ตอนที่ 1 ฉันอยากให้พี่แต่งงานกับฉัน
หน้าตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองมีหญิงสาวหน้าตาสวยชนิดที่ใครได้เห็นเป็นต้องหันมอง ถึงแม้ผิวของเธอจะขาวเหมือนคนไม่เคยโดนแสงแดด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหากลับยิ่งทำให้เธอคนนั้นดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้นบวกกับรูปร่างเพรียวบางแต่สมส่วนประหนึ่งผลงานแก้วชิ้นเอก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังเงยหน้ามองไปบนตึกสูงระฟ้านั่นอยู่
“ไปกัน” หญิงสาวพูดกับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ เบาๆ ก่อนจะก้าวขาเดินนำเข้าไปภายในตึกสูง
บนชั้นที่ห้าสิบเก้าของตึกสูงเป็นห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ผู้ที่ดูแลธุระกิจทุกอย่างในเครือของตะกูลฮั้ว โดยมีฮั้วอี้ฟานหนุ่มหล่อวัยสามสิบที่นั่งทำงานอยู่ เขาคือคนที่ได้รับฉายาว่าซาตานไร้หัวใจ เพราะเขามักแสดงท่าทีเย็นชาบวกกับเป็นคนปากร้าย ขัดกับหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าดารา กับความสูงที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้า แถมยังมีหุ่นที่ทำให้สาวๆ หลงใหลอยากลูบคลำซิกแพคแน่นจากการออกกำลังกาย
“นายครับ” เสียงของอาคังบอดี้การ์ดคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งผู้ช่วยดังขึ้น ทำให้คนที่ก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่ต้องหยุดอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นนมอง ดวงตาคมมองไปที่คนสนิทที่ขัดจังหวะการอ่านเอกสารอย่างหงุดหงิด
“มีอะไร” อี้ฟานพูดด้วยนำเสียงหงุดหงิด
“คุณหนูใหญ่ตระกูลจางมาขอเข้าพบครับ” อาคังบอกถึงสาเหตุที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะการทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“คุณหนูใหญ่ตระกูลจางเหรอ…จางถิงถิง” อี้ฟานทวนชื่อที่อาคังรายงานอีกครั้งด้วยความสงสัย เธออยากพบเขางั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าอี้ฟานไม่รู้จักคนที่อยากพบเขา เขารู้จักเธอเพราะเธอเป็นหลานสาวคนสำคัญของผู้ใหญ่ที่เขานับถือ แต่เขากับเธอไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากพอให้มีเรื่องที่ต้องพบหรือพูดคุยกัน แล้วเธอมาหาเค้าทำไมอี้ฟานคิดอย่างสงสัย
“ครับ นายจะไปพบเธอหรือเปล่าครับ” อาคังถามย้ำ
“ให้เธอไปรอที่ห้องรับรอง อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไป” อี้ฟานบอก ถึงแม้เขาจะอยากรู้สาเหตุที่เธอมาพบเขาแต่ในเมื่อเธอไม่ได้นัดเขาล่วงหน้า ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องรีบไปพบเธอ ให้รอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
หลังจากที่อาคังเดินออกไปเพื่อถ่ายทอดคำสั่งของเขา อี้ฟานก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่หลังโต๊ะทำงานก่อนจะทอดสายตามองวิวของตัวเมืองที่อยู่ข้างล่างจากวิวของตึกสูง ชั้นที่เขาอยู่คือชั้นที่ห้าสิบเก้าทำให้เขาสามารถมองเห็นเมืองได้แทบทั้งเมือง
“จางถิงถิง” เขาพึมพำชื่อของหญิงสาวที่ขอเข้าพบเขาเบาๆ
ทางด้านจางถิงถิงหลังจากที่อาคังถ่ายทอดคำพูดของคนที่เธอต้องการเข้าพบเสร็จเขาก็พาเธอมานั่งรอที่ห้องรับรอง
“คุณหนูเรากลับดีไหมคะ นี่มันเกือบสองชั่วโมงแล้วนะคะ ทำไมประธานฮั้วถึงยังไม่มาสักที ไม่ใช่ว่าโกหกให้เรารอหรอกเหรอคะ” เสียวปิงสาวใช้คนสนิทที่รับหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้ช่วยถามขึ้น หลังจากที่อาคังแจ้งให้เธอกับคุณหนูของเธอมานั่งรอในห้องรับรอง เขาก็ปล่อยให้เธอกับคุณหนูของเธอรอเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกให้รอแค่ครึ่งชั่วโมง ถ้าจะไม่พบก็บอกว่าไม่พบสิให้รอแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ
“ไม่ ฉันจะไม่กลับจนกว่าจะได้พบเขา” ถิงถิงพูดด้วยเสียงหนักแน่นเธอตัดสินใจแล้ว และเธอต้องพบเขาให้ได้
“แต่ว่าร่างกายของคุณหนู...” ยังไม่ทันที่เสียวปิงจะพูดจบ ประตูห้องที่ทั้งสองอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยอาคัง ก่อนที่จะมีผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง จะเดินเข้ามา
อี้ฟานเดินมานั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายที่ฝั่งตรงข้ามของถิงถิงโดยที่ไม่พูดอะไร ไม่มีแม้แต่การขอโทษสักคำกับการที่เขาปล่อยให้เธอรอนานขนาดนี้ แต่เธอเองก็ไม่ได้หวังให้เขาพูดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“พี่จำฉันได้หรือเปล่าคะ” ถิงถิงเองก็ไม่มีการทักทายหรือการกล่าวอะไรตามมารยาทก่อนการสนทนา แต่กลับยิงคำถามใส่เขาทันที ในเมื่อเขาไม่อยากมีมารยาทกับเธอก่อนเธอก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับเขาเหมือนกัน
การกระทำของถิงถิงทำให้อี้ฟางเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า สงสัยข่าวลือของเธอที่เขาเคยได้ยินผ่านหูมาคงจะเป็นเรื่องจริงสินะ
จางถิงถิงหรือคุณหนูใหญ่ตระกูลจางหลานสาวสุดรักสุดหวงเสมือนไข่ในหินของผู้เฒ่าจาง ข่าวว่าผู้เฒ่าจางรักและตามใจหลานสาวคนนี้มาก ถึงขนาดแทบจะไม่ให้เธอออกไปไหนเพราะร่างกายของหญิงสาวไม่ค่อยแข็งแรง แต่เขาคิดว่าเธอก็แค่เสแสร้งเพราะคนตรงหน้าเขาก็ดูแข็งแรงดีไม่ได้มีอาการเหมือนคนป่วยใกล้ตายที่ต้องอยู่แต่บ้านเลยสักนิด แล้วคนป่วยที่ไหนจะมีแรงสร้างวีรกรรมความร้ายกาจขนาดที่หลุดออกมาให้คนนอกได้รู้ ทั้งใช้กำลัง ด่าทอ จนต้องเปลี่ยนสาวใช้ส่วนตัวบ่อยๆ นี้ยังไม่รวมถึงความเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามที่เขาได้ยินมาอีกนะ
“ฉันจำเป็นที่ต้องจำหน้าคนที่เคยพบกันครั้งเดียวเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ด้วยเหรอ” อี้ฟานตอบ ก่อนจะสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียด เขาจำภาพของหญิงสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นหญิงสาวตรงหน้าจึงไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“แต่อย่างน้อยก็ยังจำได้สินะคะว่าเราเคยเจอกัน แต่ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องสิบสองปีค่ะ สิบสองปีที่เราไม่ได้เจอกัน” ถิงถิงบอก เมื่อสิบสองปีก่อนเธอเคยมีโอกาสเจอเขาในงานวันเกิดของคุณปู่ ตอนนั้นเธออายุแค่สิบขวบส่วนเขาสิบแปด แหละหลังจากการเจอกันครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยเจอกับเขาตัวเป็นๆ เลยสักครั้งนอกจากตามสือ เพราะเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาแล้วจนตอนนี้เขารับตำแหน่งใหญ่ในบริษัทของที่ตระกูลเขาก็ตาม ส่วนเธอก็ไม่เคยออกไปไหนจึงไม่มีเหตุผลอะไรให้เธอกับเขาต้องเจอกัน ครั้งนี่จึงถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบสิบสองปีของเธอกับเขา
“แล้วยังไง จะสิบปีหรือสิบสองปี มันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอมาหาฉัน” อี้ฟานถาม
อี้ฟานแอบสังเกตหญิงสาวตรงหน้าแต่ก็เดาสีหน้าเธอไม่ออก เขาปล่อยให้เธอรอตั้งสองชั่วโมงแต่เธอก็ยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย เขานึกว่าเธอจะโวยวายหรืออาละวาดที่เขาปล่อยให้เธอรอเสียอีก นี่มันผิดคาดกับสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาเลยนี่ ไหนคนเขาลือกันว่าเธอเป็นคนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ถ้ามีใครขัดใจเธอจะอาละวาดทันที แต่คนตรงหน้าเขาไม่เห็นจะเป็นแบบนั้น หรือเธอแค่กำลังแสดงละครใส่เขาอยู่กันแน่
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ” ถิงถิงตอบอย่างขอไปทีเหมือนกัน
“ถ้างั้นก็เลิกสนใจเรื่องนั้นแล้วรีบคุยธุระของเธอมาฉันไม่ได้มีเวลามานั่งฟังเธอรำลึกความหลังหรอกนะ” อี้ฟานพูดจบก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
“ฉันอยากให้พี่แต่งงานกับฉัน” ถิงถิงพูดออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
อี้ฟานเกือบจะสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม เมื่อกี้ยัยเด็กนั่นบอกอยากให้เขาแต่งานด้วยงั้นเหรอ ประสาทหรือไง
“ฉันไม่มีเวลามาพูดเล่นเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะ ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรก็กลับไปซะ” อี้ฟานพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไป แต่เสียงของถิงถิงก็รั้งเขาไว้ก่อน
“ฉันพูดจริง ฉันอยากให้พี่แต่งานกับฉัน” ถิงถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
อี้ฟานเดินกลับมาหาเธอที่ยืนอยู่ที่โซฟาก่อนจะถามเสียงต่ำ ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี เขาอุตส่าห์เจียดเวลาอันมีค่าของเขามาคุยด้วย แต่กับต้องมาได้ยินเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้
“แล้วทำไมฉันต้องแต่งงานกับเธอ” เขามองหญิงสาวที่ยืนจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ยัยเด็กนี้ตัวเล็กแค่อกเขาเองแถมยังผอมบางขนาดนี้ถ้าเขาจับตัวเธอกระดูกเธอจะหักคามือเขาไหมอี้ฟานคิด
“เพราะฉันอยากให้พี่แต่ง” ถิงถิงตอบด้วยใบหน้าเชิดๆ ของเธอ
“แล้วเธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ยัยเด็กนี่กล้าดียังไงมาพูดจากับเขาแบบนี้ นี่เขายังเห็นแก่หน้าของผู้เฒ่าจางหรอกนะ ถึงยังยืนคุยกับเธออยู่แบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดจาไร้สาระแบบนี้เขาให้คนโยนออกไปตั้งแต่พูดคำแรกแล้ว ไม่เสียเวลายืนคุยด้วยแบบนี้หรอก
“ฉันไม่มีสิทธิ์ แต่ฉันมีข้อเสนอ” พูดจบถิงถิงก็นั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทีที่มั่นใจว่าเขาต้องฟังข้อเสนอของเธอแน่ๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด อี้ฟานเดินกลับไปนั่งที่นั่งเดิมที่เขาเคยนั่ง เพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าเด็กนี่มีข้อเสนออะไรถึงได้มั่นใจว่าเขาจะต้องแต่งงานกับเธอ
“ข้อเสนออะไร” อี้ฟานถาม พร้อมกับคิดวิธีจัดการกับหญิงสาวหากข้อเสนอที่เธอว่าไม่ดีพอเพราะมันทำให้เขาเสียเวลา
ถิงถิงส่งยิ้มหวานให้อี้ฟานอย่างพอใจ อย่างน้อยเขาก็ดูสนใจที่เธอบอกว่ามีข้อเสนอ ตอนแรกเธอนึกว่าต้องใช้เวลานานกว่านี้ในการเกลี้ยกล่อมให้เขาฟังเธอ
“ฉันได้ข่าวมาว่าพี่อยากจะพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยที่เขตนอกเมืองทางใต้ แต่พวกรรมการบริษัทของพี่ไม่เห็นด้วยใช่มั้ยเพราะคิดว่าการลงทุนของพี่ครั้งนี้จะต้องขาดทุนมากกว่าได้กำไร” ถิงถิงพูดออกไปอย่างมั่นใจ
“แล้วยังไง” อี้ฟานมองถิงถิงอย่างพิจารณาตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะพูดเรื่องที่ไร้สาระกว่านี้เสียอีก แต่อยู่ๆ เธอก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแสดงว่าเธอเองคงสืบเรื่องเขามาพอตัว เพราะโครงการที่เธอพูดถึงยังเป็นความลับอยู่ ดูท่าแล้วเด็กนี่ก็พอใช้ได้เหมือนกัน
“ไม่ยังไง ฉันแค่จะบอกว่าฉันช่วยพี่ได้”
“หึ” อี้ฟานหัวเราะในลำคอกับคำพูดของถิงถิง “เด็กอย่างเธอที่อยากมีผัวจนตัวสั่นจนต้องมาขอให้ฉันเป็นผัวนี่นะ จะช่วยฉันได้ตลกล่ะ” อี้ฟาดพูดอย่างที่คิด แค่จะมีผัวยังต้องมาขอให้เขาเป็นให้แล้วเธอจะมีปัญญาที่ไหนมาแก้ปัญหาให้เขาได้
“พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันคือใคร” ถิงถิงไม่สนใจคำดูถูกของอี้ฟาน แต่เธอกลับแสดงให้เขาเห็นว่าเธอช่วยเขาได้จริงๆ “ฉันคือจางถิงถิงคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วฉันไม่ได้ ถึงฉันกับพี่เราจะไม่ได้เจอกันตั้งสิบสองปี แต่พี่ก็น่าจะได้ยินเรื่องของฉันมาไม่มากก็น้อยใช่ไหม ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนก็เถอะ” ถูกต้องเขาได้ยินเรื่องของเธอมาจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยากได้ยินก็ตาม แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะสามารถช่วยเขาได้ตรงไหน
“แล้วยังไงฉันได้ยินเรื่องของเธอมาก็จริง แต่เธอจะช่วยฉันยังไงไปบีบน้ำตาร้องไห้โวยวายแล้วอ้างเรื่องป่วยเพื่อบีบบังคับพวกกรรมการให้เห็นด้วยงั้นเหรอ อย่ามาตลกคนพวกนั้นไม่ใช่คนตระกูลจางของเธอ”
“ก็จริงอย่างที่พี่พูด ฉันไปบังคับพวกกรรมการบริษัทพี่ไม่ได้ก็จริง แต่ฉันใช้ชื่อของฉันหนุนหลังพี่ได้นี่ พี่ลองคิดดูนะถ้าโครงการของพี่ได้ฉันช่วยลงทุนมีเหรอว่าพวกตาแก่กรรมการพวกนั้นจะกล้าไม่เห็นด้วย พี่อย่าลืมสิฉันแซ่จางนะ”
อี้ฟานมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก เดิมทีเขามองเรื่องนี้เป็นแค่การเล่นสนุกของคุณหนูเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาอยากรู้จริงๆ ว่ายัยเด็กนี่ต้องการอะไรถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับเขา เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลจางมีอิทธิพลและยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการให้ตระกูลจางร่วมลงทุนด้วย เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จและกำไรมหาศาลที่จะตามมา แต่การลงทุกกับตระกูลจางก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แล้วยิ่งเป็นการลงทุนกับคุณหนูคนสวยนี่อีก เขาไม่เห็นเคยได้ยินว่าเธอสนใจเรื่องพวกนี้
“เธอต้องการอะไรกันแน่” อี้ฟานถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ต้องการพี่ไง สนใจมาเป็นสามีของฉันมั้ย”