เมื่อ ชุยซินอี๋ หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบ กลับไปมีความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนกับ เฝิงอี้ เรื่องราวความรักที่แสนละมุนและอบอุ่นจึงเกิดขึ้น อีกทั้งคนทั้งสองยังต้องจับมือกันก้าวข้ามอันตรายและความลับที่รออยู่ และยังต้องช่วยกันดูแลเจ้าก้อนแป้งอ้วนกลมตัวน้อยซึ่งเป็นลูกของคนทั้งสองอีกด้วย เรื่องราวความรักโรแมนติกในยุค 80 กำลังจะพาคุณย้อนเวลาไปพบกับความหวานละมุนกลมกล่อม และความสนุกที่จะจดจำไม่รู้ลืม
View Moreเมืองกวานซี มณฑลซานซี
"ซินซิน ลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก"
"เสร็จแล้วค่ะแม่"
เสียงหวานใสของหญิงสาววัยสิบแปดปีเอ่ยขึ้นด้วยความไม่รีบไม่ร้อน ใบหน้างดงามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินผิว จึงดูงดงามตามวัย ดวงตาของเธอกลมโต ริมฝีปากบางสวย รูปร่างบอบบาง ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับน้ำนม ใครๆ ที่ได้เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ชุยซินอี๋ ยกมือขึ้นจับผมที่ถักเปียทั้งสองข้างของตนเองเพื่อดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน เมื่อออกมาถึงก็พบกับแม่ของเธอที่กำลังเตรียมอาหารใส่กล่องเอาไว้และยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว
"เอาไปกินที่โรงเรียนนะจ๊ะ จะได้ประหยัดค่าอาหาร"
"เข้าใจแล้วค่ะแม่ หนูไปเรียนก่อนนะคะ"
ชุยซินอี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สดใส ผู้เป็นแม่มองลูกสาวของตนเองเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ซินซิน อีกไม่นานลูกก็จะจบมัธยมปลายแล้ว ลูกก็รู้ว่าบ้านเราไม่มีเงินส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัย ต้องให้ลูกเข้ามาช่วยแม่ทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิง"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเข้าใจแม่ดีและไม่ได้โกรธอะไร เงินที่แม่ส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเมตตาจากคุณนายเฝิง ด้วยเพราะเอ็นดูเธอไม่น้อย แม่เลี้ยงเธอมาอย่างยากลำบาก ตั้งแต่พ่อตายไปแม่ก็ทุ่มเททุกอย่างให้เธอ พ่อกับแม่ทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิงมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เธอเองก็ได้มีโอกาสไปที่นั่นบ้างเป็นครั้งคราว แต่ระยะหลังเพราะแม่ไม่อยากให้เธอเข้าไปวุ่นวายที่ภัตตาคารเท่าไรนัก เนื่องจากเกรงใจคุณนายเฝิง เธอจึงไม่ค่อยได้ไปที่นั่นบ่อยเท่าแต่ก่อนอีก
"หนูเข้าใจค่ะแม่ หนูไปเรียนก่อนนะคะ จะสายแล้ว"
"จ้ะ ตอนเย็นกลับมาลูกก็หุงข้าวทำอาหารไว้รอนะ แม่อาจจะกลับบ้านค่ำหน่อย"
"ค่ะแม่"
ชุยซินอี๋ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่จักรยานคันเก่าของตนเอง เธอวางกล่องอาหารไว้ในตะกร้าจักรยาน และสะพายกระเป๋าเอาไว้ ก่อนจะปั่นจักรยานไปโรงเรียนทันที
"ซินซิน รอด้วย!!!"
ชุยซินอี๋ที่กำลังปั่นจักรยานอยู่นั้นรีบหยุดลง ก่อนจะหันกลับไปมอง
"อาตง"
ชุยซินอี๋ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่กำลังปั่นจักรยานตามเธอมา เขามีชื่อว่าหยางตง เป็นเพื่อนข้างบ้านของเธอที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก อีกทั้งยังเรียนอยู่ชั้นเรียนเดียวกับเธออีกด้วย
"นายตื่นสายอีกแล้วสินะ รีบไปกันเถอะ"
"อืม"
หยางตงมองดูชุยซินอี๋ก่อนจะยิ้มและพยักหน้า คนทั้งสองรีบปั่นจักรยานจนมาถึงโรงเรียนทันที เมื่อมาถึงห้องเรียนก็พบกับเฝิงอินที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน เมื่อเฝิงอินเห็นชุยซินอี๋และหยางตงก็โบกมือเรียกคนทั้งสองทันที
"ซินซิน อาตง"
ชุยซินอี๋ยิ้มให้เฝิงอินก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนข้างกัน เฝิงอินเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณนายเฝิง เจ้านายของแม่เธอ โรงเรียนมัธยมที่นี่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ค่าเรียนเองก็ไม่ใช่น้อยๆ หยางตงนั้นพอมีฐานะบ้าง ส่วนเธอนั้นหากไม่ได้ความเมตตาจากคุณนายเฝิงก็คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาเรียน เธอกับเฝิงอินรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ และสนิทกันเรื่อยมา แต่เธอเองก็รู้ดีว่าควรรักษาท่าทีเอาไว้ เพราะว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวของลูกจ้างเท่านั้น
แต่เฝิงอินก็ดีกับเธอมาก
การเรียนในวันนี้ผ่านไปด้วยดี หลังจากสอบเสร็จแล้ว พวกเด็กๆ ก็จะเรียนจบมัธยมปลาย บ้านใครมีเงินก็จะได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง แต่สำหรับชุยซินอี๋แล้วเธอคงไม่มีโอกาสนั้น
ระหว่างพักเที่ยง คนทั้งสามที่เป็นเพื่อนสนิทกำลังนั่งกินอาหารด้วยกัน เฝิงอินมองดูอาหารในกล่องของชุยซินอี๋ที่มีแต่ผักกับเนื้อนิดหน่อยก็สงสารเพื่อนสาวมาก จึงคีบเนื้อหมูในจานไปวางบนข้าวของชุยซินอี๋
"กินเยอะๆ ผอมจนจะปลิวอยู่แล้วนะเธอน่ะ หากอยากกินอะไรก็บอก ฉันเลี้ยงเอง พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนี่ จริงไหมอาตง"
หยางตงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เฝิงอินยิ้มตาหยีก่อนจะพูดขึ้นมา
"เฮ้อ หลังจากเรียนจบมัธยมปลายแล้วฉันคงไม่ได้พบพวกเธออีก แม่ฉันน่ะจะให้ฉันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งที่เดียวกับพี่เฝิงอี้ ตอนนี้พี่ชายฉันอายุยี่สิบแล้ว อีกไม่นานก็คงจะจบมหาลัยที่นั่น ฉันเองก็ต้องตามพี่ไป คงคิดถึงพวกเธอแย่ แล้วพวกเธอล่ะ วางแผนว่าจะเรียนต่อที่ไหน"
ชุยซินอี๋ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"ฉันคงไม่ได้ไปเรียนต่อหรอก ต้องช่วยแม่ทำงาน เธอก็รู้นี่ว่าบ้านฉันไม่มีเงิน"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าเศร้าลงไปไม่น้อย ส่วนหยางตงนั้นก็เอ่ยขึ้นมา
"ไม่ต้องกังวลไปนะซินซิน ฉันเองก็ไม่เรียนต่อ ที่บ้านต้องให้มาดูแลกิจการรับเหมาก่อสร้างต่อน่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง"
คนทั้งสามหัวเราะกันออกมาเล็กน้อย หลังจากเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน ได้ยินเฝิงอินบอกว่าเดือนหน้าพี่ชายของเธอจะมารับเธอไปที่ปักกิ่งเพื่อตระเตรียมที่เรียน พี่ชายของเฝิงอินชื่อว่าเฝิงอี้ ตั้งแต่เขาไปอยู่ที่ปักกิ่งเธอเองไม่ได้เจอหน้าเขาอีก นี่ก็คงร่วมสิบปีแล้วกระมัง จากเด็กชายอายุเก้าขวบปีในวันนั้น ป่านนี้คงเติบโตมากแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังจะจำเธอได้ไหม ได้ยินว่าเขาไปอยู่กับญาติที่ปักกิ่ง ดูแล้วคงจะสุขสบายดีกว่าอยู่ที่กวานซีมากนัก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชุยซินอี๋ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอทำงานบ้านตามที่แม่สั่งทุกอย่าง ก่อนจะมานั่งทบทวนบทเรียน ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาเป็นแม่ของเธอนั่นเอง
ชุยซินอี๋เดินไปหาแม่ของเธอทันทีและช่วยถือของที่แม่หิ้วกลับมา หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อก่อนจะเอ่ย
"วันนี้ลูกค้าเยอะมาก อีกทั้งคนงานยังลาป่วยไปถึงสองคน แม่ต้องวิ่งวุ่นไปช่วยงานในร้านอื่นของคุณนายเฝิงด้วย ลูกเอาอาหารนี่ไปอุ่นที คุณนายใจดีแบ่งมาให้เราน่ะ เห็นว่าเดือนหน้าคุณชายใหญ่เฝิงจะกลับบ้าน คุณนายเฝิงเลยต้องจัดการงานต่างๆ ให้เรียบร้อยจะได้ต้อนรับลูกชายได้เต็มที่"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินว่าเฝิงอี้จะกลับมากวานซีหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานก็ใจเต้นแรงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมาที่บ้านบ้าง หรือเพราะว่าหลงใหลความเจริญที่ปักกิ่งไปแล้ว
“ซินซิน ได้ยินที่แม่พูดไหม ลูกเหม่อลอยอะไรกัน”
“อ๋อ เปล่าค่ะแม่”
ชุยซินอี๋ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะนำอาหารไปอุ่น เย็นวันนี้สองแม่ลูกกินอาหารด้วยกันอย่างเรียบง่าย ก่อนจะแยกย้ายเข้านอนไปพักผ่อน
วันเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งเดือนในที่สุดชุยซินอี๋ก็เรียนจบโรงเรียนมัธยมปลาย และกำลังจะมาทำงานที่ภัตตาคารของคุณนายเฝิง
และอีกด้านหนึ่งเฝิงอี้ก็กำลังจะกลับมาที่บ้านตระกูลเฝิงพอดี หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายปีแล้ว
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา
Comments