นาวาอากาศเอกอาจหาญผู้เป็นพ่อ และสามีของราตรียืนมองภรรยากับบุตรสาวเดินห่างไปจนลับสายตาแล้วจึงหันกลับมามองสบตากับหนุ่มรุ่นน้องพร้อมเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกกับยายรุ้งถึงได้กลับมาในสภาพนี้”
“เราไปคุยกันในห้องกระจกดีกว่าครับ” เขาบุ้ยใบ้ไปที่ห้องขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนักซึ่งถูกกั้นไว้สำหรับต้อนรับแขก
ผู้พันวัยสี่สิบเศษพยักหน้าแล้วเดินนำไปในทิศทางที่กั้นเป็นห้องไว้ในบริเวณใต้ถุนบ้าน นำเข้าไปแล้วจัดการเปิดไฟจนสว่างไปทั้งห้อง เมื่อนายทหารรุ่นน้องเดินตามเข้ามาและปิดประตูเรียบร้อยเขาจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่รู้
“ทีนี้บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น นายกับยายรุ้งถึงกลับมาในสภาพเปียกปอนอย่างนี้”
“ผมบังเอิญผ่านไปเห็นรุ้งยืนอยู่ริมแม่น้ำ ใกล้กองบินเรานี่แหละครับ ท่าทางรุ้งดูเลื่อนลอยแปลก ๆ แล้วอยู่ ๆ เธอก็เดินลงไป ทำเหมือนจะปล่อยให้ตัวเองจมหายไปในน้ำอย่างนั้นล่ะครับ”
“เป็นไปไม่ได้...อยู่ดี ๆ ยายรุ้งจะเดินลงไปในแม่ทำไม” ผู้เป็นพ่อถามเสียงตระหนกและไม่เข้าใจนัก
เขามองตานายทหารรุ่นพี่ด้วยสายตาเคร่งเครียด “ตอนนั้นผมคิดได้อย่างเดียว รุ้งกำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย”
“ฆ่าตัวตาย! พูดเป็นเล่น ยายรุ้งจะฆ่าตัวตายทำไม พี่ไม่เห็นว่าลูกสาวพี่จะมีปัญหาทุกข์ใจอะไรจนถึงขนาดจะต้องฆ่าตัวตาย” อาจหาญเอ่ยเสียงเครียด
“รุ้งท้องครับพี่หาญ” เขาตอบเสียงหนัก
คำตอบของรุ่นน้องทำให้อาจหาญตกตะลึง ร่างกำยำผลุนผลันลุกขึ้นยืนพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดัง เอ่ยอย่างมีโทสะ “อะไรนะ! นายบอกว่าลูกสาวของฉันท้อง! มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อยายรุ้งไม่เคยมีใคร...หรือว่า”
“ผมไม่มีวันจะทำเรื่องระยำแบบนั้นกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นล่ะครับพี่”
ผู้เป็นพ่อกัดฟันกรอดแล้วถอนใจยาวระบายความเครียดที่สุ่มแน่นอก “แล้วมันเป็นใคร นายรู้หรือเปล่า ยายรุ้งได้บอกนายไหม”
“รุ้งเองก็ไม่รู้จักครับว่ามันเป็นใคร คนที่น่าจะรู้ดีที่สุดก็คือนกยูง ลูกสาวจ่าทิวครับพี่หาญ”
“ลูกสาวไอ้ทิวมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
รุ่งขึ้นข่าวพราวรุ้ง บุตรีนาวาอากาศเอกอาจหาญ เมฆาพยับเตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับเรืออากาศเอกธมกร พลเทพ กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั้งกองบินเมื่อราตรี มารดาพราวรุ้ง ว่าที่เจ้าสาวคนสวยของผู้กองหนุ่มหล่อขวัญใจสาวทั้งกองบินเดินออกจากร้านเสริมสวยของนางมยุรา หรือพี่ติ๋ม ฉายาฆ้องปากแตกประจำกองบิน
“อะไรนะแม่!” มยุเรศลุกขึ้นยืนเร็วจนเก้าอี้ครูดพื้นเกิดเสียงดังเพราะความตกใจแล้วร้องถามมารดาเสียงสูง “ผู้กองธามนะเหรอ จะแต่งงานกับนังพราวรุ้งลูกผู้พันหาญ เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมัน...” หล่อนกัดริมฝีปากตัวเอง ระงับประโยคที่ดังอยู่ในใจไว้ได้ทัน
‘เสียตัวให้กับนายหัวเพลิงไปแล้ว มันจะแต่งงานกับผู้กองธามได้ยังไง! ’
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้วะนังนกยูง”
นางมยุราที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ ในปากเพิ่งหมดคำ เอ่ยพลางตวัดตาผ่านใบหน้าบุตรสาวอย่างหมั่นไส้ก่อนเอ่ยต่อ
“ใคร ๆ เขาก็รู้ทั้งนั้นว่าผู้กองธามเทียวไปเทียวมาบ้านผู้พันหาญ ไม่ใช่แค่สนิทกับผู้พัน แต่แอบสนใจลูกสาวผู้พันอยู่ มีแต่เอ็งนั่นแหละที่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าเขาจะหันมามองลูกสาวจ่าจน ๆ อย่างเอ็ง”
“ก็นังรุ้งมัน...” มยุเรศรุ่มร้อนใจเหมือนถูกไฟสุม แต่ก็ไม่สามารถจะปริปากบอกอะไรกับใครได้ว่าพราวรุ้งนั้นมีมลทินไม่คู่ควรกับผู้กองหนุ่ม
อดนึกถึงผู้ชายที่เธอขายพราวรุ้งให้อย่างเพลิงเพชร เปลวสุริยันขึ้นมาไม่ได้ ถือว่าเธอยังให้ความปรานีพราวรุ้งอยู่มากที่ขายมารหัวใจอย่างพราวรุ้งให้กับนายหัวทมิฬอย่างเพลิงเพชร เพราะถึงจะขึ้นชื่อว่าเลือดเย็น จนได้ฉายานายหัวทมิฬ แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ของอาณาจักรP.S.Y.Sungroup
P.S.Y.Sungroup ถือเป็นบริษัทฯใหญ่ที่แยกย่อยออกเป็น 5 บริษัทฯ ในเครือ เริ่มจากพี.เอส.วาย.ปิโตรเลี่ยมที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการค้าปลีกส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเรือขนส่งบรรทุกน้ำมัน และท่าเทียบเรือเป็นของตนเองภายใต้ชื่อบริษัทพี.เอส.วาย.ปิโตรเลี่ยม แอนด์ เทอมินอลจำกัด ส่วนบริษัทพี.เอส.วาย.ทาวเวอร์พร็อบเพอร์ตี้จำกัด ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอาคารสำนักงานให้เช่าหลายแห่งที่กระจายอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ ต่อด้วยอีกหนึ่งบริษัทฯในเครือพี.เอส.วาย.ซันกรุป อย่างบริษัท พี.เอส.วาย.ปาล์ม ที่เริ่มจากธุรกิจสวนปาล์มไปจนถึงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มกับโรงงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพและโรงไฟฟ้าชีวมวลชน ท้ายสุดเป็นธุรกิจเหมืองแร่ในนามพี.เอส.วาย.ยิปซั่มเทรดดิ้ง(ไทยแลนด์)จำกัด
“หนูรุ้งทำไม...จะพูดอะไรก็พูดออกมาสิวะ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ได้ เอ็งนี่มันขี้อิจฉา ไม่รู้จะอะไรกับเขานักทั้งที่เอ็งกับเขาก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ จะไปผิดใจกันเพราะผู้ชายที่ไม่ได้สนใจในตัวเอ็งสักนิดทำไมวะนังนกยูง” คนเป็นแม่ถามอย่างอิดหนาระอาใจ
“แม่น่ะไม่รู้อะไร...ถ้านังรุ้งมันไม่ให้ท่าเขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันสนใจเขาอยู่ก่อน ฉันก็มีสิทธิ์จะชนะใจเขาได้เหมือนกันแหละในเมื่อฉันด้อยกว่ามันแค่ฉันเป็นลูกสาวจ่าจน ๆ แต่มันเป็นลูกสาวผู้พันเท่านั้นเองแหละแม่”
“ถุย!” คนเป็นแม่ถ่มน้ำประชดประโยคที่ลูกเอ่ยพร้อมกับแบะปากใส่และเอ่ยอย่างไม่เข้าข้างลูกสาวด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ “ไม่ใช่แค่กำพรืดเอ็งกับเขาต่างกันเท่านั้นหรอกนังนกยูงเอ๊ย สมอง หน้าตาหรือแม้กระทั่งสันดานของเอ็งมันก็เทียบกับหนูรุ้งเขาไม่ได้หรอกโว้ย เจียมตัวไว้ซะบ้างเถอะเอ็ง”
“ไอ้สมอง หน้าตาและก็สันดานฉันมันก็ถ่ายทอดมาจากพันธุกรรมของแม่นั่นแหละ” คนเป็นลูกเถียงพลางปรายตาเหมือนจะค้อนมารดา
“เอ๊ะอีนี่ ลามปามเป็นขี้กลากเลยมึง” เมื่อโมโหสรรพนามของมยุเรศก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมึงเป็นอีไปตามอารมณ์ฉุนเฉียวของผู้เป็นแม่
“โอ๊ย! ฉันไม่คุยกับแม่แล้ว” มยุเรศเอ่ยแล้วเดินสะบัดออกจากบ้านไปอย่างหงุดหงิด
“อ้าว ๆๆ อีนกยูง กินเสร็จก็จะสะบัดตูดทิ้งไปง่าย ๆ อย่างนี้เหรอมึง กลับมาล้างจานให้กูก่อนสิวะ” คนเป็นแม่ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกไล่หลังไป