Beranda / LGBTQ+ / มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg) / บทที่ 3 ไม่มีทางเลือก

Share

บทที่ 3 ไม่มีทางเลือก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-12 14:47:34

บทที่ 3

ไม่มีทางเลือก

            เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก

            “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว

            “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้”

            กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ

            เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งตอนนี้อายุเกือบห้าสิบแล้ว แถมยังเป็นแม่นมของคุณนาธานด้วย จึงมีอภิสิทธิ์ในบ้านมากกว่าแม่บ้านคนอื่น ๆ และที่สำคัญได้รับความไว้วางใจจากคุณนายวิมลมาก ผมตีซี้ป้าแหวนจนเริ่มรู้จักนิสัยใจคอ ท่านเป็นคนใจดีมาก พูดจาสุภาพและมีความรู้เรื่องการทำอาหารและงานฝีมือมากอีกด้วย

            “ปกติแล้วคุณแม่จะลงมาทานข้าวเช้ากี่โมงครับป้าแหวน”

            “ปกติก็เจ็ดโมงครึ่งถึงสองโมงเช้าค่ะ มีคุณบิวมาอยู่ด้วยก็ดีท่านจะได้ไม่ต้องทานข้าวคนเดียว”

            “อ้าว! ปกติคุณนาธานไม่กลับมาบ้านบ้างเลยเหรอครับ”

            “นานทีค่ะ คุณหนูงานยุ่งหากไปกลับคงไม่ได้พักผ่อนกันพอดี ถามอย่างนี้เหมือนคุณบิวไม่ค่อยได้อยู่กับคุณหนูเลยนะคะ”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับป้า พอดีว่าเราไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่”

            “ออค่ะ ถ้าอย่างนั้นป้าเข้าไปในครัวก่อนนะคะ คุณบิวนั่งรอคุณนายไปก่อน”

            “ได้ครับป้า”

            ผมนั่งรอคุณนายวิมลอยู่สักพัก ไม่นานท่านก็เดินลงมาในชุดสุภาพเรียบร้อย ท่านเป็นสตรีที่นิยมผ้าไทยมาก ชุดเป็นผ้าไหมทั้งหมด แต่การออกแบบคือสวยงามดูดีมีมูลค่ามากเลยทีเดียว เมื่อเห็นท่านผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้

            “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่”

            “นั่งลงเถอะ เธอรอนานหรือยังล่ะ”

            “ไม่นานครับ เพิ่งช่วยป้าแหวนเตรียมโต๊ะสำรับเสร็จเมื่อสักครู่”

            ท่านมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพินิจพิจารณา “ชุดสวยดีนะ เหมาะกับเธอดี รู้ใช่ไหมว่าฉันชอบสะใภ้ที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เก่งงานบ้านงานเรือน ดูแลสามีและลูกได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”

                แหนะ! ยังเพ้อเรื่องลูกไม่หยุด สงสัยว่าท่านคงมีอาการทางประสาทแน่ ๆ

            “ทราบครับคุณแม่ คุณนาธานบอกผมหมดทุกอย่างแล้ว”

            “แปลกจริง เป็นผัวเมียกันแล้วแต่ยังเรียกคุณนาธานมันไม่ดูห่างเหินไปหน่อยเหรอ”

            “เอ่อ...ผมเคยเรียกอย่างนี้เลยติดปากครับคุณแม่” ผมยิ้มแหย ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองเผยพิรุธออกมา ไม่รู้ว่าท่านจะเอะใจหรือไม่

            “ไม่เอา ต่อไปนี้เรียกว่าพี่นาธาน มันจะได้ดูสนิทสนมคุ้นเคยกัน วันนี้ทานข้าวเช้าแล้วไปกรองมาลัยกับฉันในสวน อยากจะดูว่าฝีมือเธอเหมาะจะเป็นสะใภ้ฉันไหม”

            กรองมาลัย...ใช้คำโบราณเสียจริง แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เรื่องนี้ผมรับรองว่าท่านจะต้องอึ้งแน่ เพราะอะไรน่ะเหรอ เห็นอย่างนี้ผมเคยได้แชมป์ร้อยมาลัยระดับเขตสมัยเรียนมัธยมปลายมาแล้วน่ะสิ หวานหมูแน่นอนงานนี้

            “ครับคุณแม่ ผมเคยมีประสบการณ์มาบ้าง”

            “ดีเลย ฉันเองก็อยากจะเห็นฝีมือเธอเหมือนกัน ทานข้าวกันเถอะ”

            ผมยิ้มให้ท่านแต่กลับได้รับความเฉยเมยมา รอยยิ้มเจื่อนลงทันที นั่งรับประทานอาหารตัวเกร็ง พยายามหาเรื่องมีสาระสนทนากับคุณนายวิมล แต่ดูเหมือนท่านเอาแต่ถามถึงเรื่องราวของผมกับคุณนาธานตลอดเวลา

            รับประทานอาหารเช้าแล้วเราก็ออกมาที่ศาลาทรงไทยในสวน ข้างศาลาคือสระบัวขนาดใหญ่ เห็นแล้วก็หวนให้นึกถึงละครพีเรียดสมัยก่อนที่คู่พระนางมักจะพายเรือไปเก็บดอกบัวเกี้ยวพาราสีกันอย่างหวานชื่น แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ผมนั่งพับเพียบอยู่ข้างป้าแหวน ตรงข้ามนั้นก็คือคุณนายวิมล ท่านให้สาวใช้เตรียมทุกอย่างมาไว้พร้อมแล้ว ดอกไม้นานาชนิด เข็มร้อยมาลัย เชือก กรรไกร และอื่น ๆ วางอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

            “ลองโชว์ฝีมือให้ดูสักพวงสิ”

            “ได้เลยครับ”

            ผมเริ่มลงมือหลังจากนั้น เมื่อได้ทำสิ่งที่ถนัดก็ทำได้โดยไม่มีสะดุด มีความสุข มีรอยยิ้ม เป็นตัวของตัวเอง นอกจากคุณนายวิมลและป้าแหวนแล้ว ยังมีสาวใช้อีกสองสามคนที่นั่งดูด้วย โดยที่ผมไม่ได้รู้สึกกดดันเลยสักนิด ประมาณยี่สิบนาทีก็ได้มาลัยหนึ่งพวง แม้ไม่ได้พวงใหญ่มากแต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดทุกดอกไม่ให้มีข้อบกพร่องเลย

            “นี่ครับคุณแม่”

            ท่านรับไปแล้วก็พลิกไปมาเพื่อยลโฉมมันอย่างละเมียดละไม ดูจากสีหน้าไม่อาจคาดเดาได้ว่าท่านพอใจหรือไม่ ดูจนเสร็จแล้วก็ส่งต่อให้ป้าแหวนช่วยดูอีกแรง ผมนั่งลุ้นเสียยิ่งกว่าอะไร

            “เป็นยังไงบ้างครับ”

            “ฝีมือพอใช้ได้ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ถ้าฝึกบ่อย ๆ คงจะโอเคขึ้นกว่านี้”

            “ผมสัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นแน่นอนครับ จะฝึกทุกวันเพื่อให้คุณแม่นำไปใส่บาตรตอนเช้าดีไหมครับ”

            “ก็ดี”

            “อิฉันว่าสวยเลยทีเดียว ฝีมือดี ละเมียดละไม เก่งกว่านังพวกนี้ตั้งหลายขุมเชียวค่ะคุณนาย” ป้าแหวนเอ่ยชมยกใหญ่ ทำเอาคุณนายกระแอมไอเพื่อเตือนไม่ให้ชมจนเกินไป เห็นอย่างนั้นผมก็แอบอมยิ้มน้อย ๆ และได้รู้ว่าท่านเป็นคนปากแข็ง อยากจะชมแต่ไม่กล้าชมตรง ๆ

            “ขอบคุณครับป้าแหวน ผมจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นนะครับ”

            “แค่นี้ก็สวยมากแล้ว ถ้าฝึกมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะสวยขนาดไหนแล้วค่ะ”

            “แหวนพูดมากจังเลยนะวันนี้” คุณนายวิมลชำเลืองมองแม่บ้านคนโปรดเหมือนไม่พอใจ ป้าแหวนจึงต้องก้มหน้าลงเพื่อเอาใจเจ้านาย

            “คุณแม่อย่าเอ็ดป้าแหวนเลยนะครับ ท่านเป็นคนตรง ๆ คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น เหมือนคุณแม่ยังไงละครับ”

            “เธอเองก็พูดมากกว่าที่คิดเอาไว้ งั้นเย็นนี้จะให้เธอโชว์เสน่ห์ปลายจวัก เข้าครัวทำกับข้าวคนเดียว คนอื่นให้ช่วยแค่เตรียมวัตถุดิบเท่านั้น เข้าใจไหม”

            “คนเดียวเหรอครับ!”

            “ก็ใช่น่ะสิ หรือทำไม่ไหว?”

            “ไหวครับ ผมพอทำกับข้าวได้อยู่บ้าง ว่าแต่คุณแม่อยากทานเมนูไหนเป็นพิเศษไหมครับผมจะทำให้”

            “เมนูไหนก็ได้ที่คิดว่าฉันกินแล้วไม่ตาย”

            “ได้เลยครับคุณแม่”

            “คุณบิวไหวแน่นะคะคนเดียว” ป้าแหวนถามพร้อมด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงไม่น้อย

            “ไหวแน่นอนครับป้าแหวน”

            “ถ้าไม่ถูกปากฉันล่ะก็...เก็บข้าวของกลับบ้านเธอไปเลย ฉันไม่ต้องการสะใภ้ไม่ได้เรื่อง”

            “ผมจะทำให้คุณแม่ยอมรับให้ได้เลยครับ”

            ผมสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ส่งยิ้มให้ทุกคนเพื่อให้อุ่นใจว่าผมทำได้แน่นอน ดูเหมือนว่าทุกคนจะเชื่อว่าผมทำได้ จะเว้นก็แต่คุณนายวิมลคนเดียวตามเคย

            .

            .

                ช่วงเย็นผมรีบเข้าครัวเพื่อไม่ให้เสียเวลา เมนูวันนี้จะทำอาหารพื้น ๆ ที่เคยทำกินเมื่อตอนอยู่บ้าน คาดว่ารสชาติคงจะถูกปากท่านแน่นอน เพราะผมฝึกทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เรียนชั้นประถม นั่นเพราะแม่เอาแต่เข้าบ่อนไม่มีเวลาได้อยู่บ้านสักเท่าไหร่ โชคดีที่ได้ยายข้างบ้านซึ่งเคยทำงานในรั้วในวังมาก่อนช่วยสอนให้

            “ป้าแหวนครับขอผักกระเฉดหน่อย”

            “ได้ค่ะคุณบิว”

            “พี่ออยโขลกกระเทียมเสร็จหรือยังครับ”

            “เสร็จแล้วค่ะคุณบิว”

            “ขอบคุณครับ”

            ภายในครัวตอนนี้เปรียบเหมือนสมรภูมิรบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมดไม่ต่างจากกำลังแข่งขันทำอาหารในรายการดังอะไรเทือกนั้น หัวผมฟูไปหมด หน้ามันเลื่อมเพราะอยู่แต่หน้าเตา เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ไม่เคยท้อเพื่อเอาใจคุณนายวิมล

            ในที่สุดทุกเมนูก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมนูวันนี้ได้แก่ แป๊ะซะปลาช่อนรสชาติกลมกล่อม น้ำพริกกะปิสูตรผีบอกกับผักลวกนานาชนิด จัดใส่จานไว้อย่างสวยงาม ผัดผักบุ้งจีน กุ้งทอดกระเทียมสูตรพิเศษ ส่วนของหวานก็เป็นบวชแตงไทยง่าย ๆ อร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัย

            ทุกคนช่วยกันนำอาหารมาจัดสำรับไว้บนโต๊ะทานข้าว เสร็จเรียบร้อยดีแล้วผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนมายืนรออยู่ข้างโต๊ะเพื่อรอคุณนายวิมล ไม่นานท่านก็เดินตรงมา ผมยิ้มให้แล้วช่วยขยับเก้าอี้ เอาใจขนาดนี้หวังว่าจะมีคะแนนพิศวาสบ้างล่ะ

            “เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

            “ครับคุณแม่”

            ท่านกวาดสายตามองไปทั้งโต๊ะก่อนเงยขึ้นมองหน้าผม “ไม่นั่งทานด้วยกันเหรอ”

            “ผมขอแนะนำเมนูให้คุณแม่ก่อนได้ไหมครับ”

            “เอาสิ”

            “ผมเลือกเมนูพื้น ๆ เพราะอยากให้คุณแม่ได้ชิมฝีมือรสชาติบ้าน ๆ บ้าง แต่รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารแน่นอนครับ เมนูวันนี้มีผัดผักบุ้งไฟแดง น้ำพริกกะปิกับผักลวก กุ้งทอดกระเทียมสูตรพิเศษ แล้วก็แป๊ะซะปลาช่อนผักกระเฉด ผมออกไปรับซื้อปลาช่อนจากชาวบ้านที่เพิ่งหาได้จากในคลองธรรมชาติเลยนะครับ เชิญลองทานดูครับคุณแม่”

            เมื่อผมสาธยายจนจบแล้วท่านก็ลองชิมแต่ละเมนู สีหน้ามิอาจบ่งบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว ผมได้แต่นั่งลุ้นว่าท่านจะชอบหรือไม่ ภาวนาขออย่าให้มีอะไรผิดพลาดเลย

            “น้ำพริกกะปิใส่กุ้งหวานด้วยเหรอ”

            “ใช่ครับคุณแม่ กุ้งหวานทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น เวลาเคี้ยวมีเนื้อของกุ้งด้วย เพิ่มอรรถรสในการรับประทานด้วยครับ”

            ท่านพยักหน้าแล้วหันไปสนใจชามแป๊ะซะปลาช่อนต่อ “ปลาช่อนทอดได้กรอบกำลังพอดี น้ำซุปก็รสชาติกลมกล่อม ผักกระเฉดไม่สุกจนเกินไปถือว่าดี”

            คำชมแรกของวันนี้ทำให้ผมยิ้มได้ ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะเอ่ยปากชมโดยไม่ได้แสดงสีหน้าเรียบเฉยเหมือนก่อนแล้ว

            “ขอบคุณครับคุณแม่”

            “เธอเองก็ทานเถอะ จะได้คุยกันไปด้วย”

            “ขอบคุณครับคุณแม่”

            ผมเริ่มลงมือรับประทานอาหารไปพร้อมกับท่าน บทสนทนาส่วนมากจะเกี่ยวกับอาหารทั้งสิ้น ถามเคล็ดลับว่าทำอย่างไรถึงได้รสชาตินี้ ไปเรียนมาจากไหน ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนทำอาหารถูกปากท่านสักเท่าไหร่นอกจากป้าแหวน

            “ว่าแต่ตอนนี้ที่บ้านเธอเป็นยังไงบ้าง”

            “คะ...คุณแม่หมายถึงที่บ้านผมเหรอครับ”

            “ก็ใช่น่ะสิจะบ้านใคร เธอเป็นสะใภ้ฉันแล้ว ฉันก็ต้องรู้เกี่ยวกับภูมิหลังเธอทุกเรื่อง”

            “เอ่อ...ที่บ้านผมมีแม่กับน้องชายอยู่กันสองคนแล้วก็แมวหนึ่งตัว น้องชายกำลังเรียนชั้นมอสี่ ส่วนแม่รับจ้างทั่วไปครับ”

            “แน่ใจนะว่ารับจ้างทั่วไป”

            “แน่ใจสิครับคุณแม่” คำถามของท่านทำให้ผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาทันที ถามราวกับว่ารู้จักแม่ผมเสียอย่างนั้น

            “เมนูวันนี้อร่อยทุกอย่าง เธอทำกับข้าวเก่ง กรองมาลัยก็สวย กิริยามารยาทก็เรียบร้อยถูกใจฉันดี เสียอย่างเดียวเป็นแค่เด็กที่ถูกจ้างมาตบตาเท่านั้น”

            ได้ยินอย่างนั้นช้อนที่อยู่ในมือก็ร่วงลงบนจานจนเกิดเสียง ผมเบิกตาด้วยความตกใจ มือไม้สั่นไปหมด ทำไมท่านถึงรู้เร็วนักทั้งที่ผมไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกมาเลย ตอนนี้ใจเริ่มสั่นด้วยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง

            “คือผมไม่ได้ถูกจ้างมานะครับคุณแม่”

            “เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงฉันจะแก่แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้จักนิสัยของลูกชายตัวเอง ฉันกับนาธานมีเรื่องไม่เข้าใจกันก่อนหน้านี้เธอรู้เรื่องไหม”

            “ไม่ทราบครับ” ผมตอบเสียงอ่อยแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะนั่ง เหนื่อยจากการทำอาหารมาแล้วยังมาเหนื่อยเพราะเรื่องนี้อีก อยากจะบ้าตายจริง ๆ เลย

            “เธอไม่รู้เพราะเพิ่งจะมาเจอกับนาธานเมื่อไม่นาน แม่เธอติดการพนัน ติดหนี้ลูกชายฉัน นาธานเลยจ้างเธอมาเป็นเมียกำมะลอ เพื่อแลกหนี้ที่แม่เธอก่อไว้ ตัดรำคาญที่ฉันมักจะสั่งให้หาสะใภ้ที่เป็นผู้ชายเท่านั้น”

“เอ่อ...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“ว่ามาสิ”

“ทำไมต้องเป็นสะใภ้ผู้ชายด้วยครับ คุณนาธานเล่าให้ฟังว่าคุณแม่เป็นสาววาย ชอบอ่านนิยายวาย และชอบดูซีรีส์วายมาก เป็นเพราะแบบนั้นใช่ไหมครับ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะดวงชะตาของนาธานต่างหาก”

“ดวงชะตางั้นเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ” ยิ่งพูดยิ่งงงกับตรรกะความคิดของท่าน นอกจากจะเป็นสาววายตัวยงแล้วยังเชื่อเรื่องดวงมากอีกด้วย หากผมเป็นคุณนาธานคงจะเหนื่อยมากแน่ ๆ

“ฉันตรวจดวงชะตาของนาธานแล้วพบว่าต้องมีเมียเป็นผู้ชายเท่านั้นถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ หากวันใดที่มีลูกมีเมียกับผู้หญิงวันนั้นจะต้องพบกับเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ในชีวิตถึงขั้นตาย”

“ผมว่า...บางทีเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรเชื่อมากนะครับคุณแม่”

“แล้วฉันจะทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งที่ฉันพูดมันคือเรื่องจริงทั้งหมด แต่ฉันคงไม่ปล่อยให้ถึงวันที่ตานาธานมีลูกกับผู้หญิงคนไหนหรอก คนที่จะเป็นแม่ของหลานฉันคือเธอคนเดียวเท่านั้น”

“ผมเหรอครับ! ไม่จริงมั้งครับคุณแม่” ผมยิ้มแหยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใครจะเชื่อกันล่ะครับ เรื่องแบบนี้เคยมีในโลกซะที่ไหน

            “แล้วเธอจะได้พิสูจน์มันด้วยตัวเอง” รอยยิ้มมุมปากและสีหน้าอันมั่นอกมั่นใจทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ถึงจะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้แต่บรรยากาศมันทำให้รู้สึกแปลก ๆ

            “ในเมื่อคุณท่านรู้เรื่องแล้วทำไมถึงยังให้ผมอยู่ที่นี่ต่อครับ”

            “ไม่ต้องเรียกฉันคุณท่านหรอกให้เรียกคุณแม่เหมือนเดิม เพราะละครเรื่องนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้ฉันรู้จักเธอมากขึ้น และคิดว่าเธอน่าจะไว้ใจได้”

                “หากคุณนาธานรู้เรื่องนี้เข้าผมตายแน่ ๆ เลยครับ ฮือ ๆ คุณแม่อย่าทำให้ผมอึดอัดใจไปมากกว่านี้เลยนะครับ คุณแม่ช่วยบอกกับคุณนาธานให้ปล่อยผมไปได้ไหมครับ”

            ผมรีบลงจากเก้าอี้ เดินเข่าไปกราบแทบเท้าคุณนายวิมลเพื่อขอความเห็นใจ เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าท่านยังคงแสดงความเฉยเมยไม่ได้รู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด ผมยิ่งรู้สึกใจแป้วเข้าไปใหญ่ จะมีโอกาสได้ออกจากบ้านหลังนี้ได้อย่างไร

            “ในเมื่อลูกชายสุดที่รักของฉันมันเล่นสกปรก มาตบตาคนแก่อย่างฉันถึงขนาดนี้ ฉันก็จะเอาคืนให้สาสม ให้มันรู้ไปว่าลูกชายจะเก่งกว่าแม่ เธอและครอบครัวจะปลอดภัย ฉันไม่ให้ตานาธานทำอะไรพวกเธอแน่ แต่เธอต้องมาอยู่ข้างฉัน ทำงานให้ฉันจนกว่าจะเสร็จ”

            “จริง ๆ นะครับ”

            “ฉันไม่เคยผิดคำพูดกับใคร” กล่าวแล้วท่านก็เอียงหน้าไปมองกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนัง เป็นรูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อน ดูจากในภาพน่าจะเป็นช่วงที่คุณนาธานเรียนอยู่ชั้นประถม “นาธานไม่มีทางได้แต่งงานกับแม่นางเอกนั่นเด็ดขาด ฉันไม่ชอบขี้หน้าผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เพราะฉะนั้นฉันจะเล่นละครตบตาเช่นเดียวกัน ส่งเธอไปทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้”

            “ผะ...ผมเหรอครับ ไม่มีทางหรอกครับคุณนาย คุณนาธานรักแฟนเขาจะตาย ไม่มีทางที่ผมจะทำให้เขาเลิกกันแน่ อีกอย่างเขาไม่ได้ชอบผู้ชายจะมาพิศวาสผมได้ยังไง”

            “ถ้าเธอไม่ยอมทำฉันจะไม่ให้เธอได้ออกจากบ้านหลังนี้ตลอดชีวิต แต่ถ้าเธอยอมทำฉันจะส่งเงินให้แม่กับน้องเธอใช้ทุกเดือน ส่งเสียน้องเธอให้เรียนจนจบเท่าที่อยากจะเรียน เธอเองก็จะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีอยู่มีกินสบาย ๆ ไปตลอดชีวิต”

            ข้อเสนอนี้ทำให้ผมฉุกคิดไปครู่หนึ่ง เอ๊ะ! ทำไมข้อเสนอดีอย่างนี้นะ มีแต่ได้กับได้

            “แล้วถ้าคุณนาธานรู้เรื่องละครับ”

            “เธอก็อย่าทำให้รู้เรื่อง เล่นละครต่อไป เรียกฉันคุณแม่เหมือนเดิมไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ทำหน้าที่เมียตานาธานเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือต้องฟาดฟันกับแม่นางเอกนั่นบ่อยขึ้น”

            “ตกลงครับ ผมจะทำ”

            “ดีมาก หวังว่าฉันจะดูคนไม่ผิด หากทำสำเร็จฉันมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้แน่นอน”

            “ขอบพระคุณครับคุณท่าน”

            ได้ยินอย่างนั้นท่านก็ส่งสายตาดุมาให้ผม

            “ขอบพระคุณครับคุณแม่”

                “เย็นนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว ขึ้นไปหาฉันที่ห้องพระด้วย”

            “ครับคุณแม่”

            ในที่สุดสถานการณ์อันคับขันก็ผ่านไปได้ด้วยดี สรุปว่าผมต้องกลายมาเป็นหมากให้สองแม่ลูกตอบโต้กันไปมาอย่างนั้นหรือ ค่าตัวมันจะคุ้มค่าเหนื่อยของผมไหมนะ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องสู้เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

            เมื่อถึงเวลานัดหมายผมก็ออกมาจากห้องในสภาพชุดนอน ประแป้งจนขาวโพลนไปทั้งใบหน้า เดินตรงไปยังห้องพระตามคำสั่งของคุณนายวิมล เมื่อเปิดประตูเข้าไปผมก็ต้องตกใจจนสะดุ้ง เมื่อในนั้นไม่ใช่ห้องพระธรรมดาหากแต่เหมือนห้องทำคุณไสยของหมอผีในละครอะไรเทือกนั้น นอกจากโต๊ะหมู่บูชาแล้วยังมีของโบราณอีกมากมาย หัวกะโหลกของทั้งคนและสัตว์ มีเพียงแสงเทียนไขที่ให้ความสว่าง บรรยากาศวังเวงน่ากลัว คุณนายวิมลและป้าแหวนมาในชุดแม่ชีสีขาว เห็นแล้วผมต้องถอยหลังทีละก้าวอย่างช้า ๆ ด้วยความกลัว

            “เอ่อ...ขอโทษครับ ตอนนี้คุณแม่กับป้าแหวนคงจะมีธุระกันอยู่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

            “หยุด! เข้ามานั่งตรงนี้”

            “ตรงนี้เลยเหรอครับ”

            ทำยิ้มแหย ตาก็มองไปยังพื้นที่ซึ่งท่านกำลังชี้มา มันคือตรงกลางวงที่มีสายสิญจน์ล้อมรอบเอาไว้ ตัวผมสั่นไปหมด คิดในใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ บ้านนี้นับวันยิ่งน่ากลัว เคยเห็นในข่าวว่ามีคนนับถือลัทธิประหลาดอย่าบอกนะว่าคุณนายวิมลและป้าแหวนจะเป็นอย่างนั้นด้วย

            คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างตัวน้อย ๆ ด้วยเถิด!

                ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากวิบากกรรมครั้งนี้ด้วยเถิด!

                สาธุ๊!!!!!!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 30 อวสาน

    บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 29 กระต่ายน้อย

    บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 28 ไม่บ่นสักคำ

    บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 27 ห้ามใจอ่อนกับใครอีก

    บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 26 เมียข้าใครอย่าแตะ

    บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย

  • มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg)   บทที่ 25 ข่าวร้าย

    บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status