้บื้อ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนเขาจะเดินข้ามฝั่งมานั่งตรงข้าม ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ผมจึงมองหายัยตัวแสบนั่นทันที
“ไม่ต้องห่วง ซอนย่ากลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเธอเท่านั้น”
“เริ่มเลยดีไหมครับ”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่งสายตามามองที่ผม เหมือนต้องการถามว่าให้เริ่มทำอะไรอย่างนั้นหรือ เมื่อรู้ตัวว่าคำถามเมื่อครู่มันสื่อถึงเรื่องอื่นได้ด้วยก็รีบแก้ตัวออกไป
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ หมายถึงเริ่มคุยเรื่องงานกัน”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ ฉันก็นึกว่าจะเริ่ม...”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ ไม่ได้คิดเลยจริง ๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“ฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันจะพูดเรื่องที่ต้องทำให้เธอฟังอย่างละเอียด ห้ามแหกกฎแม้แต่ข้อเดียว เพราะหากเธอทำผิดข้อตกลงฉันไม่รับรองความปลอดภัยของแม่กับน้องชายเธอแน่ อ้อ! และที่สำคัญแมวของเธอด้วย”
“นี่คุณรู้จักแม้กระทั่งแมวผมเหรอ”
“รู้สิ ก่อนจะรับเธอมาฉันสืบมาทุกอย่างแล้ว ไม่งั้นคงไม่เลือกเธอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ว่ามาเลยครับ หากมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมทำได้หมด เพราะคนอย่างผมความอดทนสูงอยู่แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “เฉิ่ม ๆ อย่างเธอไม่นึกว่าจะมีความมั่นใจสูงขนาดนี้ เรียบร้อยจริงหรือเปล่าเนี่ย?”
“ทำไม ถึงผมจะเฉิ่มจะเรียบร้อยแต่มีความมั่นใจในตัวเองไม่ได้เหรอ”
“ได้! ฉันชอบคนแบบนี้ล่ะ น่าจะเอาแม่ฉันอยู่”
เขายิ้มมุมปากอีกแล้ว แววตาคู่นั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก ถึงจะหล่อมากก็เถอะแต่ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี หลังจากตีฝีปากกันสักพักเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียดงานที่ต้องทำให้ฟัง ผมได้แต่นั่งทำหน้าเหวอ มองตาค้าง เมื่อได้ฟังสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญในทุก ๆ วันในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา
ฟังจบแล้วได้แต่ตะโกนร้องในใจว่า ‘กูจะทนได้นานแค่ไหนวะเนี่ยยยย!!!’
บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล
บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข
บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ
บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&
บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย
บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว
บทที่ 24กลับมา เมื่อรู้ว่ามีกองทัพนักข่าวบุกเข้ามาถึงถิ่นผมก็เกิดความกังวลใจ ใครก็รู้ว่านักข่าวน่ากลัวกว่าฝูงซอมบี้เสียอีก พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวไปขาย คนทั้งประเทศกำลังจับตามองคุณนาธาน ต่างก็ส่งเสียงสาปแช่งเพราะไปทำให้นางเอกขวัญใจของพวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีหรือที่ผมจะรอดไปได้ อยู่ที่น่านก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย มาที่นี่ก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีก ไม่มีทางเลือกอื่นให้สบายใจบ้างเลย “เราจะทำยังไงดีครับคุณแม่” “ไม่ต้องทำอะไร ยังไงก็เข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะสั่งเพิ่มกำลังคนให้เข้มงวดมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับคุณแม่” “เธอเองก็พักผ่อนเถอะ จะได้มีแรงเล
บทที่ 23บุกรุกบ้าน ภาพข่าวถูกปิดด้วยฝีมือของคุณนายวิมล ผมยังคงอึ้งกับภาพที่เห็น คิดไปต่าง ๆ นานาว่าหลังจากนี้จะไปต่ออย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้เรื่องมันกระจ่างแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเพราะความรักเหมือนก่อนหน้า แต่คลิปที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเชื่อใจเขาเต็มร้อยเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก เรื่องที่คาราคาซังระหว่างผมกับเขาอาจจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ปัญหาจากการหักหน้าซอนย่าในงานแต่งกำลังจะถาโถมเข้ามา เขาประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้นักข่าวจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมกับเขาเป็นแน่ “รู้ความจริงแล้วเธอคิดยังไงบ้าง” คุณนายวิมลถาม “ผม...ยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังค้า
บทที่ 22สิ้นคำสาป จังหวะที่ผมนั่งลงบนพื้นป้าสร้อยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ตามมาติด ๆ เขาสวมหมวกแก็ป สวมแมส ใส่แว่นกันแดด จึงไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูท่าทางเป็นห่วงผมมาก “รีบพาขึ้นรถเร็วค่ะ ป้าจะเข้าไปเรียกคุณนายก่อน” ป้าสร้อยเอ่ยกับคนขับรถ จากนั้นเขาก็อุ้มผมขึ้นไปบนรถตู้ ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่สักคำ ผมนอนร้องโอดโอยอยู่บนเบาะรถ ส่วนคนขับก็รีบมานั่งประจำที่ สตาร์ทเครื่องรอทุกคน “โอ้ย ทำไมปวดอย่างนี้นะ จะทนไม่ไหวแล้ว” “ไอ้บิว! แกเป็นยังไงบ้าง” “ผมปวดท้องอ่ะแ
Comments