หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ หวังจุนเหยานำภาพอัลตร้าซาวด์ที่ถ่ายเก็บเอาไว้ในกรอบรูปมาให้คนตระกูลหม่าดู พอหม่าว่านหลงเห็นรูปหลานชายก็ได้แต่น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวที่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงดูต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะมีวันนี้ได้ หม่าหยูเม่ยเองก็ได้แต่เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อย่างปลาบปลื้มที่เธอกำลังจะมีหลาน ส่วนหม่าเฉียงเจ๋อได้แต่แอบมองว่าหลานชายตัวน้อยของเขาเป็นอย่างไร
การพูดคุยในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างชื่นมื่น หม่าว่านหลงยังบอกว่าจะส่งคนนำยาบำรุงมาให้กับลูกสาวเขาในวันถัดไปด้วย ถึงแม้วันนี้พวกเขาจะไม่ได้ตัวเธอกลับไปด้วย แต่พอเห็นว่าเธออยู่ดีมีความสุข พวกเขาก็พอใจมากแล้ว และทุกคนยังสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเธอบ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้ สำหรับเรื่องบอดี้การ์ดของตระกูลหวังที่มีอยู่นั้น หม่าว่านหลงยังใจดีให้หวังจุนเหยาส่งคนที่ไว้ใจได้ไปฝึกฝนกับพวกเขาที่ภูเขานอกเมืองหลวง เพราะเขาเป็นห่วงลูกสาวกลัวว่าจะถูกคนอื่นรังแก ส่วนคนของเขาที่พามาด้วยทั้งสิบคนล้วนแต่มีฝีมือระดับต้น ๆ ของตระกูลเช่นกัน เขาให้ทุกคนอยู่ดูแลหวังเหลียนที่ตระกูลหวัง ก่อนที่หม่าว่านหลง หม่าหยูเว่ย หม่าเ
ตระกูลหม่าหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อ พอได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากหวังเหลียนที่โทรบอกหม่าว่านหลงก่อนหน้านี้ก็รีบจัดกำลังคนกระจายตัวออกตามหาตัวประกันตามสถานที่ที่คิดว่าตระกูลจ้าวจะพาพวกเขาไปในทันที“ท่านพ่อ เรื่องนี้ผมคิดว่าท่านผู้นำน่าจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ หากตระกูลโบราณออกไปทำเช่นนี้กับคนในโลกภายนอกทั้งหมด บ้านเมืองคงวุ่นวายไม่น้อย”“เราไม่อาจคาดเดาความคิดของท่านผู้นำได้หรอกลูก แต่อย่างน้อยอาเหลียนก็หันมาขอความช่วยเหลือจากเราบ้างแล้ว ลูกก็ตั้งใจช่วยตัวประกันให้ดีล่ะ ถ้าช่วยไม่ได้ค่อยโทรหาพ่อ”“นั่นสินะ อย่างน้อยเราก็สามารถช่วยเหลือลูกสาวได้บ้าง ถ้าหากเธอไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากเราในเรื่องนี้แล้วไปจัดการเอง แม่กลัวว่าน้องสาวลูกกับหลานจะเกิดอันตรายได้น่ะสิ”“อ้าว ไหนท่านพ่อบอกว่าน้องสาวขอกำลังคนไปที่ตระกูลหวังด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ หวังจุนเหยานำภาพอัลตร้าซาวด์ที่ถ่ายเก็บเอาไว้ในกรอบรูปมาให้คนตระกูลหม่าดู พอหม่าว่านหลงเห็นรูปหลานชายก็ได้แต่น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวที่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงดูต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะมีวันนี้ได้ หม่าหยูเม่ยเองก็ได้แต่เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อย่างปลาบปลื้มที่เธอกำลังจะมีหลาน ส่วนหม่าเฉียงเจ๋อได้แต่แอบมองว่าหลานชายตัวน้อยของเขาเป็นอย่างไรการพูดคุยในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างชื่นมื่น หม่าว่านหลงยังบอกว่าจะส่งคนนำยาบำรุงมาให้กับลูกสาวเขาในวันถัดไปด้วย ถึงแม้วันนี้พวกเขาจะไม่ได้ตัวเธอกลับไปด้วย แต่พอเห็นว่าเธออยู่ดีมีความสุข พวกเขาก็พอใจมากแล้ว และทุกคนยังสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเธอบ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้ สำหรับเรื่องบอดี้การ์ดของตระกูลหวังที่มีอยู่นั้น หม่าว่านหลงยังใจดีให้หวังจุนเหยาส่งคนที่ไว้ใจได้ไปฝึกฝนกับพวกเขาที่ภูเขานอกเมืองหลวง เพราะเขาเป็นห่วงลูกสาวกลัวว่าจะถูกคนอื่นรังแก ส่วนคนของเขาที่พามาด้วยทั้งสิบคนล้วนแต่มีฝีมือระดับต้น ๆ ของตระกูลเช่นกัน เขาให้ทุกคนอยู่ดูแลหวังเหลียนที่ตระกูลหวัง ก่อนที่หม่าว่านหลง หม่าหยูเว่ย หม่าเ
จ้าวเฟยพาผู้คุ้มกันของตระกูลหม่าไปอีกทางหนึ่งรวมทั้งพ่อบ้านไห่ด้วยเพื่อที่จะได้ปล่อยให้เหล่านายท่านได้พูดคุยกันเป็นส่วนตัว หวังซูหุยเดินนำทุกคนเข้าไปยังห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยสิ่งของมีค่ามากมายเมื่อทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แม่บ้านหลายคนนำของว่างและน้ำชามาให้ตามหน้าที่ หม่าหยูเม่ยพยักหน้ายิ้มให้กับการต้อนรับที่ดีเช่นนี้ เธอไม่คิดว่าคนที่ร่ำรวยอย่างนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลหวังจะมากมารยาทไม่ต่างจากคนในตระกูลโบราณเท่าไหร่นัก นับว่าไม่เสียแรงที่เธอเลือกจะมาพูดคุยกันดี ๆ ก่อนหม่าว่านหลงเทียวมองลูกสาวที่เขาคิดถึงมาหลายสิบปีกลับไปกลับมา ยิ่งเขาดูแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นลูกสาวเขาแน่นอน เพราะท่าทางและหน้าตาของเธอละม้ายคล้ายเขากับภรรยาในวัยหนุ่มสาวนักหม่าเฉียงเจ๋อเองก็มองน้องสาวที่ยิ้มบางข้างหวังจุนเหยาตามมารยาท เธอไม่แม้แต่จะคิดทักทายพวกเขาที่เป็นครอบครัวแม้แต่น้อย ทำให้หม่าเฉียงเจ๋ออดน้อยใจน้องสาวคนเดียวของเขาไม่ได้ขึ้นมาตะหงิด ๆ“เอาล่ะ ใ
หลังอาหารเช้าวันต่อมา หม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อ นำยอดฝีมือจากตระกูลหม่าติดตามไปด้วยเพียง 10 คน เท่านั้น โดยมีไห่เหลาตงนำทางไปยังตระกูลหวังที่ตอนนี้ก็กำลังนั่งคุยกันอยู่หลังกินข้าวเช้าเสร็จเช่นกัน“จุนเหยา หลานคิดว่าตระกูลหม่าจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อหวังเหลียนไม่ยอมกลับ”“อืม… ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเดินทางมาที่นี่นะครับคุณย่า ถ้าพวกเขารักภรรยาผมจริง ๆ พวกเขาต้องมาแน่ครับ” หวังจุนเหยาคาดเดาอย่างแม่นยำ“คุณย่าอย่าคิดมากเลยนะคะ ถ้าพวกเขามาจริง หนูจะไม่ให้พวกเขาก่อเรื่องที่บ้านเราแน่ค่ะ เรื่องนี้คุณย่าวางใจได้” หวังเหลียนกลัวว่าพ่อ แม่และพี่ชายเธอจะก่อเรื่องจึงรีบรับหน้าเอาไว้เสียก่อน“ฮ่า ฮ่า ย่าไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นหรอกอาเหลียน ย่าแค่ถามเพื่อจะได้สั่งแม่บ้านเตรียมการต้อนรับพวกเขาเท่านั้นน่ะจ๊ะ” หวังซูหุยเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เธอคิดว่าตระกูลโบราณพวกนั้นถึงแม้จะอารมณ์หุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช
ไห่เหลาตงกับพวกกลับไปถึงหมู่บ้านตระกูลหม่าในเวลาหลังเที่ยงคืน พวกเขาใช้วิชาตัวเบาเดินทางจึงได้ช้าเช่นนี้ อีกอย่างทางบนภูเขาไม่เหมาะสำหรับการใช้รถยนต์ ตระกูลหม่ามีที่ตั้งอยู่บนภูเขานอกเมืองหลวงห่างออกไปเกือบ 70 กม. บนเขายังมีสัตว์ป่าดุร้ายจำนวนมากที่ตระกูลหม่านำมาปกป้องทางขึ้นอีกด้วย หากเป็นคนในตระกูลหม่าเอง จะมีผงโรยตัวไม่ให้สัตว์ป่าทำร้าย ส่วนคนนอกหากจะขึ้นไปยังตระกูลหม่าจะต้องบาดเจ็บแน่ ที่ตีนเขายังมีเวรยามคอยลาดตระเวนอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวันทั้งคืน นี่เป็นกฎเกณฑ์ของตระกูลหม่าที่สืบต่อมายาวนานนับพันปี พวกเขามีหน้าที่ปกป้องประเทศหากเกิดศึกสงคราม ผู้นำตระกูลทุกรุ่นจะถูกปลูกฝังให้รักชาติและฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก ทำให้ตระกูลหม่าเป็นตระกูลโบราณเดียวที่มียอดยุทธ์อยู่มากที่สุดในบรรดาห้าตระกูลโบราณในห้องโถงตอนนี้มีหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาอยากพบหน้าหวังเหลียนจึงไม่มีใครยอมเข้าไปพักผ่อนจนกว่าจะได้พบทายาทของพวกเขาเสียก่อน แต่เมื่อพวกเขาเห็นเพียงไห่เหลาตงกับพวกกลับมาที่ตระกูลเท่านั้น หม่าว่านหลงก็ขมวดคิ้ว
“พวกเรา!! กลับ!” ไห่เหลาตงได้แต่หันหลังพาพรรคพวกกลับไปคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวจบลงแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ วันนี้พวกเขาเจอเรื่องราวพลิกผันมากมายจริง ๆ ทำให้แต่ละคนหน้าตาอ่อนล้าไม่น้อย หวังจุนเหยารีบลุกเดินไปโอบหวังเหลียนเข้ามาข้างตัวพร้อมกับจูบขมับเธอเพื่อปลอบโยนเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอนึกเสียใจหรือเปล่าที่ผลักไสครอบครัวจริง ๆ ของตัวเองผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างหันมองหน้ากันเมื่อเห็นว่าคนจากตระกูลโบราณจากไปอย่างไม่หันหลังกลับมามอง“เธอแน่ใจนะซูหุยว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้น่ะ” โอวหยางหลานฮุ่ยนึกเป็นห่วงตระกูลของเพื่อน เพราะพวกเธอเองยังต้องจัดการเรื่องตระกูลจ้าวหลงอีก จึงไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของตระกูลหวัง“อืม… ในเมื่อหลานสะใภ้ของฉันไม่ยินยอม ฉันกับหลานชายก็จะสนับสนุนเธอ”“เฮ้อ… ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ กันนะ” เกาซิงเหอ
เมื่อทั้งสองกลับมานั่งที่โซฟา เหล่าผู้อาวุโสคิดว่างานประมูลวันนี้คงต้องยกเลิกไปก่อนเนื่องจากเกิดปัญหาต่อเนื่องมากเกินไป ส่วนของทั้งสามชิ้นที่เหลือนั้นสามารถยกไปประมูลในงานอีกครึ่งปีหลังจากนี้ได้ไห่เหลาตงเห็นหวังเหลียนกลับมาแล้วก็รีบเดินไปคุกเข่าก่อนจะกล่าวรายงานตามความจริงว่านายท่านพูดอย่างไร“เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้แหละขอรับ ดังนั้นขอคุณหนูกลับไปยังตระกูลหม่าก่อน แล้วค่อยกลับมาที่ตระกูลหวังก็ยังไม่สายนะขอรับ” ไห่เหลาตงพยายามเกลี้ยกล่อมหวังเหลียนจากที่กำลังอารมณ์ดี ๆ และหยอกล้อกับสามีอยู่พลันใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมาอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ ตาแก่นั่นคิดว่านางเป็นใครกัน ทั้งที่ไม่เคยเลี้ยงดูเธอแม้แต่น้อย ปล่อยให้ร่างเดิมต้องตกระกำลำบากจนตายไปอย่างไม่ยินยอม ตอนนี้ยังคิดจะมาบังคับเธอให้กลับไปยังตระกูลอีก แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน“เฮอะ! เขากับตระกูลหม่าเคยเลี้ยงดูฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? มีสิทธิ์อะไรจะมาบังคับฉัน”
หัวหน้าขบวนที่มานั้นสาดสายตามองหาคุณหนูที่หายไปของตระกูลหม่าจนพบว่าหวังเหลียนนั่งอยู่ที่โซฟาใหญ่กับคนอีกหลายคน เขาที่เป็นพ่อบ้านนำภาพถ่ายที่ได้รับจากเฟยหยางฉิงก่อนจะติดตามมาที่งานประมูลโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้พวกเขาคลาดกันกับคุณหนูอีก ส่วนเรื่องจี้พยัคฆ์นั้นเขาค่อยสอบถามทีหลังก็ยังไม่สายไห่เหลาตงส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามทั้งหมดยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบก่อนที่เขาจะเดินไปยังโซฟาใหญ่แล้วคุกเข่าคารวะหวังเหลียนพร้อมกับเชิญให้เธอกลับไปยังตระกูลหม่าซึ่งอยู่หมู่บ้านนอกเมืองหลวงทันที“เฮอะ! คุณมั่นใจได้อย่างไร ว่าฉันเป็นคนของตระกูลคุณน่ะ” หวังเหลียนอดจะหมั่นไส้ท่าทางของคนตรงหน้าไม่ได้ที่เล่นใหญ่เกินหน้าเกินตา“เรียนคุณหนู บ่าวตรวจสอบหลักฐานจากเฟยหยางฉิงทั้งหมดแล้ว ไม่ผิดตัวแน่ขอรับ ขอให้คุณหนูรีบกลับตระกูลเพื่อความปลอดภัย เรายังไม่รู้ว่าตระกูลใดที่ลักพาตัวคุณหนูไปในปีนั้นเลยขอรับ นายท่าน นายหญิง กับคุณชายใหญ่เป็นห่วงคุณหนูมากนะขอรับ พวกเราตามหาคุณหนูมาตลอดหลายปีแล้ว”
ความคิดที่จะส่งกระบี่ให้สามีหายวับไปกับตาเมื่อเธอเห็นศัตรูกำลังจะแทงกระบี่ถึงตัวสามีที่ถอยร่นอย่างไม่คิดชีวิตอยู่ต่อหน้าต่อตา หวังเหลียนใช้วิชาตัวเบาลอยตัวไปขัดขวางกระบี่ของอีกฝ่ายเช้ง!!! เปรี้ยะ!! เพี๊ยะ!!เสียงปะทะกันของกระบี่สองเล่มดังไม่นาน ก่อนที่กระบี่ของคนจากตระกูลโบราณจะหักครึ่งจากสามกระบวนท่ากระบี่ของหวังเหลียนเท่านั้น เธอยังฝากรอยแผลเอาไว้ที่ร่างกายของชายคนนั้นไม่น้อยไปกว่าแผลที่สามีเธอได้รับ แต่จะให้เธอฆ่าเขาก็คงจะไม่เหมาะสมนัก หวังเหลียนจึงยั้งมือไว้ไมตรีสักหน่อย ท้ายที่สุดหวังเหลียนก็ยกขาสูงเตะเขาออกห่างจากสามีของเธอจนลอยไปกระแทกกำแพงอีกฝั่งหนึ่งของห้องประมูลจนกระอักเลือดออกมากองใหญ่พลั่ก! ตุ้บ! อั่ก ๆ!!หวังจุนเหยาที่ตอนแรกเป็นห่วงภรรยารัก พอเห็นลูกเตะของเธอเข้าไปเขาถึงกับขนลุกขึ้นมาเสียเฉย ๆ หวังจุนเหยาไม่คิดว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะมีฝีมือการต่อสู้สูงส่งเช่นนี้ ความจริงเขาสามารถรับมือคนผู้นั้นต่อได้ เพียงแต่เขาไม่มีกระบี่ในมือเท่านั้นเอง