検索
本棚
ホーム / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คุณหนูอัปลักษณ์กับการเข้าวังครั้งแรก (2)

คุณหนูอัปลักษณ์กับการเข้าวังครั้งแรก (2)

2025-06-24 17:13:04

“แม่ทัพจ้าว ฮูหยิน” 

“หลิวกงกง ช่วยกราบทูลเสด็จพี่ให้ที ว่าข้าพาบุตรสาวมาขอเข้าเฝ้า” 

หลิวกงกงรับคำ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในตำหนัก แล้วเดินยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ทัพ ฮูหยิน ฮ่องเต้...” 

“ไม่ว่างสินะ เห็นหรือไม่เล่า ข้าก็บอกเจ้าแล้วน้องหญิง วันหนึ่งฮ่องเต้ทรงมีภารกิจมากมายจะตาย เราอย่าไปรบกวนพระองค์เลยนะ กลับเถอะๆ” 

หลิวกงกงพลันอ้าปากค้าง นี่มันเรื่องอันใดกัน เขากำลังจะบอกว่า ฮ่องเต้ตรัสว่าให้เข้าไปได้แท้ๆ แล้วเหตุใดท่านแม่ทัพจึงไม่ยอมฟังเขา แถมยังชวนฮูหยินกลับเสียนี่

เฟยเซียนนั้นเกิดอาการไม่เข้าใจขึ้นมาทันที โดยปกติแล้วเข้าวังมาทีไร พี่ชายมักจะยินดีและดีใจเป็นที่สุด แม้ว่าจะทรงยุ่งกับราชกิจเพียงใดก็เข้าเฝ้าได้ตลอด แล้วเหตุใดครั้งนี้นางพาบุตรีมาจึงทรงไม่ให้เข้าเฝ้ากัน

จ้าวหมิงหลงนั้นถือโอกาสตีเนียนคว้าจับมือขาวผ่องของภรรยาที่ยังงงอยู่พาหันหลังกลับทันที ในใจก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่สามารถหาเหตุพาลูกเมียกลับได้

‘ขืนให้เจอก็แย่น่ะสิ ลูกชายมันมีมากมาย เกิดเจ้านั่นคิดจับคู่ให้ฮวาเอ๋อร์ของข้าเล่า’ 

ยังไม่ทันจะมีผู้ใดเอ่ยคำ สุรเสียงทุ้มกังวานก็ดังขึ้นเบื้องหลังทุกคน ด้วยวาจาและสำเนียงคล้ายเสียดสีประโยคเมื่อครู่ของแม่ทัพ

“ข้าเองก็เพิ่งจะรู้นะว่าตัวข้างานยุ่งขนาดนั้นเลยเชียว” 

ร่างบางของฮูหยินแม่ทัพมองตามสุรเสียงทุ้ม นางยิ้มแย้มยินดีเมื่อเห็นร่างสง่าในชุดสีทอง ก่อนจะทำความเคารพแช่มช้อย

“เสด็จพี่ ถวายพระพรเพคะ” 

เจ้าของพระวรกายสูงสง่าก้าวมาจับไหล่น้องสาว พยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับตรัสสุรเสียงทุ้มกังวานก้อง

“ไม่ต้องมากพิธีไป แค่เจ้ามาพี่ก็ดีใจแล้ว ฮ่าๆๆ” 

จ้าวหมิงหลงมองภาพพี่น้องรักใคร่พลางเบ้ปากกลอกตามองบนเล็กน้อย ค่อนคอดพระวรกายสูงอยู่ในใจไร้เสียง

‘เฮอะ! เจ้าพี่หลงน้องเอ้ย!’ 

ผู้เป็นโอรสสวรรค์มองเห็นท่าทางสีหน้าของแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชา พระองค์พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่

‘เฮอะ น้ำหน้าอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้ากัน ไอ้พ่อเห่อลูกเอ้ย!’ 

จ้าวเฟยเซียนมองเห็นประกายตาที่พี่ชายกับสามีฟาดฟันกัน นางรีบดันร่างเล็กของบุตรสาวออกมาดึงความสนใจทันที

“เอ่อ... ฮวาเอ๋อร์ ถวายพระพรเสด็จลุงสิลูก” 

“เหมยฮวา ถวายพระพรเสด็จลุงเพคะ ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี” เด็กหญิงกล่าวน้ำเสียงสดใส ร่างเล็กย่อกายทำความเคารพอย่างงดงามอ่อนช้อย ดุจเดียวกับที่มารดาเคยสอนไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

อวี้หลางก้มลงสบดวงตากลมโตที่เป็นประกายแวววาว ในพระทัยให้นึกเอ็นดูหลานสาวคนนี้นัก พระหัตถ์แกร่งคว้าไหล่เล็กๆ ยกขึ้น ตรัสสุรเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู “มาๆ ให้เสด็จลุงดูหน้าเจ้าหน่อย ฮ่าๆๆ หลานรัก” 

“ขอพระราชทานอภัยเพคะเสด็จลุง ใบหน้าของฮวาเอ๋อร์...” เสียงหลานสาวบอกพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย

ผู้เป็นลุงทอดพระเนตรหลานสาวก้มหน้าไม่ยอมเงยก็นึกสงสาร พานนึกด่าพระองค์เอง ที่เอ่ยสิ่งใดไม่คิดก่อนจนทำให้หลานสาวรู้สึกแย่

“เอาเถิดๆ ลุงขอโทษ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อเป็นการชดเชย ลุงจะให้ของขวัญรับขวัญเจ้า อยากได้สิ่งใดลุงจะให้ดีไหมเล่า” 

จ้าวเหมยฮวาซ่อนยิ้มในสีหน้าพลางปั้นหน้ายิ้มยินดี

“ของขวัญอะไรหรือเพคะเสด็จลุง” ริมฝีปากแดงจิ้มลิ้มเอ่ยคำถาม น้ำเสียงใสที่เปล่งออกมาดุจจะฉอเลาะผู้เป็นลุง ทำให้อวี้หลางมองแล้วยิ่งนึกเอ็นดูเป็นทวีคูณ

‘มิน่าเล่า ไอ้สหายบ้าเห่อถึงได้หวงนักหวงหนา’ 

“นั่นสิของขวัญอะไรดีนะ อือ... เอาเป็นว่าลุงจะพระราชทานงานหมั้นให้เจ้ากับเจ้าสามของลุงดีหรือไม่” 

สุรเสียงทุ้มเอ่ยด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้ม ทว่าต้องสะดุ้งพระวรกายโหยง เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากร่างแม่ทัพคู่พระทัย

‘อวี้หลาง ข้าจะสังหารเจ้าทิ้งเสีย หลังจากนั้นค่อยพาลูกกับเมียข้าไปอยู่แคว้นอื่น’ 

จ้าวหมิงหลงหรี่ตามองในใจครุ่นคิด ร่างกำยำยิ่งขับปราณกดดันใส่คนตรงหน้าด้วยแรงโทสะ

“เสด็จลุงล้อหลานเล่นเสียแล้ว หลานยังเด็กไม่คิดเรื่องแบบนั้นหรอกเพคะ” เด็กหญิงรีบกล่าววาจาออกตัว เมื่อเห็นบิดาทำท่าจะบีบคออีกฝ่าย ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่อยากให้บิดาได้ชื่อว่าเป็นกบฏ

ฝ่ายอวี้หลางอยากจะแย้งเสียเหลือเกิน ว่าตนนั้นหาได้ตรัสเล่นๆ ไม่ แต่พอทอดพระเนตรเห็นสายตาฆ่าคนของแม่ทัพจึงไม่เอ่ยต่อ ใช่ว่าพระองค์จะกลัวอีกฝ่ายหรอกนะ ก็แค่ไม่อยากให้น้องสาวสุดที่รักต้องมากังวลเท่านั้นแหละ

“แล้วฮวาเอ๋อร์ของลุงอยากได้สิ่งใดล่ะ” ฮ่องเต้ตรัสพลางลูบศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างเอ็นดู

“หลานเป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อย หากหลานจะขอเว้นไม่ทำความเคารพตามธรรมเนียมจะได้ไหมเพคะเสด็จลุง” 

เด็กหญิงเอ่ยขอ ดูเผินๆ หลายคนอาจคิดว่านางขออะไรดูแล้วไร้ประโยชน์ยิ่งนัก แต่สำหรับคนอย่างนาง ที่ไม่ชอบให้ใครมารังแก การงดเว้นธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้จะทำให้ผู้ที่อยู่สูงกว่าไม่อาจกดขี่นางได้

“ได้สิ ลุงยอมยกเว้นให้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพใคร แม้แต่ตัวลุงเองก็ตาม ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะทำ” 

“ขอบพระทัยเพคะ” เสียงใสตอบรับอย่างน่าเอ็นดู จนพระวรกายสง่าอดจะกอดรัดร่างเล็กนั้นไม่ได้ โดยทรงทำเป็นไม่สนพระทัยท่าทีหวงบุตรสาวของสหายรัก ที่ยามนี้ยืนถลึงตาจนดวงตาแดงก่ำแล้ว

‘หน็อย! ไอ้ฮ่องเต้บ้านี่ กล้าดียังไงถึงมากอดลูกสาวเขา ลูกตัวเองไม่มีให้กอดแล้วหรือ’ 

ทว่าด้วยความเกรงกลัวภรรยา จ้าวหมิงหลงจึงได้แต่คิดมิกล้าเอ่ยวาจาออกไป

“ดีจริงที่พวกเจ้ามา พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี ไปๆ เข้าไปคุยกันข้างในตำหนักดีกว่า” 

กล่าวจบผู้เป็นโอรสสวรรค์ก็รีบอุ้มร่างน้อยๆ ของหลานสาวเข้าสู่ด้านในตำหนัก โดยมีเฟยเซียนเดินตามพระเชษฐาไปติดๆ พร้อมด้วยแม่ทัพไร้พ่ายที่ก้าวเท้าวิ่งตาม จนแซงหน้าฮูหยินตนเองไปอย่างรวดเร็ว

“อวี้หลาง ใครใช้ให้เจ้ามาอุ้มลูกสาวข้า หน็อย… ลูกเจ้าก็มีไปอุ้มเอาสิ” 

เสียงโวยวายดังขึ้นด้านในตำหนัก ก่อนจะมีเสียงหัวเราะบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ดีของฮ่องเต้ดังโต้ตอบขึ้น

“ก็ข้าอยากอุ้มว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของข้านี่นา ฮ่าๆๆ” 

“ฝันไปเถอะ ใครบอกว่าข้าจะยอมยกลูกสาวข้าให้ลูกเจ้ากัน” 

“ทำไม เจ้ากล้าขัดคำสั่ง? ข้าเป็นฮ่องเต้นะ” 

“ทำไมข้าจะไม่กล้า? คอยดูสิ เจ้ากล้าสั่งข้าก็กล้าขัด” แม่ทัพหนุ่มโต้ตอบเสียงดังลั่นไม่แพ้กัน

“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า แล้วกล้าขัดคำสั่งเซียนเอ๋อร์ด้วยหรือไม่เล่า” อวี้หลางตรัสพลางหลี่พระเนตรให้อีกฝ่าย มุมพระโอษฐ์ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย กล้าเอาเซียนเอ๋อร์มาขู่ข้า” 

“ทำไมเล่า ทีตอนข้ายังยอมยกน้องสาวทั้งคนให้เจ้าได้เลย แล้วทำไมวันนี้เจ้าจะยกลูกสาวให้เป็นชายาลูกชายข้าบ้างไม่ได้” 

“อวี้หลาง มันต่างกันนะ เจ้าคนชั่วช้า จะเอามาปนกันได้อย่างไร น้องหญิง เจ้าก็พูดอะไรบ้างสิ เจ้ายอมให้เป็นแบบนั้นได้หรือ” 

เมื่อเห็นว่ายิ่งเถียงกับอีกฝ่ายเท่าใด ก็ยิ่งไม่สามารถสู้เหตุผลของอีกคนได้ แม่ทัพไร้พ่ายจึงหันมาฟ้องฮูหยินตนเอง

จ้าวเฟยเซียนนั่งฟังทั้งคู่ถกเถียงกันมาสักพักหนึ่งแล้วก็นึกระอาใจอย่างบอกไม่ถูก นางได้แต่โคลงศีรษะพลางบ่นด้วยน้ำเสียงเนื่อยๆ

“พวกท่านนี่น้า จะผ่านไปกี่ปีก็ยังไม่ยอมโตกันเสียที”

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
ロックされたチャプター
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む