“เฮอะ ทำเป็นปากดีไปเถอะ ยังไงเธอก็ขายตัวให้เขาอยู่ดีไม่ใช่หรือยังไง” เจิ้งซินอี๋ถึงจะกลัวไป๋เหลียนที่เปลี่ยนไปตรงหน้า แต่เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวหาไป๋เหลียน
“ใครบอกเธอว่าฉันขายตัวให้เขา ฉันกับเขาแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วต่างหากล่ะ ถ้าเธอยังใส่ร้ายฉันอีกล่ะก็ ฉันจะให้สามีเรียกคนมาจัดการเธอกับพวกให้เข็ดเลย อยากลองสักหน่อยไหมล่ะ” ไป๋เหลียนกวาดตามองหญิงสาวทั้งสามด้วยสายตาดุร้าย
เจิ้งซินอี๋ หลิวซือซือกับหวางลี่นาที่ไม่เคยเห็นไป๋เหลียนดุร้ายขนาดนี้มาก่อนได้แต่ขนลุกขนชัน พวกเธอไม่รู้ว่าไป๋เหลียนพูดจริงหรือเปล่า ถ้าสามีไป๋เหลียนพาคนมาจัดการพวกเธอเข้าจริง ๆ ทั้งสามคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง
“ฮึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะนังคนจน อย่าให้พวกเรามีหลักฐานนะว่าเธอขายตัว ไม่อย่างนั้นเราจะร้องเรียนไปที่มหาวิทยาลัยว่าเธอทำตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักศึกษาที่นี่ พวกเรารีบไปจองที่นั่งกันเถอะ ฉันเหม็นกลิ่นคนจน”
เจิ้งซินอี๋รีบเดินไปหาที่นั่งห่างจาก
สองเดือนผ่านไปรถและโรงรถที่ตีนเขาตระกูลหม่าถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนก่อน หม่าว่านหลงพอรู้ว่าภรรยาซื้อรถด้วยเงินมากถึง 50 ล้านหยวนก็ได้แต่บ่นมาทั้งเดือน ถ้าหม่าหยูเม่ยไม่ดุเอา เขาก็ไม่หยุดบ่นเสียที ทำอย่างไรได้ก็หม่าว่านหลงไม่เคยใช้เงินมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิตนี่นาหม่าเฉียงเจ๋อที่ซื้อรถสปอร์ตราคา 20 ล้านหยวนไม่ได้คิดมากเหมือนพ่อของเขาเลย เงินนี่เขาเก็บหอมรอมริบมานานแล้ว พอเจอรถที่อยากได้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้เพื่อซื้อมาเป็นของตนเอง แถมยังสั่งให้ลูกน้องดูแลรถของเขาให้ดีอีกด้วย ทุกวันเวลาไปทำงานที่หน่วยทหาร หม่าเฉียงเจ๋อก็จะขับรถสปอร์ตของตัวเองไปทุกครั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนเขาต้องใช้วิชาตัวเบาไปพร้อมกับคนคุ้มกันมาตลอดหลายปีตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง แต่ตอนนี้เขาสามารถเดินทางไปด้วยตัวคนเดียวได้เสียที ส่วนคนคุ้มกันที่มีตำแหน่งในหน่วยเดียวกัน พวกเขาก็ใช้รถของตระกูลหม่าขับตามคุณชายใหญ่ไปเพื่อคุ้มกันเช่นเดิมหวังเหลียนที่เรียนอย่างต่อเนื่องมาจนกระทั่งถ
“คุณป้าอย่าเพิ่งกังวลมากไปเลยนะครับ ตระกูลโบราณของพวกเราจะปกป้องทุกคนในโลกภายนอกให้ดีที่สุด” หม่าว่านหลงปลอบหวังซูหุย“พ่อตาครับ เรื่องนี้ผมคิดว่าทางท่านผู้นำน่าจะมีมาตรการรับมือสำหรับตระกูลใหญ่ที่นี่อยู่นะครับ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะประสานกับทุกตระกูลให้ระวังตัวมากขึ้น และจะส่งคนของเราไปช่วยดูแลคนสำคัญของพวกเขาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเหมือนครั้งนี้อีก ทุกคนคิดว่ายังไงครับ” หวังจุนเหยาช่วยหาทางออกคนทั้งห้าต่างช่วยกันหาวิธีคุ้มครองทุกคนไม่ให้ถูกตระกูลจ้าวหลงที่หนีไปได้ในครั้งนี้มาทำร้ายอีก พวกเขาได้ข้อสรุปว่าจะส่งคนไปคุ้มกันคนสำคัญเพิ่มเติมตามที่หวังจุนเหยาเสนอ อีกทั้งคนของตระกูลหวังและตระกูลหม่าที่มาในครั้งนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย หม่าว่านหลงจึงให้คนของหวังจุนเหยาพาพวกเขาที่ถูกแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละห้าคนเพื่อไปคุ้มกันคนสำคัญของสามตระกูลใหญ่ที่เหลือหม่าเฉียงเจ๋อมาถึงตระกูลหวังก่อนเวลาอาหารเย็นเล็กน้อย กว่าเขาจะจัดการศัตรูทั้งหมดเรียบร้อยตามขั้นตอนก็กินเวล
หวังซูหุยหลังจากพูดคุยกับสามตระกูลเสร็จโดยใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง พอเห็นว่าทุกคนยังไม่ออกมาจากห้องอาหารที่ตอนนี้ถึงเวลาเที่ยงแล้ว เธอจึงให้แม่บ้านนำจานชามไปให้เธอนั่งกินอาหารเที่ยงร่วมกับทุกคน“คุณย่ามาแล้วเหรอคะ วันนี้อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูตักให้นะคะ” หวังเหลียนยิ้มหวานให้คุณย่าพร้อมกับตักอาหารใส่จานให้ท่านอย่างเคยชิน ตอนนี้เธอเริ่มใกล้จะอิ่มแล้วจึงมีเวลาดูแลคนอื่น ๆ รอบข้างบ้าง“ขอบใจมากนะลูก หนูกินเยอะ ๆ นะ หลานย่าจะได้แข็งแรง” หวังซูหุยตักน้ำแกงส่งให้หวังเหลียน ซึ่งแม่บ้านเพิ่งนำมาเพิ่มให้หลังจากถ้วยเก่าทุกคนทานเกือบหมดแล้วหม่าว่านหลงกับหม่าหยูเม่ยเองก็ยังคงนั่งกินอาหารนิด ๆ หน่อย ๆ ตามมารยาท ตอนนี้พวกเขาอิ่มแล้ว เพียงแต่อยากอยู่คุยกับทุกคนจึงไม่ได้ลุกออกไปในทันที ยิ่งเห็นว่าย่าของลูกเขยมาร่วมทานด้วย พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าลุกออกไป“คุณย่าครับ อีกสามตระกูลต้องการให้เราทำอะไรเพื่อตอบโต้ตระกูลจ้าวหลงหรือเปล่าครับ?&rdq
หวังเหลียนพยักหน้ายิ้มรับความหวังดีของพี่ชายแต่โดยดี เธอง่วงมากและยังเหนื่อยจากการใช้พลังปราณเกินตัวในวันนี้ทั้งที่ยังท้องอยู่ โชคดีที่ลูกชายของเธอแข็งแรง ทำให้เธอกับลูกไม่ได้รับผลกระทบมากนักนอกจากเหนื่อยอ่อนณ ตระกูลจ้าวหลงหลังจากไม่ได้รับข่าวสารจากคนของตนเองที่จับตัวประกันเอาไว้เป็นเวลามากกว่าสองชั่วโมง จ้าวหลงเซียงก็สั่งทุกคนในตระกูลที่เหลืออยู่ให้เร่งเก็บข้าวของมีค่าเพื่อหลบหนีออกจากประเทศทางชายแดนที่เขาติดต่อฝ่ายศัตรูของประเทศเอาไว้ ตระกูลจ้าวหลงที่รับหน้าที่เฝ้าชายแดนฝั่งตะวันตกมีความสัมพันธ์กับศัตรูในประเทศ M มานานแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้มีน้อยคนในตระกูลที่จะทราบเรื่องทุกคนเก็บเฉพาะสิ่งของมีค่าติดตัวไปด้วยเท่านั้น ในเมื่อนี่คือการหลบหนีครั้งแรกที่ตระกูลจ้าวหลงต้องเผชิญในรอบหลายร้อยปี พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะชักช้า ด้วยรู้ดีว่าตระกูลโบราณของพวกเขาฝีมืออ่อนด้อยกว่าตระกูลโบราณอื่น อีกทั้งยังรู้ดีว่าท่านผู้นำคงไม่ปล่อยตระกูลของพวกเขาไปง่าย ๆ เพราะพวกเขาดันไปล่วงเก
หวังเหลียนเดินกลับมายังพื้นที่ที่ทุกคนนั่งกินข้าวอยู่ เธอรายงานตำแหน่งของคนจากตระกูลจ้าวหลงที่อยู่ห่างจากตรงนี้อย่างละเอียดให้ทุกคนฟังด้วยเสียงจากพลังปราณเพื่อให้พวกเขาได้ยินพร้อม ๆ กัน10 นาทีหลังจากนั้น ทุกคนต่างกินอาหารเรียบร้อยแล้ว หวังเหลียนสั่งการแทนพี่ชายให้คนในตระกูลหม่าแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ 5 คน เพื่อความปลอดภัย เธอไม่มั่นใจว่าหากปล่อยให้รับมือกับอาวุธหนักคนเดียวพวกเขาจะปลอดภัยหรือไม่หม่าเฉียงเจ๋อปล่อยให้น้องสาวเป็นคนจัดกำลัง เขามีพลังปราณน้อยกว่าเธอ จึงไม่อยากขัดแผนการช่วยเหลือที่น้องสาววางเอาไว้หวังเหลียนจัดกำลังคนและสั่งการเสร็จ เธอก็เรียกพี่ชายให้ติดตามไปด้วยเพื่อช่วยตัวประกันพร้อมกับบอดี้การ์ดของตระกูลหวังและตระกูลหม่าของตนเองทันที ระหว่างการใช้วิชาตัวเบาไปยังโกดังด้านบน หวังเหลียนไม่สนใจศัตรูตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอใช้ปราณกระบี่จัดการก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเสียอีก ทำให้ไม่มีใครที่ติดตามเธอได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนเลยแม้แต่คนเดียวด้วยความสา
“ถ้าพี่ใหญ่บอกอย่างนั้น ฉันก็รบกวนคุณช่วยพี่ใหญ่หน่อยนะคะ สามี”“เด็กโง่ ผมต้องช่วยพี่ชายคุณอย่างแน่นอนสิครับ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง” หวังจุนเหยาลูบหัวหวังเหลียนเพื่อปลอบโยน“อาเหลียนอย่ากังวลไปเลยนะ ย่าคิดว่าพี่ชายของหลานน่าจะมีฝีมืออยู่บ้าง”“เรื่องนั้นหนูไม่แน่ใจนักนะคะ ถ้าตระกูลจ้าวหลงมีอาวุธหนักจริง ๆ เกราะปราณของพวกพี่ชายน่าจะใช้ไม่ได้ คนบาดเจ็บล้มตายอาจจะมีไม่น้อยเลยนะคะคุณย่า”“จริงเหรอลูก แล้วแบบนี้เราจะช่วยพวกเขายังไงดีล่ะ” หวังซูหุยเริ่มกังวล“คุณย่าครับ ผมยังมีเสื้อเกราะกันกระสุนอยู่อีกมาก ถ้าได้พิกัดแล้วผมจะให้คนส่งไปพร้อมกับอาวุธหนักให้พี่ชายเองครับ”“เรื่องนี้ฉันฝากคุณด้วยนะสามี ฉันขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ฉันอยากไปช่วยพี่ใหญ่ค่ะ อย่างน้อยฉันก็มีพลังปราณมากกว่าพวก